บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1135

สรุปบท บทที่ 1135 เส้นทางแห่งความตาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

สรุปเนื้อหา บทที่ 1135 เส้นทางแห่งความตาย – บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones

บท บทที่ 1135 เส้นทางแห่งความตาย ของ บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย novelones อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 1135 เส้นทางแห่งความตาย

บทที่ 1135 เส้นทางแห่งความตาย

กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วและครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดทันที

ในเวลาเดียวกัน มหาค่ายกลอสนีบาตพิฆาตมารที่ถูกทำลายจนใกล้จะพัง ดูเหมือนกับต้นไม้เหี่ยวแห้งที่ฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง จู่ ๆ ก็เกิดคลื่นผันผวนแปลกประหลาดขึ้น

สายฟ้าสีเทาได้ฟาดลงมายังบริเวณด้านนอกของค่ายกล และปกคลุมค่ายกลทั้งหมดเหมือนกระแสน้ำ

หลังจากนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ซึ่งแม้ฟ้าดินก็ยังสั่นสะเทือน!

สายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งลงมาจากท้องฟ้าราวกับมหาสมุทร และท่วมท้นไปทั้งฟ้าดิน!

เหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ ทำให้กองทัพสัตว์อสูรจักรวาลที่บุกเข้ามาภายในค่ายกลตกอยู่ในความโกลาหล ใบหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“บัดซบ! พวกเราตกหลุมพรางแล้ว!”

“มารดามัน! ค่ายกลไม่ได้ถูกทำลายแล้วหรอกหรือ?”

“เกิดอะไรขึ้น? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้”

“ไอ้ชนพื้นเมืองที่น่ารังเกียจ! นังนั่นร่วมมือกับมันเพื่อหลอกเราอย่างแน่นอน!”

คลื่นเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและกระจายไปทั่ว แต่ในไม่ช้า มันก็ถูกกลบด้วยเสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง ก่อนจะตามมาด้วยคลื่นเสียงร้องโหยหวนและเสียงของการหลบหนี

ฉากตรงหน้านั้นสับสนวุ่นวายเป็นอย่างมาก

ในขณะที่ด้านนอกค่ายกล ใบหน้างดงามและเย็นชาของอินเหมียวเมี่ยว ซีดขาวอย่างน่าสยดสยองทันที รูม่านตาขยายออก หญิงสาวกัดริมฝีปากอย่างแรง

“ข้าตกหลุมพรางของมัน!”

ในที่สุดนางก็ตระหนักได้ว่า นางก็ตกหลุมพรางของเฉินซีมาตั้งแต่ก่อนเริ่มแผนการเสียอีก ค่ายกลใหญ่นี้ไม่ใช่มหาค่ายกลอสนีบาตพิฆาตมารธรรมดาอย่างแน่นอน!

การทำลายค่ายกลของนาง กลับเป็นการเติมเชื้อเพลิงกับให้เปลวไฟแทน และมันทำให้พลังของค่ายกลได้เพิ่มขึ้นอย่างมากอีกครั้ง!

“เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้!”

ตั้งแต่เริ่มบ่มเพาะจนมาถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ความรู้สึกพ่ายแพ้อย่างที่อธิบายไม่ได้เกิดขึ้นในใจของอินเหมียวเมี่ยว ความสำเร็จในเต๋าแห่งยันต์อักขระที่นางภาคภูมิใจเป็นเหมือนเรื่องเด็กเล่น หัวใจของหญิงสาวเต็มไปด้วยความคับข้องใจอย่างไร้ขอบเขต

“ราชาผู้นี้ต้องการคำอธิบาย!” ราชาหางพิสุทธิ์ที่อยู่ใกล้ ๆ มีสีหน้าซีดเผือด ดวงตาแทบจะลุกเป็นไฟ ความปีติยินดีที่รู้สึกก่อนหน้านี้ ได้ถูกแทนที่ด้วยความเดือดดาลทันที

ชายชราจะไม่รับรู้ได้อย่างไรว่า อานุภาพของค่ายกลใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าตอนที่มันยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์เสียอีก!

ถ้าไม่ใช่เพราะอินเหมียวเมี่ยวเป็นคนที่ตระกูลจั่วชิวส่งมา ราชาหางพิสุทธิ์ยังรู้สึกสงสัยเสียด้วยซ้ำว่าหญิงสาวคนนี้เป็นสหายที่เฉินซีส่งมาหลอกตนหรือไม่!

