บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1112

บทที่ 1112 กระบี่พันสารท

บทที่ 1112 กระบี่พันสารท

กลิ่นเลือดอบอวลในอากาศ ขณะที่เกาหลินเสียชีวิต ณ ที่นั้น และมือขวาที่กำแน่นก็ถูกเฉินซีตัดออก

ภายใต้สายตาที่อยากรู้อยากเห็นของเหลี่ยปิงหาน เฉินซีแงะมือขวาของเกาหลินออก และเผยให้เห็นยันต์สื่อสาร

“มันตั้งใจจะขอความช่วยเหลือจากสหายหรือ?” เหลี่ยปิงหานเอ่ยถาม

เฉินซีส่ายศีรษะ “มันคงตั้งใจรายงานเรื่องสำคัญมากกว่าขอความช่วยเหลือ”

เฉินซีอ่านเนื้อหาในแผ่นหยก แน่นอนว่าเขาสังเกตเห็นว่าคำว่า ‘ไม่มีที่สิ้นสุด’ และ ‘เขาเทพพยากรณ์’

“ดวงตาของคนผู้นี้ช่างน่าเกรงขามเสียจริง แท้จริงแล้วเขากลับสามารถอนุมานความไม่มีที่สิ้นสุดที่แฝงอยู่ในภายในค่ายกลของข้าได้…” เฉินซีถอนหายใจ ก่อนที่จะปัดมันด้วยมือ เพื่อทำลายข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ในนั้น

เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะยกมือขึ้นอีกครั้ง จากนั้นเขาก็เขียนคำว่า ‘ฆ่า ลงบนแผ่นหยกอย่างรวดเร็ว!

ลายมือนั้นคมกริบราวกับดาบ ทั้งยังน่าสยดสยอง บีบคั้นหัวใจ และดวงวิญญาณของเซียนธรรมดาทั่วไปอาจถูกแทงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเมื่อมองเพียงแวบแรก!

ฟิ้ว!

เฉินซีสำแดงพลังของแผ่นหยกนี้ด้วยการโบกมือ และส่งมันบินไปเข้าในส่วนลึกของเมฆบนท้องฟ้า

เหลี่ยปิงหานตกตะลึง และถามด้วยความงุนงง “เจ้าคิดจะประกาศสงครามหรือ?”

เฉินซีตอบกลับด้วยคำถาม “แล้วมันทำไมหรือ?”

เหลี่ยปิงหานส่ายศีรษะและหัวเราะอย่างขมขื่น ชายหนุ่มเข้าใจว่าสถานการณ์ปัจจุบันนั้นชัดเจนมาก ถ้าเขาต้องการผ่านสะพานจรัสแสงเมฆา ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเป็นศัตรูกับอีกฝ่าย

“ไปกันเถอะ ตอนนี้น่าจะปลอดภัยแล้ว ข้ามีคำถามบางอย่างที่จะขอคำชี้แนะจากเจ้า” เฉินซีมองไปที่เหลี่ยปิงหาน

เหลี่ยปิงหานกล่าวว่า “ว่ามาได้เลยสหายเต๋า ข้าจะบอกทุกอย่างที่ข้ารู้!”

เฉินซียิ้มและไม่กล่าวอะไรอีก ก่อนที่จะเดินเข้าไปในป่าหนาทึบ

โครม!

แผ่นหยกแตกเป็นเสี่ยง ๆ แต่สีหน้าของหลูเฉินยังคงเฉยเมยเช่นเดิม ทว่าสีหน้าขององครักษ์โมฆะทั้งสามคนที่อยู่เคียงข้างกลับมืดมนอย่างมาก

‘ฆ่า!’

มันเป็นเพียงคำคำเดียว แต่เป็นการยั่วยุที่ยอดเยี่ยมสำหรับพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย!

หลูเฉินพึมพำ “ประเสริฐ ประเสริฐมาก ตอนนี้ข้าแทบรอไม่ไหวที่จะพบกับเฉินซีคนนี้แล้ว!”

เสียงของเขาราบเรียบ แต่ก็ทำให้หัวใจของอีกสามคนสั่นไหว คนที่เหลือทราบอย่างชัดเจนว่า เมื่อศิษย์พี่หลูเฉินกล่าวเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าชายผู้นี้โกรธถึงขีดสุดแล้ว!

