บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1101

บทที่ 1101 ผนึกตามกลิ่น

บทที่ 1101 ผนึกตามกลิ่น

เมืองหยกขจีไม่เหมือนกับเมืองใด ๆ ที่เฉินซีเคยเห็นมาก่อน เพราะมันถูกสร้างขึ้นบนภูเขามากมาย และทุกที่ที่มองเห็นก็มีสีเขียวหยกที่อุดมสมบูรณ์

ต้นไม้โบราณจำนวนมากตั้งสูงตระหง่านขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกมันหยั่งรากบนภูเขาเขียวขจี ไล่ระดับขึ้นลงเหมือนมหาสมุทรสีเขียวหยก สายลมสดชื่นพัดโชยมาแผ่วเบา ทำให้เกิดระลอกคลื่นสีเขียวที่แต่งแต้มเป็นฉากที่งดงาม

และชื่อเมืองก็มาจากสิ่งนี้

ศาลาและอาคารจำนวนมากถูกสร้างขึ้นบนภูเขา มันซ่อนตัวอยู่ระหว่างกิ่งก้านและใบไม้เขียวขจี ทันทีที่เฉินซีเข้ามา ราวกับได้เข้าไปในป่าโบราณที่จอแจและมีชีวิตชีวา

ยิ่งไปกว่านั้น เส้นทางของที่นี่ก็แตกต่างจากที่อื่นเช่นกัน เส้นทางที่คดเคี้ยวไปมาระหว่างภูเขา บางที่ก็มีร่างของคนทะยานไปมาระหว่างต้นไม้โบราณมากมาย ทำให้เส้นทางของมันคดเคี้ยวและซับซ้อนราวกับเขาวงกตตามธรรมชาติ

ร่างที่ทะยานไปมาระหว่างต้นไม้โบราณและเส้นทางบนภูเขา ทำให้สถานที่นี้ดูคึกคักอย่างมาก

ทันทีที่ก้าวเข้ามาในเมือง เฉินซีก็เห็นฉากของความสงบท่ามกลางเสียงอึกทึก และทะเลต้นไม้เขียวขจีอันอุดมสมบูรณ์ จึงอดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความชื่นชม จากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะและพุ่งตรงไปข้างหน้า

เขาไม่มีเวลาชื่นชมทิวทัศน์ และกำลังถูกไล่ล่าอยู่ จึงไม่มีความคิดที่จะรั้งรอ และถอนหายใจเกี่ยวกับทิวทัศน์อันงดงามของเมืองนี้

แผนที่ที่เหลียงปิงมอบให้ตราตรึงอยู่ในใจ และสิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มไม่หลงทางในถนนของเมืองหยกขจีที่ซับซ้อนประหนึ่งใยแมงมุม

อย่างไรก็ตาม เฉินซีไม่ได้เร่งรีบไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติ ชายหนุ่มเคลื่อนตัวไปทางซ้ายและขวา ก่อนจะมาถึงส่วนลึกของถนนที่เปลี่ยวและเงียบสงบ มองดูบริเวณโดยรอบอยู่ชั่วครู่ จากนั้นทั้งร่างก็สว่างวาบและหายไปทันที เมื่อไม่มีใครอยู่ใกล้เคียง

หลังจากนั้นไม่นาน ร่างผอมบางก็เดินออกมาจากถนนที่เปลี่ยวและเงียบสงบช้า ๆ

ชายสวมเสื้อคลุมนักพรตสีเหลืองอมส้ม ผิวเป็นสีข้าวสาลี หน้าตาธรรมดาทั่วไป และมีดวงตาคู่หนึ่งลึกล้ำและสว่างไสวราวกับดวงดาว รอยยิ้มบาง ๆ ประดับอยู่บนใบหน้า ในขณะที่ท่าทางนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างมาก เพราะแม้ว่ามันจะดูธรรมดา แต่กลับมีกลิ่นอายของความสง่าผ่าเผยและไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

