บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1113

บทที่ 1113 พิรุณโปรยปรายประหนึ่งฝัน

บทที่ 1113 พิรุณโปรยปรายประหนึ่งฝัน

กระบี่ของเฉินซีทะยานผ่านท้องฟ้า ทำให้การต่อสู้เปิดฉากขึ้น!

หลูเฉินตวัดกระบี่ด้วยนิ้วเรียว กระบี่ส่งเสียงคำราม พริบตาต่อมา ทั้งคู่ก็เข้าปะทะกัน!

ในฐานะผู้ฝึกกระบี่ และเป็นสมาชิกของหน่วยองครักษ์โมฆะที่เกิดมาเพื่อสังหาร ย่อมเผชิญหน้ากับความอันตรายมาอย่างโชกโชน แล้วจะรับการโจมตีของเฉินซีด้วยวิธีธรรมดาได้อย่างไร?

โอม!

เต๋าแห่งกระบี่ของหลูเฉินเป็นเหมือนสายลมในสารทฤดู มันเยือกเย็น อำมหิต และเต็มไปด้วยกลิ่นอายเย็นเยียบ ทุกที่ที่กระบี่ชี้ไป ความว่างเปล่าก็ถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ได้อย่างง่ายดาย

ในทางกลับกัน เต๋าแห่งกระบี่ของเฉินซีเป็นเหมือนธารดาราที่เชี่ยวกราก ประหนึ่งมวลคลื่นนับพันนับหมื่น มันแฝงไปด้วยกฎแห่งวารี และครอบคลุมไปทั้งฟ้าดิน กลายเป็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่

โครม!

ทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ ทำให้เกิดประกายกระบี่มากมายสุดคณานับ คลื่นอากาศที่น่าสะพรึงกลัวพัดพาไปทุกทิศทุกทาง และบดขยี้ทุกสิ่งเป็นวงกว้างกว่าสองพันห้าร้อยลี้ ฟ้าดินสั่นสะเทือน จนเปลี่ยนทุกสิ่งให้กลายเป็นแดนมรณะอันว่างเปล่า

สถานที่นี้เป็นสนามรบของพวกเขา ไม่ว่าเหลี่ยปิงหานหรือองครักษ์โมฆะทั้งสาม ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เลยแม้แต่คนเดียว!

พลังทำลายจากการต่อสู้ช่างน่ากลัวจนสุดจะพรรณนา หากหลุดเข้าไปในนั้น แม้ว่าเฉินซีหรือหลูเฉินจะไม่ได้โจมตีพวกเขา แต่ผลพวงจากการต่อสู้ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทานทนได้

สิ่งนี้ทำให้องครักษ์โมฆะทั้งสามเข้าใจในที่สุด เป้าหมายที่พวกตนไล่ตามในครั้งนี้แข็งแกร่งขึ้นจนสามารถต่อสู้กับผู้บัญชาการหลูเฉินได้!

ฟิ้ว!

ใบหน้าของเหลี่ยปิงหานเต็มไปด้วยความอำมหิต และในมือถือหอกสีดำยาวกว่าสิบสองฉื่อ ปลายหอกร่ายรำอยู่กลางอากาศ และระเบิดเงาหอกมากมายที่พุ่งเข้าใส่ศัตรูทั้งสาม

ในฐานะผู้เยี่ยมยุทธ์อันดับต้น ๆ ของเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปของทวีปเมฆาพำนัก บางทีเขาอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ขององครักษ์โมฆะ แต่ชายหนุ่มมั่นใจว่าสามารถยืนหยัดได้นานกว่าหนึ่งถ้วยชาแน่นอน!

เพื่อเข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า มีแต่ต้องเดินหน้าเท่านั้น!

ชายหนุ่มทำได้เพียงต่อสู้โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน!

ขวัญกำลังใจของเหลี่ยปิงหานลุกโชนดั่งเปลวเพลิง

เพราะมั่นใจในตัวเฉินซี อีกทั้งยังเป็นความตั้งใจของตนที่พร้อมแลกด้วยทุกอย่างที่มี!

องครักษ์โมฆะทั้งสามนั้นดูเหมือนจะได้รับคำชี้แนะจากหลูเฉินเช่นกัน พวกเขาพุ่งเป้าไปที่เหลี่ยปิงหาน แม้ไม่เต็มใจที่จะยอมรับว่าด้อยกว่าเฉินซี แต่พวกตนก็มั่นใจมากว่าจะสามารถบดขยี้เหลี่ยปิงหานได้!

เพราะได้ต่อสู้กับเหลี่ยปิงหานเมื่อวันก่อน จึงยังจำฉากที่อีกฝ่ายหลบหนีได้อย่างชัดเจน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องจริงจังแต่อย่างใด

เมื่อเห็นว่าเหลี่ยปิงหานได้ฝากชีวิตไว้กับเฉินซี องครักษ์โมฆะทั้งสามก็เผยรอยยิ้มเย็นชาทันที ก่อนจะโจมตีอีกฝ่ายอย่างพร้อมเพรียงกัน!

โครม! โครม! โครม!

ในช่วงเวลาหนึ่ง บริเวณก่อนถึงสะพานจรัสแสงเมฆา มันได้กลายเป็นสนามรบที่ดุเดือด แม้แต่ฟ้าดินก็ยังปั่นป่วนวุ่นวาย เหล่าสัตว์ร้ายและสิ่งมีชีวิตในระยะหลายหมื่นลี้ต่างหวาดกลัว พวกมันต่างหลบหนีอย่างเร่งรีบ หรือไม่ก็ตัวสั่นคุดคู้ลงกับพื้น น้ำตาไหลเป็นสาย และรู้สึกราวกับวันโลกาวินาศได้มาถึง

โครม!