“มีอะไรต้องอธิบาย!? เจ้าไม่ได้คิดเกี่ยวกับวิธีจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้า แต่กลับกล่าวโทษเหมียวเมี่ยว หรือเจ้าคิดว่าตระกูลจั่วชิวจะหลอกเจ้า!” เจียงจูหลิวตำหนิอย่างเย็นชา แม้ในใจจะรู้สึกตื่นตระหนกเช่นกัน แต่เขาเมื่อชายหนุ่มเห็นราชาหางพิสุทธิ์คาดคั้นอินเมี่ยวเมี่ยว เขาก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้

เพราะโอกาสและอนาคตของเขาทั้งหมดได้มอบให้กับอินเหมียวเมี่ยวแล้ว ตนกำลังจะกลายเป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับอินเหมียวเมี่ยวในอนาคต จะให้นิ่งเฉยได้อย่างไร

มุมปากของราชาหางพิสุทธิ์กระตุกวูบ สีหน้ามืดมนอย่างมาก ชายชรากัดฟันแน่น “อย่าได้บีบคั้นราชาผู้นี้ หากเจ้ายังทำเช่นนั้น ข้าก็จะไม่สนว่าเจ้าจะเป็นคนของตระกูลจั่วชิวหรือไม่!”

ทันทีที่กล่าวคำเหล่านี้ เจียงจูหลิวก็กล่าวไม่ออกทันที

ในขณะเดียวกัน อินเหมียวเมี่ยวก็ได้สติจากอาการตกใจ “ราชาหางพิสุทธิ์ ถ้าข้าต้องการทำร้ายเจ้าจริง ๆ ตอนนี้เจ้าก็คงติดอยู่ในค่ายกลใหญ่แล้ว”

“เจ้ากล่าวถูกแล้ว และถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น เจ้าทั้งคู่คงตายไปนานแล้ว!” ราชาหางพิสุทธิ์คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว จากนั้นไม่สนใจทั้งสองอีกต่อไป สายตาจับจ้องไปที่ค่ายกลใหญ่แทน

เกิดพายุฝนฟ้าคะนองหมุนวนอยู่ภายในค่ายกล สายฟ้าฟาดไปมาอย่างดุเดือด คลื่นเสียงร้องแห่งความเศร้าโศกและโหยหวนดังก้องอยู่เป็นระยะ

เพียงได้ฟังเสียงที่เล็ดลอดออกมาจากค่ายกล ก็เห็นได้ชัดว่ากองทัพสัตว์อสูรจักรวาลกำลังประสบกับภัยพิบัติแบบใด

สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของราชาหางพิสุทธิ์มืดมนยิ่งขึ้น ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ตอนนี้ พวกเจ้าทั้งสองควรคิดหาทางกอบกู้สถานการณ์ให้เร็วที่สุด มิฉะนั้นหากบริวารของข้าล้มตายลงทั้งหมด เจ้าทั้งสองจะต้องถูกฝังเคียงข้างพวกเขา!”

หลังจากที่กล่าวคำเหล่านี้ ราชาหางพิสุทธิ์ก็หันหลังกลับขึ้นไปนั่งในรถม้าสมบัติสัมฤทธิ์ และไม่กล่าวอะไรอีก

“ฮึ่ม! เจ้ามันขี้ขลาดและไม่มีความสามารถที่จะช่วยบริวารของเจ้าเอง แต่เจ้ากลับผลักภาระความรับผิดชอบทั้งหมดมาให้เรา!” เจียงจูหลิวกล่าวอย่างขุ่นเคือง

“เงียบซะ” อินเหมียวเมี่ยวขมวดคิ้ว “เขาไม่ได้กล่าววาจาล้อเล่น!”

เจียงจูหลิวตกตะลึง จากนั้นสีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง “ถ้าอย่างนั้น… เราควรทำอย่างไรดี? หรือว่าเราควรพุ่งเข้าสู่ค่ายกลนั้น?”

“ให้ข้าคิดอีกสักระยะหนึ่ง” อินเหมียวเมี่ยวหายใจเข้าลึกและควบคุมความรู้สึกต่าง ๆ ในใจของตน หญิงสาวจ้องมองไปที่ค่ายกลใหญ่ที่อยู่ห่างไกล ก่อนจะเริ่มคิดหาหนทางเงียบ ๆ

ที่ศูนย์กลางของค่ายกล เหวยน่าเบิกตากว้างขณะจ้องมองอย่างว่างเปล่า นางขยี้ตา ดูเหมือนทั้งงุนงงและตกใจ

“เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้?”

“ค่ายกลถูกทำลายไปแล้วไม่ใช่หรือ?”

จู่ ๆ เหวยน่าก็กัดปลายลิ้นของตน ความเจ็บปวดทำให้นางตระหนักได้อย่างชัดเจนว่า นางไม่ได้เห็นภาพหลอน กล่าวอีกนัยหนึ่ง ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านางคือความจริง!