มีลำธารเล็ก ๆ ที่คดเคี้ยวและไหลเอื่อย อยู่ภายในป่าที่อุดมสมบูรณ์ แสงระยิบระยับจากแดดยามบ่ายส่องผ่านกิ่งไม้และใบไม้ที่หนาแน่น

เฉินซีนั่งลงบนพื้นอย่างสบาย ๆ ด้านหน้าคือกองไฟลุกโชน เหนือกองไฟมีปลาตัวใหญ่สีเงินยวงอยู่ อีกทั้งยังส่งกลิ่นเย้ายวนใจออกมา

สัตว์ร้ายวิญญาณดาราอย่างชิงชิงกำลังนอนอยู่ข้างกองไฟเหมือนสุนัขสีเงินตัวใหญ่ ดวงตาจ้องเขม็งไปที่ปลาย่างบนกองไฟ น้ำลายแทบไหลออกจากปากของมัน

“ข้าอยู่ในอันดับห้าร้อยห้าสิบเก้าในเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า แต่ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมันสักคน และหากยึดจากสิ่งนี้ ถ้าพวกมันเข้าร่วมการแข่งขันในเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า อย่างน้อยพวกมันทุกคนจะต้องติดหนึ่งในห้าร้อยอันดับแรกได้อย่างแน่นอน”

“มีผู้บัญชาการอยู่ในหมู่พวกมันด้วย และพลังฝีมือชายผู้นี้ก็น่าจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก ก่อนหน้านี้ข้าเห็นเขาจากระยะไกล แม้จะแค่แวบเดียว แต่มันทำให้ข้ารู้ได้อย่างชัดเจนว่า หากคนผู้นี้ต้องการฆ่าข้า มันอาจจะง่ายดายเหมือนการเป่าฝุ่น ถึงตอนนั้นข้าคงทำได้แค่หันหลังหนีเท่านั้น”

เสียงของเหลี่ยปิงหานแผ่วเบา ในขณะเล่าทุกอย่างที่รู้ให้เฉินซีฟัง และเหลือบมองชิงชิงเป็นครั้งคราว พร้อมกับเผยให้เห็นความอิจฉาที่ไม่อาจปกปิดได้

ด้วยความสามารถในการแยกแยะของตน เขาสามารถรับรู้ได้ว่านี่คือ สัตว์ร้ายวิญญาณดาราที่หายากมาก และสายเลือดของมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าสัตว์เทวะของสี่สัญลักษณ์เลยสักนิด

การที่เฉินซีมีสัตว์เซียนเป็นคู่หูในการต่อสู้ ทำให้เหลี่ยปิงหานรู้สึกว่าภูมิหลังของคนผู้นี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

เฉินซีฟังเงียบ ๆ ก่อนจะกล่าวอย่างสบาย ๆ “เจ้ายังมีสหายอีกคนไม่ใช่หรือ? ดูเหมือนจะชื่อหวังทา?”

เหลี่ยปิงหานตกตะลึง จากนั้นก็เข้าใจทันทีว่าเฉินซีกำลังกล่าวถึงใคร ร่องรอยของความชิงชังและการเหยียดหยามปรากฏขึ้นที่มุมปากอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็กล่าวว่า “ไอ้บัดซบนั้นเป็นคนขี้ขลาดไร้กระดูกสันหลัง เพื่อผ่านสะพานจรัสแสงเมฆา เขาถึงกลับคุกเข่าแล้วกล่าวคำสาบานต่อไอ้พวกสารเลวเหล่านั้น เพื่อพิสูจน์ตัวตน ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก”

“คุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตา?”

เฉินซีตกตะลึงเช่นกัน ไม่คาดคิดว่าคนที่ดูโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี กลับไร้ยางอายได้ถึงเพียงนี้ เพราะเขาจำได้อย่างชัดเจนว่า เมื่อครั้งที่อยู่ภายในภัตตาคารของเมืองวาฬหยก หวังทาเคยประกาศว่า จะฆ่าใครก็ตามที่ขวางทางตน

เดิมทีเฉินซีรู้สึกชื่นชมต่อความกล้าหาญของหวังทา แต่ไม่คิดว่าเพื่อผ่าน สะพานจรัสแสงเมฆา หวังทากลับเลือกคุกเข่าและร้องขอความเมตตา ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างแท้จริงว่าไม่อาจตัดสินจิตใจของคนจากรูปลักษณ์ภายนอกได้

“เฮ้อ อันดับสองของเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปของทวีปเมฆาพำนักอย่างดาบปีศาจหวังทา แท้จริงกลับเป็นคนเช่นนี้” เฉินซีถอนหายใจ

คำพูดเหล่านี้ทำให้เหลี่ยปิงหานเงียบไปนาน ก่อนจะกล่าวว่า “ไม่ใช่ผู้เยี่ยมยุทธ์รุ่นเยาว์ของทวีปเมฆาพำนักทุกคน จะเป็นคนขี้ขลาดไร้ยางอายเช่นนั้น”

เฉินซียิ้มและไม่กล่าวอะไรอีก ชายหนุ่มเอาปลาสีเงินออกจากกองไฟและฉีกออกครึ่งหนึ่งก่อนจะโยนให้ชิงชิง จากนั้นก็แบ่งบางส่วนให้กับเหลี่ยปิงหาน

อู้วววว~

ชิงชิงอมปลาไว้ในปากของมัน ไม่สนใจว่าปลาจะร้อนหรือไม่ ก่อนที่จะเริ่มเคี้ยว น้ำมันวาววับไหลออกมาจากปากขณะดื่มด่ำกับการกินปลา ดูเหมือนมันจะไม่เคยลิ้มรสชาติอันโอชะเช่นนี้มาก่อน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]