บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1114

สรุปบท บทที่ 1114 ข้อจำกัดดาราวีรบุรุษ: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

บทที่ 1114 ข้อจำกัดดาราวีรบุรุษ – ตอนที่ต้องอ่านของ บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

ตอนนี้ของ บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1114 ข้อจำกัดดาราวีรบุรุษ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 1114 ข้อจำกัดดาราวีรบุรุษ

บทที่ 1114 ข้อจำกัดดาราวีรบุรุษ

หลูเฉินรู้ดีว่าการโจมตีของเฉินซี ต่อให้ใช้พละกำลังทั้งหมดต่อต้านไว้ได้ ก็คงบาดเจ็บสาหัสแน่

แทนที่จะเป็นแบบนั้น สู้โต้กลับยังดีเสียกว่า ไม่แน่ว่าเสี่ยงชีวิตแล้วอาจหาทางออกพบก็เป็นได้!

ฟ้าว!

กระบี่พันสารทกรีดผ่านฟ้า คมกระบี่แผ่ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนออกมา พร้อมกันนั้นกระแสเพลิงโปร่งแสง เผาผลาญห้วงอากาศจนกลายเป็นรูมากมาย

กระบวนท่านี้เรียกว่าเพลิงพันสารท!

ไม้สนับสนุนไฟ ส่งเปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นท้องนภา!

กระบวนท่านี้เป็นไพ่ตายของหลูเฉินเช่นกัน เมื่อตอนอยู่ในตระกูลจั่วชิว ผู้อาวุโสตระกูลจั่วชิวที่มีความรู้เรื่องกระบี่ขั้นสูงเคยประเมินกระบวนท่านี้ไว้ว่า ‘ดั่งถูกเปลวเพลิงเผาผลาญนานนับปี’

ครืน!

กระบวนท่าปะทะเข้ากับคลื่นเมฆาของเฉินซีที่ซัดลงจากฟ้า หนึ่งไฟหนึ่งน้ำ ล้วนเป็นสุดยอดกระบวนท่ากระบี่ เมื่อเข้าปะทะกันแล้วก็เกิดพลังโกลาหลกระจายไปทั่ว ทำลายหมู่เมฆในระยะแสนลี้ เกิดหลุมดำน่าผวาขึ้นรอบทิศ

อั่ก!

หลูเฉินกระอักเลือดออกมา ใบหน้าซีดขาว เห็นได้ชัดว่าถูกกระบวนท่าตีกลับ เจ้าตัวแหงนมองอีกฝ่ายแล้วตกตะลึง เพราะการโจมตีนั้นทำอะไรเฉินซีไม่ได้เลย!

จะเป็นไปได้อย่างไรกัน!?

กระทั่งสามองครักษ์โมฆะที่ล้อมกายเหลี่ยปิงหานอยู่ เมื่อเห็นหลูเฉินไอกระอักเลือดออกมาก็ตกตะลึงจนใจสั่น

อย่างไรในหกสิบสี่องครักษ์โมฆะ หลูเฉินก็มีกำลังมากติดห้าอันดับแรก จากที่จั่วชิวคงว่ามา หลูเฉินนั้นแกร่งจนติดห้าสิบอันดับแรกเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้าได้ทีเดียว อีกทั้งหากเขาทะลวงขอบเขตเซียนทองคำก็มีแนวโน้มว่าจะขึ้นเป็นยอดฝีมือที่แกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เฉกเช่นหกสุริยันอันเจิดจ้าแห่งภพเซียน!

แต่ตอนนี้หลูเฉินกลับพ่ายแพ้ให้กับสหายน้อยที่เพิ่งขึ้นสู่ภพเซียนอย่างนั้นหรือ!

กลับกัน เหลี่ยปิงหานกลับรู้สึกมีพลังใจมากขึ้น ตอนนี้ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผล กลิ่นอายอ่อนแรงลงมาก ชายหนุ่มกัดฟันสู้มาโดยตลอด ดังนั้นจึงเหมือนได้ยาเสริมความมั่นใจ ทำให้มีกำลังต่อสู้ขึ้นมาอีกครั้ง

“มหาสมุทรไร้พรมแดน!” ในเวลาเดียวกันนั้น เฉินซียังคงมีสีหน้าเคร่งขรึมยืนอยู่กลางอากาศพร้อมกับกระบี่ในมือ ยันต์ศัสตราซัดลงมา ระเบิดกลิ่นอายทรงพลังไปทั่วบริเวณ!

พริบตาเดียวท้องฟ้าก็กลายเป็นมหาสมุทร!