ในทางกลับกัน อินเหมียวเมี่ยวและเจียงจูหลิวกลับถอนหายใจด้วยความโล่งอก ค่ายกลใหญ่ได้ถูกทำลายลงแล้ว และสัตว์อสูรจักรวาลก็รอดชีวิตหลายร้อยตัว ดังนั้นราชาหางพิสุทธิ์จะต้องไม่กล้าทำร้ายพวกตนแน่

“ดูนั่นสิ! ไอ้บัดซบอยู่ตรงนั้น!”

“ฆ่า! ฆ่าไอ้สารเลวนั่นซะ!”

“ฆ่า!”

เมื่อฝุ่นผงและสิ่งสกปรกฟุ้งกระจายออกไป ทำให้วิสัยทัศน์ดีขึ้น บริเวณจุดศูนย์กลางของค่ายกลใหญ่ ปรากฏร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ตรงนั้น

เมื่อเห็นต้นตอของเรื่องนี้ ดวงตาของเหล่าสัตว์อสูรจักรวาลที่รอดชีวิตได้อย่างปาฏิหาริย์ก็กลายเป็นสีแดงทันที พวกมันคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว และไม่จำเป็นต้องสั่งการใด ๆ พวกมันพุ่งเข้าใส่เฉินซีอย่างดุร้ายทันที!

เจียงจูหลิวและอินเหมียวเมี่ยวก็เห็นเฉินซีเช่นกัน เมื่อนึกถึงเรื่องที่เฉินซีทำก่อนหน้านี้และเกือบจะทำให้ราชาหางพิสุทธิ์โกรธแค้นพวกตน ความเกลียดชังก็พลุ่งพล่านออกมาจากใจอย่างพร้อมเพรียง

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้เคลื่อนไหว เหล่าสัตว์อสูรจักรวาลอาจไม่รู้ แต่ทั้งสองทราบอย่างชัดเจนว่า เฉินซีได้อันดับที่เก้าในระหว่างการทดสอบรอบแรก อยู่ในอันดับที่สูงกว่าจั่วชิวอินด้วยซ้ำ

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาจะพาตัวเองเข้าไปในสถานการณ์ที่อันตรายได้อย่างไร?

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ พวกเขาอยู่ในอันดับที่สองร้อยเจ็ดสิบแปดและสองร้อยห้าสิบห้า ซึ่งห่างจากอันดับของเฉินซีมาก แม้ไม่เต็มใจที่จะยอมรับ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น

โชคดีที่มีราชาหางพิสุทธิ์อยู่เคียงข้าง!

ราชาหางพิสุทธิ์เป็นตัวตนที่มีความแข็งแกร่งเทียบได้กับสิบอันดับแรกของเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า เมื่อรวมกับพวกเขาและสัตว์อสูรจักรวาลกว่าหลายร้อยตัวในระยะไกล ก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการกับเฉินซีแล้ว

เมื่ออินเหมียวเมี่ยวและเจียงจูหลิวครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว เฉินซีก็เปิดฉากสังหาร!

รูปร่างสูงโปร่ง เสื้อผ้าพลิ้วไหว ฝีเท้าสงบนิ่งผ่อนคลาย ชายหนุ่มเคลื่อนไหวภายในวงล้อมของกองทัพสัตว์อสูรจักรวาล แต่ดูเหมือนเขากำลังเดินเล่นอยู่ในลานบ้านมากกว่า

พรวด! พรวด! พรวด!

แต่ในสายตาของสัตว์อสูรจักรวาลเหล่านั้น คนตรงหน้าเปรียบเหมือนกับกระบี่ กระบี่ที่คมกริบ อาวุธแห่งการเข่นฆ่าที่ยอดเยี่ยมและไร้เทียมทาน!

เฉินซีไม่ได้ขยับเขยื้อนเลยสักครั้งตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ทั้งร่างกายกลับห้อมล้อมด้วยปราณกระบี่คมกริบ และเต็มไปด้วยพลังสังหาร อีกทั้งยังรุนแรง มันพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนจะกลายเป็นสายฝนโปรยปรายดุจความฝัน และแผ่กระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ

หลังจากนั้น สัตว์อสูรจักรวาลตนแล้วตนเล่าที่พุ่งเข้าหาก็ล้มลง พวกมันถูกสับเป็นชิ้นเนื้อ ฝนเลือดสาดกระจายไปทั่วท้องฟ้า เสียงร้องโหยหวนสั่นสะท้านไปทั้งสวรรค์

เมื่อมองจากระยะไกล เฉินซีที่ถูกล้อมโดยกองทัพสัตว์อสูรจักรวาล เป็นเหมือนกระบี่คมกริบที่สามารถผ่าแยกท้องฟ้าได้ ชายหนุ่มฟาดฟันผ่านกองทัพสัตว์อสูรจักรวาล จนเกิดเป็นเส้นทางแห่งความตายอย่างดุดัน เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นไปทั่วท้องฟ้า!

——————————–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]