คนผู้นี้ย่อมคือเฉินซีอย่างแน่นอน ทว่านี่คือร่างอวตาร

นับตั้งแต่ร่างอวตารบรรลุขอบเขตเซียนสวรรค์ในการขัดเกลากายา เขาก็เริ่มบ่มเพาะหนึ่งในเคล็ดวิชาที่สืบทอดมาจากเทพอสูร เคล็ดหม้อกลั่นนพเก้าเทพยมโลก

เคล็ดวิชาบ่มเพาะนี้ได้มาจากเซวียนอวิ๋น ปรมาจารย์คนหนึ่งของสำนักศึกษาจตุรเทพ ซึ่งเดิมทีมันถูกซ่อนอยู่ในยันต์โบราณที่เสียหาย และเฉินซีได้ไขความลับของมันด้วยเนตรเทวะแห่งความจริง จึงทำให้เขาได้รับมรดกนี้มา

ซึ่งอาจถือได้ว่า เคล็ดหม้อกลั่นนพเก้าเทพยมโลกนั้นเป็นสุดยอดมรดก เพราะมันศึกษาความลับของมหาเต๋าจนถึงขีดสุด และเปลี่ยนมวลพลังให้เป็นรูปแบบของหม้อกลั่นเก้าใบ อีกทั้งยังเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่ยอดเยี่ยมและหาได้ยาก

สำหรับเงื่อนไขพื้นฐานในการบ่มเพาะนั้น ผู้ฝึกฝนจะต้องมีความเข้าใจในมหาเต๋าอย่างน้อยเก้าประเภทที่ขอบเขตสมบูรณ์แบบ และนี่เป็นเพียงเงื่อนไขพื้นฐานเท่านั้น แต่ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าเคล็ดวิชานี้ไม่ธรรมดาเพียงใด เพราะเป็นเงื่อนไขที่เข้มงวดที่สุด เท่าที่เฉินซีเคยเห็นตั้งแต่เริ่มบ่มเพาะมา

ยิ่งไปกว่านั้น ตามการอนุมานของเฉินซี เคล็ดวิชานี้ถูกเตรียมการเป็นพิเศษสำหรับเซียนที่จะเข้าสู่วิถีของทักษะขัดเกลากายาเทพอสูร กล่าวอีกนัยหนึ่ง ผู้ที่มีการบ่มเพาะต่ำกว่าขอบเขตเซียนสวรรค์ในการขัดเกลากายา จะไม่สามารถบ่มเพาะมันได้เลย

เคล็ดวิชาการบ่มเพาะนี้แบ่งออกเป็นเก้าระดับ และเรียกว่าเก้าระดับของเทพยมโลก

ทุกระดับจะทำให้ความแข็งแกร่งของผู้ขัดเกลากายาได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คล้ายกับการเกิดใหม่ เมื่อถูกบ่มเพาะจนถึงระดับสูงสุด ก็เพียงพอที่จะดูแคลนผู้ยิ่งใหญ่ในโลกได้!

ปัจจุบัน ร่างอวตารของเฉินซีเพิ่งจะบ่มเพาะพื้นฐานของเคล็ดหม้อกลั่นนพเก้าเทพยมโลก หรือระดับที่หนึ่งของเทพยมโลก ถือได้ว่าเพิ่งเรียนรู้พื้นฐานเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น ตามบันทึกของเคล็ดวิชาบ่มเพาะ เมื่อปราณจ้าววิญญาณอมตะถูกขัดเกลาจนก่อตัวเป็นเหมือน ‘หม้อกลั่น’ ก็จะถือว่าบรรลุในระดับแรกของเทพยมโลก

และ ‘หม้อกลั่น’ ที่ว่านี้ ก็ไม่ใช่หม้อกลั่นธรรมดาทั่วไป แต่เป็นหม้อกลั่นต้นกำเนิดจักรวาลที่ถือกำเนิดขึ้นในช่วงยุคโกลาหลก่อนที่โลกจะล่มสลาย พวกมันมีทั้งหมดเก้าใบ และพลังของหม้อแต่ละใบ ก็เพียงพอที่จะบดขยี้โลกใบใหญ่ได้!

