บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1109

บทที่ 1109 สายฝนแห่งคมกระบี่

บทที่ 1109 สายฝนแห่งคมกระบี่

ความผันผวนที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้นั้นทรงพลังยิ่ง ไม่ว่ามันจะพัดผ่านไปยังที่ใด ภูเขาก็พังทลาย ต้นไม้หักโค่นไม่เหลือตอ แม้แต่กระแสอากาศที่ปั่นป่วนเหลือคณนาก็บดขยี้ทุกสรรพสิ่งไม่เหลือชิ้นดี

เดิมทีเฉินซีตั้งใจหลีกเลี่ยงการปะทะในครั้งนี้ ทว่าเมื่อญาณมหาเทวะอมตะฉายรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย ดวงตาคมกริบก็ทอแววประหลาดใจ ชายหนุ่มเปลี่ยนการตัดสินใจในทันที

เพียงเสี้ยวพริบตา ร่างสูงใหญ่เดินหน้าเข้าไปโดยไม่คิดหวั่นเกรง

หนึ่งในคนที่กำลังต่อสู้อยู่คือชายหนุ่มในชุดสีเทาที่มีรูปลักษณ์ธรรมดายิ่ง ผิดกับความแข็งแกร่งอันน่าเกรงขาม คนผู้นี้คือบุรุษคนเดียวกันกับที่เห็นในภัตตาคารเมืองวาฬหยก

ในตอนนั้น ชายหนุ่มในชุดสีเทาอยู่กับหวังทา ผู้ครองอันดับสองแห่งเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปของทวีปเมฆาพำนัก คล้ายว่าจะชื่อเหลี่ยปิงหาน และใช่ อันดับของเขาอยู่สูงกว่าหวังทาเสียอีก คนผู้นี้คือคนที่อยู่ในอันดับสูงสุดของเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปแห่งทวีปเมฆาพำนัก!

สิ่งที่ทำให้เฉินซีมั่นใจไม่ใช่เหลี่ยปิงหาน แต่เป็นชายสองคนที่กำลังไล่ล่าและพยายามสังหารเหลี่ยปิงหานอยู่ต่างหาก

หนึ่งในนั้นมีรูปร่างผอมบาง ใบหน้าขาวซีดตัดกับดวงตาสีเขียวแวววาว ส่วนอีกคนมีรูปร่างกำยำ สวมชุดที่ทำจากผ้าป่าน รูปลักษณ์ทั้งสง่างามและดุดัน

เฉินซีสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังคล้ายคลึงกับเจี่ยงหนิงและเยว่เจิ้นจากสองคนนี้ นั่นคือจิตสังหารอันเย็นชา ไร้ปรานี เป็นรัศมีที่ชวนให้นึกถึงเครื่องจักรสังหาร

หากเฉินซีคาดไม่ผิด พวกเขาจะต้องเป็นองครักษ์โมฆะอย่างแน่นอน!

นี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เฉินซีเปลี่ยนใจ

ภายในป่าลึก

“บัดซบ! เจ้ากล้าทำร้ายสหายของข้าอย่างนั้นหรือ ช่างขวัญกล้าอะไรเช่นนี้!”

“จ้าวติง ทำไมเจ้าถึงทำตัวไร้ประโยชน์เช่นนี้ อย่าลืมสิว่าศิษย์พี่หลูเฉินสั่งไว้ว่าอะไร ฆ่าทุกคนที่พยายามข้ามสะพานจรัสแสงเมฆา!”

“ศิษย์พี่ชิวเยี่ยนท่านพูดถูก”

ท่ามกลางบทสนทนาที่ฟังดูเหี้ยมเกรียม ชายหนุ่มผอมบางนามว่าจ้าวติง และชายหนุ่มในชุดผ้าป่านนามว่าชิวเยี่ยนกำลังไล่ตามเหลี่ยปิงหานอย่างไม่ลดละ ดูเหมือนว่าพวกเขาตั้งใจจะปลิดชีวิตอีกฝ่าย

เหลี่ยงปิงหานหายใจหอบถี่ ทั้งใบหน้าซีดขาว ไหล่ และซี่โครงอาบไล้ไปด้วยโลหิตแดงฉาน เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการไล่ล่าครั้งนี้

คล้ายว่าเสียงพูดคุยของคนที่ไล่ตามจะไม่ได้กระทบเข้าโสตประสาทของชายหนุ่มแต่อย่างใด เขาพุ่งตัวไปข้างหน้าพร้อมกับรับมือกับการโจมตีของอีกฝ่าย ใบหน้าที่ปราศจากสีสันยังคงเปี่ยมได้ด้วยความมุมานะอย่างแรงกล้า

ถึงอย่างนั้น จิตใจของเหลี่ยปิงหานก็หาได้สงบนิ่งอย่างที่เห็นภายนอก พวกประหลาดนี่มาจากไหนกันแน่? ทั้งที่ข้าอยู่ในอันดับห้าร้อยแรกของเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้าแท้ ๆ แต่ข้ากลับไม่อาจต้านทานคนเหล่านี้ได้เลย!

