บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1131

บทที่ 1131 ชนพื้นเมืองที่น่ารังเกียจ

บทที่ 1131 ชนพื้นเมืองที่น่ารังเกียจ

ครืน! ครืน! ครืน!

ภายในบึงวิญญาณโลหิต พื้นดินสั่นสะเทือน น้ำในบึงกระเพื่อมไหว ร่างขนาดมหึมาต่างพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง พร้อมกับกลิ่นอายอันน่าเกรงขาม

มีทั้งสัตว์อสูรรูปร่างเหมือนลิงที่ดุร้ายขนาดเท่าภูเขา

ตะขาบสีเงินประหลาดที่มีแขนขามากมายนับไม่ถ้วน

ม้าผีที่ผอมเหมือนไม้ไผ่ และมีใบหน้าของมนุษย์

สัตว์อสูรจักรวาลจำนวนมากในรูปร่างและขนาดต่าง ๆ ได้ทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบในบึงวิญญาณโลหิต แปรเปลี่ยนเป็นความโกลาหลวุ่นวาย ทุก ๆ ที่ที่พวกมันผ่าน จะทิ้งกลิ่นอายดุดัน ทำให้ทุกสิ่งในโลกสั่นสะเทือน

ในไม่ช้า พวกมันก็มาถึงที่หมาย

สิ่งแรงที่เห็น คือสมบัติอมตะสองชิ้นที่ถูกกลืนกินด้วยแสงเรืองรองของสมบัติอันล้ำค่า เอ่อล้นไปด้วยแสงที่เปล่งประกาย ขณะที่ลอยอย่างเงียบ ๆ เหนือหนองน้ำ และพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า!

“นี่มันสมบัติอมตะระดับวิญญาณทมิฬขั้นสูง!”

ดวงตาของสัตว์อสูรจักรวาลเหล่านี้เบิกกว้างทันใด และพวกมันเผยให้เห็นถึงความโลภอันแรงกล้า

พวกมันถูกจับมาจากจักรวาลโดยผู้เยี่ยมยุทธ์ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า และถูกเนรเทศมาที่บึงวิญญาณโลหิตนี้เนิ่นนาน จึงรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับสมบัติของภพเซียน และเข้าใจคุณค่าของสมบัติอมตะระดับวิญญาณทมิฬขั้นสูงเป็นอย่างดี

สำหรับพวกมัน สมบัติอมตะเหล่านี้คือสิ่งที่จะได้มาโดยวาสนาเท่านั้น!

สำหรับสมบัติอมตะระดับจักรวาล ดูเหมือนอยู่ไกลจนเกินเอื้อม และแม้ว่าสมบัติดังกล่าวจะปรากฏขึ้น พวกมันก็ไม่มีโอกาสได้ครอบครอง เนื่องจากสมบัติอมตะระดับจักรวาลเคยปรากฏขึ้นในอดีต แต่ถูกแบ่งให้จ้าวและราชาแห่งสัตว์อสูรจักรวาล พวกมันผู้ต่ำต้อยจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับส่วนแบ่งใด ๆ

“ช่างเป็นสมบัติที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!” สัตว์อสูรที่มีหัวเป็นวัว และลำตัวเป็นเต่ามีสีหน้าหนักใจ

สัตว์อสูรตัวอื่น ๆ ก็เห็นด้วยอย่างมากเช่นกัน และความโลภในสายตายิ่งวาวโรจน์ อย่างไรก็ตาม พวกมันยังคงสามารถควบคุมตัวเองได้ เพราะท้ายที่สุด รูปลักษณ์ของสมบัติทั้งสองนั้นดูแปลกไปเล็กน้อย พวกมันจึงต้องระมัดระวัง

ก็อย่างที่เคยกล่าวไว้ คนของภพทั้งสามนั้นเป็นชนพื้นเมืองเจ้าเล่ห์และน่ารังเกียจ พวกมันไม่อาจลดการระแวดระวังได้

หลังจากนั้น พวกมันก็สังเกตเห็นร่างสองร่างกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่ห่างออกไปไม่กี่ร้อยลี้ เป็นชายหนุ่มรูปงามและหญิงสาวที่งดงาม

พวกมันไม่รู้จักชายผู้นี้ แต่มั่นใจว่าจะต้องเป็นคนของภพทั้งสามอย่างแน่นอน และเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้น สัตว์ประหลาดหลายตัวก็จดจำนางได้

“ที่แท้ก็เป็นเหวยน่า!”

“โอ้ ข้าก็หลงคิดว่ามันเป็นกับดักที่วางโดยคนของภพทั้งสาม ตอนนี้ดูเหมือนข้าจะกังวลมากเกินไป”

“เหวยน่าคงเป็นผู้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือก่อนหน้านี้? ยัยหนูนี้ไม่เลวเลย นางช่วยเราหลอกล่อและสังหารเหยื่อไปมากมายนับไม่ถ้วน เมื่อข้าลองคิดทบทวนดูแล้ว ดูเหมือนเราจะติดหนี้นางไม่น้อย”

“ฮึ่ม! เผ่าดอกไม้ปีศาจมายาไม่มีดีสักคน! ทั้งต่ำต้อย เจ้าเล่ห์ และน่ารังเกียจ พวกมันเป็นความอัปยศของเผ่าศักดิ์สิทธิ์ของเรา ถ้าไม่ใช่เพราะนางมีประโยชน์อยู่บ้าง ข้าคงฆ่าคนอัปยศอย่างนางไปนานแล้ว!”