เมื่อผู้บ่มเพาะบรรลุระดับแรกของเทพยมโลกได้สำเร็จ แม้ว่าพลังที่ ‘หม้อกลั่น’ ครอบครองนั้นจะไม่น่ากลัวเท่าหม้อกลั่นต้นกำเนิดจักรวาลที่แท้จริง แต่มันก็ไม่ได้ด้อยกว่ามากนัก และมันก็มากเกินพอที่จะบดขยี้โลกใบเล็กได้

ปัจจุบัน แม้ว่าเฉินซีจะเพิ่งบ่มเพาะขั้นพื้นฐาน และยังไม่ประสบความสำเร็จในการขัดเกลาพลังของ ‘หม้อกลั่น’ แต่ความแข็งแกร่งในการขัดเกลากายาของเขาก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เลือดเดือดพล่าน ในขณะที่ปราณจ้าววิญญาณลึกล้ำดุจหุบเหวลึกในทุก ๆ การเคลื่อนไหว ยิ่งกว่านั้น พลังชีวิตก็เป็นเหมือนหม้อกลั่นที่ปะทะกัน และพวกมันสร้างเสียงดังกึกก้องที่ฟังเหมือนเสียงกัมปนาทของมหาเต๋า

หากคาดเดาไม่ผิด เพียงความแข็งแกร่งในการขัดเกลากายาในปัจจุบัน ควบคู่ไปกับกฎแห่งมหาเต๋าทั้งเก้าประเภทที่ควบแน่นสำเร็จ ก็เพียงพอแล้วที่จะบดขยี้ผู้เยี่ยมยุทธ์ส่วนใหญ่ที่อยู่ในขอบเขตเดียวกัน!

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าสามารถบ่มเพาะพลังของ ‘หม้อกลั่น’ ได้สำเร็จ ความแข็งแกร่งของเขาก็จะเกินจินตนาการอย่างแน่นอน

อย่างน้อยที่สุด เฉินซีก็อนุมานได้ว่า ถ้าเวลานั้นมาถึงจริง ๆ ร่างหลักก็ไม่อาจเทียบได้กับร่างอวตาร

นี่คือความน่าเกรงขามของเคล็ดหม้อกลั่นนพเก้าเทพยมโลก แต่ด้วยเหตุนี้ มันจึงทำให้การฝึกฝนเป็นเรื่องที่ยากมาก และด้วยพรสวรรค์ของเฉินซี เขาสามารถเข้าใจระดับที่หนึ่งของเทพยมโลกได้เพียงสามส่วนเท่านั้น

นี่เป็นขีดจำกัดที่ขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้นในการขัดเกลากายาจะสามารถบรรลุได้ หากต้องการพัฒนาไปอีกขั้น มันจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อทะลวงเข้าสู่ยอดเขาทองคำแห่งทิศประจิม หรือขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นกลางในการขัดเกลากายา

ตอนนี้ เหตุผลที่เฉินซีปรากฏตัวด้วยร่างอวตาร ประการแรก เพราะเขาสงสัยว่าร่างหลักอาจถูกศัตรูลอบประทับตรา ทำให้พวกมันติดตามมาได้

แต่ที่สำคัญที่สุด หลังจากที่ร่างอวตารได้บ่มเพาะเคล็ดหม้อกลั่นนพเก้าเทพยมโลกแล้ว มันก็สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ ท่าทาง โครงสร้างของกระดูก เส้นลมปราณ หรือแม้แต่จุดชีพจรได้ตามต้องการ ซึ่งบังเอิญทำให้เขาเปลี่ยนรูปลักษณ์ และหลีกเลี่ยงไม่ให้ศัตรูสังเกตเห็น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]