น่าเสียดายที่ข้าประเมินหวังทาผิดไป ไม่นึกเลยว่าเจ้านั่นจะยอมทิ้งศักดิ์ศรีและคุกเข่าจำนนต่อศัตรู จริงอยู่ที่การทำเช่นนั้นจะทำให้สามารถข้ามสะพานจรัสแสงเมฆาไปได้ แต่มันก็เป็นการกระทำที่น่าอดสูและไร้ยางอายเกินกว่าที่ข้าจะรับไหว

ข้า เหลี่ยปิงหาน ยอมตายอย่างมีเกียรติ ดีกว่าต้องอยู่อย่างไร้ศักดิ์ศรี!

เอาเถิด คิดมากไปก็เท่านั้น หากครั้งนี้ข้ารอดไปได้ ในภายภาคหน้าข้าจะฆ่าไอ้สารเลวพวกนี้ให้หมดอย่างแน่นอน!

ตู้ม!

ทันใดนั้น พลังที่น่าสะพรึงกลัวก็พุ่งเข้ามาไม่ต่างกระแสน้ำ มันกระแทกร่างของเหลี่ยปิงหานให้ลอยไปไกลกว่าหกลี้ ตลอดระยะทางอันยาวไกล ละอองเลือดแดงฉานกระอักออกมาจากริมฝีปากซีดเซียว พลังชีวิตของชายหนุ่มบัดนี้ไม่อาจโคจรได้อย่างปกติดังเคย

ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ก่อนที่เหลี่ยปิงหานจะหยัดตัวเพื่อหลบหนีอีกครั้ง จ้าวติงและชิวเยี่ยนก็ได้เปลี่ยนร่างกายเป็นลำแสง พวกเขาปิดกั้นเส้นทางหลบหนีของเหลี่ยปิงหานทั้งจากด้านหน้าและด้านหลัง

หัวใจของชายหนุ่มมืดหม่นลงเมื่อเห็นสิ่งนี้ และขบกรามแน่นด้วยท่าทางสงบนิ่ง

“เอาสิ! หนีไปสิ! ทำไมไม่หนีเล่า” จ้าวติงเย้ยหยันพลางสืบเท้าเข้าไป ร่างโปร่งมองเป้าหมายราวกับกำลังจับจ้องซากศพเดินได้ แววตาเต็มไปด้วยความถากถางชิงชัง

“เหอะ! ผู้เยี่ยมยุทธ์อันดับหนึ่งของเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปแห่งทวีปเมฆาพำนักผู้แสนเย่อหยิ่งทระนงอย่างนั้นหรือ? ในสายตาของพวกข้า เจ้าไม่ต่างอะไรกับหมาขี้เรื้อนนักหรอก!” ชิวเยี่ยนกางแขนออกในท่าตะครุบ ฉับพลันนั้น พายุสีดำสนิทก็พุ่งออกมาจากกรงเล็บและตรงเข้าไปที่หัวของเหลี่ยปิงหานด้วยความรุนแรง!

การโจมตีครั้งนี้โหดเหี้ยม ไร้ความปรานีอย่างยิ่ง ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าชิวเยี่ยนตั้งใจจบการต่อสู้โดยเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง

นี่เป็นวิถีขององครักษ์โมฆะ พวกเขาเกิดมาเพื่อเป็นนักฆ่า ไม่มีความเมตตา หรือเกิดความรู้สึกลังเลใด ๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรู!

ครั้นเมื่อเหลี่ยปิงหานสัมผัสได้ว่าพลังของกรงเล็บนี้น่าสะพรึงกลัวเพียงใด ใบหน้าซีดเผือดพลันหม่นหมองยิ่งกว่าเก่า ชายหนุ่มรู้ดีว่าตนไม่อาจหลีกเลี่ยงการโจมตีในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน

หรือว่าวันนี้จะเป็นวันตายของข้านะ?

ช่วงเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ เหลี่ยปิงหานเฝ้าคิดทบทวนหลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งเรื่องราวที่ตนเคยพบพานตลอดเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ และความปรารถนาที่จะได้ร่ำเรียนในสำนึกศึกษาจักรพรรดิเต๋า…

สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในห้วงคิดนั้นหล่อหลอมเป็นความไม่ยอมจำนน ตอนนั้นเอง ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นพร้อมกับดวงตาที่สว่างแพรวพราว เขาตัดสินใจแล้วว่าต่อให้ตนต้องตาย ก็ลากหนึ่งในสองคนนั้นลงนรกตามไปด้วย!

ฟิ้ว!

ยังไม่ทันที่เหลี่ยปิงหานจะได้ลงมือ ปราณกระบี่กลุ่มหนึ่งที่ไม่คุ้นเคยก็ส่งเสียงคำราม มันเหมือนกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก หากบางคราก็คล้ายกับสายฝนพรำส่องประกายระยับอยู่ข้างหู…

นี่มันเสียงอะไรกัน?

ครู่ถัดมา ปราณกระบี่อันไพศาลประหนึ่งมหาสมุทรก็ฟาดฟันลงมา ดูเหมือนมันจะเปลี่ยนท้องฟ้าและแผ่นดินอันกว้างใหญ่ให้กลายเป็นทะเลคลั่ง!

ช่างเป็นปราณกระบี่ธาตุน้ำที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้!

ขณะเดียวกันนั้นเอง ดวงตาของจ้าวติงและชิวเยี่ยนจรดลงที่การโจมตีนั้น พวกเขาหน้าถอดสีลงถนัดตา ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างด้วยสัญชาตญาณ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]