คลื่นยักษ์กว้างใหญ่ไพศาลโถมถล่มเต็มฟากฟ้า ดับตะวันให้มืดลง เหมือนมหาสมุทรในห้วงอากาศกำลังซัดสาด หยาดน้ำ สายน้ำ และเกลียวคลื่นผสานรวมกันเป็นปราณกระบี่ธาตุน้ำอันลึกล้ำ

มารวมตัวกันกลางอากาศ เกิดเป็นมหาสมุทรจากปราณกระบี่!

ตอนนี้ลำธาร ทะเลสาบ หนองน้ำ และพลังธาตุน้ำทั้งหลายทั่วฟ้าดินภายในระยะล้านลี้พากันกรีดเสียง ไหลท่วมท้นเข้ามา ราวกับส่งเสียงโห่ร้องเชิดชูให้กับพลังแห่งกฎ!

ปรากฏการณ์ทั้งหมดนับว่าน่าตื่นตายิ่ง!

หลูเฉินหน้าซีดเผือด ดวงจิตแห่งเต๋าสั่นสะท้านรุนแรง นัยน์ตาหรี่ลง ไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นต้นจะสามารถซัดกระบวนท่ากระบี่อันน่าตกตะลึงเช่นนี้!

ชายหนุ่มคิดหลบ แต่มองไปทางไหนก็มีเพียงมหาสมุทรสีน้ำเงินและวารีคลั่งจนไม่อาจหลบได้!

เหมือนเขาเป็นเพียงไม้น้ำลอยเคว้งอยู่ในมหาสมุทร! ที่สำคัญคือมันยังเป็นมหาสมุทรจากปราณกระบี่ธาตุน้ำเสียด้วย!

ตอนนี้หลูเฉินเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเฉินซีถึงกล้าบอกว่าตนคงไม่รอดสามกระบวนท่าไปได้ แค่การโจมตีครั้งนี้ก็ทำเอาสั่นสะท้าน เกิดความสิ้นหวังขึ้นในใจได้แล้ว!

แน่นอนว่าหลูเฉินเกิดมาพร้อมกับความโหดเหี้ยมล้อมรอบกาย ฝึกฝนอย่างหฤโหด แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตายก็ไม่สามารถคงความเยือกเย็นได้เลย

อย่างที่ใครบางคนว่าไว้ ความตายคือความหวาดกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!

กระทั่งปราชญ์และยอดฝีมือทั้งหลายยังไม่สามารถหลีกหนีความตายได้ ไม่ต้องพูดถึงผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นสูงเลย

“ไม่!!!” หลูเฉินหันหลังวิ่งราวกับคนบ้า กระบี่พันสารทในมือแปรเปลี่ยนเป็นแสนกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนโปรยลงมาดั่งใบไม้ร่วงโรยในสารทฤดู คิดจะกรีดฝ่ามหาสมุทรเบื้องหน้า หาทางรอดแม้เพียงน้อยนิด!

ใช่แล้ว เขาอยากหนี อยากนำทุกอย่างไปรายงานแก่นายน้อย อยากให้องครักษ์โมฆะทุกคนได้รู้ว่าเป้าหมายในครั้งนี้ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คิด!

เป้าหมายคือยอดฝีมือเต๋าแห่งกระบี่ เป็นเจ้าบ้าที่ไม่ปกติอย่างแท้จริง!

ครืน!

พลันมีคลื่นยกตัวสูงขึ้นเก้าชั้น พัดเอาปราณกระบี่คลั่งหายไปสิ้น ทำลายห้วงอากาศ ก่อนซัดสาดเข้าหาหลูเฉิน!

การโจมตีของชายหนุ่มไม่ต่างจากโยนหินลงทะเลสาบ เกิดน้ำกระเซ็นขึ้นเพียงชั่วครู่ สุดท้ายก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

“ไม่!!!” หลูเฉินคำรามสุดเสียง เผยสีหน้าเหี้ยมเกรียมออกมา เขาเสียความสงบที่เคยมีไปสิ้น คล้ายอสูรที่กำลังจนตรอก ทั้งโกรธทั้งกลัวจนถึงขีดสุด

ชายหนุ่มดิ้นรนสุดชีวิต พลังมากมายปั่นป่วนราวกับอยากระเบิดตนเองแล้วลากเฉินซีให้ตกตายไปด้วยกัน

น่าเสียดายที่การกระทำที่เคยง่ายกลับกลายเป็นยาก เพราะพลังชีวิตและรูขุมขนทั่วร่างกำลังรู้สึกหวาดกลัวและถูกกักขังไว้ด้วยกฎแห่งวารี

วารีนั้นกระจายไปทั่วทิศ!

นี่คือธรรมชาติของกฎแห่งวารี เมื่อรวมกับการป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายระเบิดตนเองตั้งแต่แรก หลูเฉินจะมีโอกาสใดได้อีก?