เฉินซียังคงสงบนิ่ง ขณะที่ยันต์ศัสตราฟันออกไปทุกทิศทุกทาง ชายหนุ่มต้านการโจมตีของหลูเฉินซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในลักษณะสุขุมเยือกเย็น และในขณะเดียวกัน ยังเผยให้เห็นถึงกลิ่นอายแห่งอำนาจสูงสุดอันน่าประทับใจ

เพื่อข้ามสะพานจรัสแสงเมฆา เขาได้ใช้เวลาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาขัดเกลาตนเอง และได้รับยันต์เทวะอนันต์ที่เป็นมรดกที่แท้จริงของปรมาจารย์แห่งเคหาบ่มเพาะ ทำให้สามารถทำความเข้าใจต่อเคล็ดกระบี่วารีอันลึกล้ำ

ซึ่งเป็นสุดยอดมรดกที่มีกลิ่นอายของความไม่มีที่สิ้นสุด มันได้อนุมานกฎแห่งวารีจนถึงขีดสุด และผสานเข้ากับกระบวนท่ากระบี่ของเฉินซีได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นกระบวนท่าอื่น ๆ จะเทียบเคียงกับมันได้อย่างไร?

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่เฉินซีไม่ใช่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนสวรรค์อีกต่อไป ได้บรรลุและกลายเป็นเซียนลึกลับ!

เมื่อบรรลุสู่ขอบเขตเซียนลึกลับ ชายหนุ่มยังทำให้เกิดปรากฏการณ์ดวงดาวแกว่งไกวภายใต้ม่านราตรีนิรันดร์ เขาจึงนับว่าเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ยืนอยู่จุดสูงสุดในหมู่ผู้บ่มเพาะ!

แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับอินเหมียวเมี่ยว แต่เฉินซีก็มั่นใจว่าตนจะสามารถสังหารนางได้!

แต่คู่ต่อสู้ในเวลานี้ก็น่าเกรงขามเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ต้องกล่าวถึงสมบัติอมตะระดับจักรวาลขั้นสูงของหลูเฉินอย่างกระบี่พันสารท เพียงแค่พลังฝีมือของหลูเฉิน ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับธรรมดาทั่วไปจะเทียบเคียงได้

กล่าวอีกนัยหนึ่ง พลังฝีมือของหลูเฉินสามารถจัดได้ว่าเป็นอันดับต้น ๆ ของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับในภพเซียน และยังน่าเกรงขามยิ่งกว่าผู้เยี่ยมยุทธ์รุ่นเยาว์ซึ่งติดอันดับหนึ่งในสิบอันดับแรกของเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปของทวีปต่าง ๆ เสียด้วยซ้ำ

สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ตระกูลจั่วชิวได้ใช้ความพยายามและทรัพยากรไปมากมายเพียงใด เพื่อก่อตั้งหน่วยองครักษ์โมฆะ และมีเพียงตระกูลที่ยิ่งใหญ่อย่างตระกูลจั่วชิวเท่านั้นที่จะสามารถเลี้ยงดูคนประหลาดเช่นนี้ได้

แต่เฉินซีหาได้เกรงกลัวไม่

ในแง่ของการบ่มเพาะ รากฐานที่ลึกเป็นพิเศษได้สร้างระยะห่างระหว่างตนกับหลูเฉินแล้ว

ในแง่ของสมบัติอมตะ แม้ว่ากระบี่พันสารทจะเป็นสมบัติอมตะระดับจักรวาลขั้นสูง แต่เห็นได้ชัดว่า หลูเฉินสามารถดึงพลังออกมาได้น้อยกว่าเจ็ดส่วน เพราะถึงอย่างไร พลังของสมบัติอมตะระดับจักรวาลจะใช้ได้อย่างเต็มที่ก็ต่อเมื่ออยู่ในมือของเซียนทองคำเท่านั้น!

นี่เป็นกฎเหล็กของภพเซียน ระดับสามัญ ระดับวิญญาณทมิฬ ระดับจักรวาล ระดับวีรบุรุษ และระดับว่างเปล่าของสมบัติอมตะ จะสอดคล้องกับการบ่มเพาะของขอบเขตเซียนสวรรค์ ขอบเขตเซียนลึกลับ ขอบเขตเซียนทองคำ ขอบเขตเซียนปราชญ์ และขอบเขตราชันเซียนตามลำดับ

แม้ว่าผู้ที่มีการบ่มเพาะอ่อนด้อยจะมีสมบัติอมตะระดับว่างเปล่าอยู่ในมือ ก็ไม่มีทางใช้พลังที่แท้จริงของมันได้ ไม่ต่างกับเด็กที่ถือกระบี่คมกริบไว้ในมือ แต่กลับไม่สามารถเอาชนะผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งผู้ต่อสู้ด้วยมือเปล่าได้

เฉินซีตระหนักถึงสิ่งนี้อย่างชัดเจนเมื่อครั้งต่อสู้กับเหลียงปิง เพราะกระสวยแสงเงินของเหลียงปิงก็เป็นสมบัติอมตะระดับจักรวาลขั้นสุดยอด แต่นางก็แพ้ให้กับเขาในท้ายที่สุด

ดังนั้นบางทีคุณภาพของกระบี่พันสารทอาจเหนือกว่ายันต์ศัสตราอย่างมากก็ระดับเดียว แต่เฉินซีไม่ได้สนใจ เพราะตนสามารถใช้พลังของยันต์ศัสตราได้อย่างสมบูรณ์ ในขณะที่หลูเฉินใช้พลังของกระบี่พันสารทได้เพียงเจ็ดส่วน

สำหรับเต๋าแห่งกระบี่…

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]