สัตว์อสูรจักรวาลพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา ซึ่งแต่ตั้งแต่ต้นจนจบ สายตาก็เอาแต่จับจ้องไปที่สมบัติอมตะทั้งสองชิ้น แววตาละโมบก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม พวกมันยังคงกังวลเล็กน้อย เพราะในช่วงไม่กี่พันปีที่ผ่านมา พวกมันถูกคนของภพทั้งสามหลอกไปมาก ดังนั้นบทเรียนที่ลึกซึ้งและเจ็บปวดที่แลกมาด้วยเลือด ทำให้พวกมันเรียนรู้ที่จะระแวดระวังมากขึ้น

ฉากนี้งดงามมาก เพราะท่ามกลางสัตว์อสูรจักรวาลนับร้อยตน ไม่มีตัวใดที่แสดงอาการบุ่มบ่ามผลีผลาม หากผู้เป็นเซียนเห็นฉากนี้ ย่อมรู้สึกละอายใจอย่างยิ่ง

พวกมันเป็นกลุ่มสัตว์อสูรที่มีระเบียบวินัย ที่ยังคงไม่หวั่นไหวแม้อยู่ต่อหน้าสมบัติล้ำค่า ความสามารถดังกล่าวเป็นสิ่งที่แม้แต่ผู้เป็นเซียนส่วนใหญ่ก็ยังทำไม่ได้

“บัดซบ! ถ้าพวกเจ้าไม่ต้องการสมบัติอมตะทั้งสองนี้ งั้นข้าก็จะเอาเอง!” ในที่สุด สัตว์อสูรที่มีหัวเป็นวัวและลำตัวเป็นเต่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป มันสบถด้วยเสียงทุ้มต่ำ ก่อนที่จะยื่นกรงเล็บไปยังสมบัติอมตะทั้งสองด้วยความละโมบ

สัตว์อสูรตัวอื่น ๆ ไม่ได้ห้าม ทำเพียงจ้องเขม็งนิ่ง

“ดูสิ! ข้าไม่เป็นอะไร! มันไม่ใช่กับดัก! สมบัติอมตะทั้งสองนี้เป็นของข้าแล้ว ฮ่า ๆ!” หลังจากคว้าสมบัติอมตะได้อย่างราบรื่น สัตว์อสูรที่มีหัวเป็นวัวและลำตัวเป็นเต่าก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง มันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นก็เริ่มหัวเราะ และกล่าวด้วยความปีติยินดี

ดวงตาของสัตว์อสูรตัวอื่นเบิกกว้าง และกลายเป็นสีแดงเข้ม ขณะเริ่มหายใจหนัก ๆ เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกตัวต่างกระวนกระวาย

“เจ้าหมายถึงอะไรที่ว่าสมบัติเหล่านั้นเป็นของเจ้า? ไอ้วัวโง่! เจ้าไม่รู้หรือว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่สมควรได้รับส่วนแบ่ง!?” สัตว์อสูรตัวหนึ่งขู่อย่างเดือดดาลด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก

“ใช่แล้ว พวกเราทุกคนมาถึงที่นี่พร้อมกัน แล้วเจ้าจะเอาไปเป็นคนของตัวเองคนเดียวได้อย่างไร? เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ให้ข้าจะเก็บรักษาสมบัติอมตะทั้งสองนี้ไว้ แล้วเราจะมาตัดสินในสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของสมบัติอมตะเหล่านี้ หลังจากที่เราฆ่าเจ้านั่นแล้ว” สัตว์อสูรที่เหมือนลิงดุร้ายที่มีขนาดเท่าภูเขากล่าวเสียงห้าว

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ สัตว์อสูรที่มีหัวเป็นวัวและลำตัวเป็นเต่าคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “สมบัติเหล่านี้เป็นของข้า! ของข้าเท่านั้น! คนขี้ขลาดอย่างพวกเจ้าหวาดกลัวจนไม่กล้ายื่นมือไขว่คว้าของล้ำค่า แต่กลับพยายามยึดสมบัติของข้าแทน พวกเจ้าทุกคนนั้นน่ารังเกียจยิ่งกว่าชนพื้นเมืองของทั้งสามภพเสียอีก!”

สัตว์อสูรตัวอื่นล้วนหัวเราะเยาะเย้ย และไม่สนใจเสียงคำรามของมันอย่างสิ้นเชิง

“ดูนั่นสิ! เจ้าเด็กนั่นตั้งใจจะหนีแล้ว!” สัตว์อสูรตัวหนึ่งโพล่งขึ้นมา

“บัดซบ! ข้าจะไปจับมันไปเอง พวกเจ้ารอข้าก่อน!” ดวงตาของสัตว์อสูรที่มีหัวเป็นวัวหมุนอยู่ในเบ้าตา ก่อนจะคำรามด้วยความโกรธ แล้วพุ่งตัวออกไป

“ถุย! ไอ้วัวโง่! เจ้าคิดว่าเราไม่รู้หรือ? เจ้าเด็กนั้นจะต้องครอบครองสมบัติมากมายอย่างแน่นอน หรือว่าเจ้าคิดยึดสมบัติจากเด็กนั้นอีก? ช่างเป็นตัวบัดซบที่โลภไม่รู้จักพอ!”

“ฆ่ามัน! ทุกคนโจมตีพร้อมกัน สมบัติจะเป็นของคนที่ฆ่าเจ้าเด็กนั้นได้!”

ทันใดนั้น สัตว์อสูรจักรวาลทั้งหมดไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป และพุ่งเข้าหาเฉินซี ทุกตัวดูหิวกระหายราวกับเห็นเฉินซีเป็นอาหารอันโอชะ

“บัดซบ! อย่ามายุ่งกับข้า!”

“เฮ้! เจ้ากล้าที่จะขัดขวางข้า!”

“ไอ้สารเลว! อย่ามาขวางทางข้า! นี่เจ้ารนหาที่ตายอยู่หรือ?!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]