แม้ว่าหลูเฉินและคนอื่น ๆ จะตายหมดแล้ว แต่สมบัติอมตะที่หลงเหลืออยู่ก็นับว่าหายากและเป็นของชั้นสูงจากตระกูลจั่วชิว ถึงแม้เฉินซีจะไม่มีเหตุผลให้ใช้ แต่ก็สามารถนำไปแลกเงินได้จำนวนมหาศาล

ทั้งหมดนี้ถูกเหลี่ยปิงหานที่ยืนอยู่จับจ้องด้วยความตกตะลึงจนพูดไม่ออก

การต่อสู้เมื่อครู่นับเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับเท่าที่เคยเห็นมา เกินกว่าที่ตนจินตนาการไวมาก อีกทั้งยังทำให้อารมณ์สะท้านไม่ใช่น้อย

นับว่าทำให้หูตาเขากว้างไกลขึ้นอีก หากอยู่เพียงสถานที่เดียว เช่นนั้นขอบเขตสายตาและความทะเยอทะยานก็จะถูกปิดกั้นอยู่เพียงเท่านั้น ไม่มีทางรู้ว่าบนยอดเขาสูงภายนอกยังมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่าอยู่อีกมากมายเพียงใด

จึงเป็นเหตุผลให้เหลี่ยปิงหานยอมเสี่ยงชีวิตเข้าสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เพราะมันเป็นสำนักศึกษาอันดับหนึ่งในภพเซียน และตั้งอยู่ในทวีปที่รุ่งเรืองที่สุดแห่งหนึ่งของภพเซียน!

หากได้ไปบ่มเพาะพลังที่นั่น เขาจะได้ค้นพบกองกำลังสุดยอดที่แท้จริงแห่งภพเซียน!

“น่าเสียดายยิ่ง นอกจากสมบัติบางชิ้นที่ใช้ในการต่อสู้แล้วพวกนั้นก็ไม่มีคลังเก็บสมบัติอื่นอีก” หลังจากเก็บกวาดเรียบร้อย เฉินซีก็ส่ายหัวมองสมบัติอมตะระดับจักรวาลขั้นสูงและสมบัติอมตะระดับวิญญาณทมิฬขั้นสุดยอดสามชิ้นในมือ จากนั้นก็คลี่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นเหลี่ยปิงหานยังยืนจ้องตนนิ่งอยู่

“รีบไปก่อนที่จะเกิดเรื่องอีกดีกว่า” เฉินซีตะโกนหาเหลี่ยปิงหาน ก่อนร่างจะแปลงเป็นแสงพุ่งไปยังสะพานจรัสแสงเมฆา

“อืม” เหลี่ยปิงหานเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน หันไปมองพื้นที่แสนลี้ที่เต็มไปด้วยความรกร้างว่างเปล่า อดตะลึงไม่ได้ ก่อนจะหันหลังติดตามเฉินซีไป

ชายหนุ่มรู้ว่าภาพฉากนี้คงได้ประทับอยู่ในความทรงจำของตนอย่างไม่มีวันลืมแน่

เมืองจั่วชิว ตระกูลจั่วชิว

เปรี๊ยะ!

เสียงแตกดังก้อง จั่วชิวคงที่กำลังจิบชาอยู่ใต้ต้นไม้โบราณลืมตาขึ้นทันใด จากนั้นหยิบป้ายชะตาวิญญาณแตกร้าวออกมาจากกระเป๋าแล้วจ้องมองมันอยู่นาน

“ไม่สำเร็จหรือ? ไม่มีโอกาสได้ส่งข่าวกลับมาด้วยซ้ำ…” จั่วชิวคงพึมพำ ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มแผ่ไอเย็นชาออกมา

จั่วชิวเคอนั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง นางวางถ้วยชาลงแล้วเบิกตากว้าง “ท่านพี่ หมายความว่าหลูเฉินกับคนอื่นตายกันหมดเลยหรือ?”

จั่วชิวคงสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อยับยั้งความไม่พอใจภายใน ก่อนพยักหน้า “ก็คงจะเป็นอย่างนั้น”

จั่วชิวเคอขมวดคิ้ว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็จะส่งคนตามไล่ล่าเฉินซีมากขึ้น หลูเฉินกับพวกเป็นทหารสังเวยชั้นยอดที่ตระกูลเราลงทุนหล่อเลี้ยงมาไม่น้อย ต่อไปควรเป็นแรงสนับสนุนให้ท่านพี่ได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูล หากเสียไปสักคนย่อมเทียบได้กับเสียสมบัติอมตะระดับวีรบุรุษ!”

จั่วชิวคงส่ายหน้าถอนหายใจ “สายเกินไปแล้ว”

“เพราะเหตุใด?” จั่วชิวเคอชะงักไป

จั่วชิวคงเค้นคำออกมาเสียงเบา “เพราะข้อจำกัดดาราวีรบุรุษ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]