บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1135

บทที่ 1135 เส้นทางแห่งความตาย

บทที่ 1135 เส้นทางแห่งความตาย

กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วและครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดทันที

ในเวลาเดียวกัน มหาค่ายกลอสนีบาตพิฆาตมารที่ถูกทำลายจนใกล้จะพัง ดูเหมือนกับต้นไม้เหี่ยวแห้งที่ฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง จู่ ๆ ก็เกิดคลื่นผันผวนแปลกประหลาดขึ้น

สายฟ้าสีเทาได้ฟาดลงมายังบริเวณด้านนอกของค่ายกล และปกคลุมค่ายกลทั้งหมดเหมือนกระแสน้ำ

หลังจากนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ซึ่งแม้ฟ้าดินก็ยังสั่นสะเทือน!

สายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งลงมาจากท้องฟ้าราวกับมหาสมุทร และท่วมท้นไปทั้งฟ้าดิน!

เหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ ทำให้กองทัพสัตว์อสูรจักรวาลที่บุกเข้ามาภายในค่ายกลตกอยู่ในความโกลาหล ใบหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“บัดซบ! พวกเราตกหลุมพรางแล้ว!”

“มารดามัน! ค่ายกลไม่ได้ถูกทำลายแล้วหรอกหรือ?”

“เกิดอะไรขึ้น? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้”

“ไอ้ชนพื้นเมืองที่น่ารังเกียจ! นังนั่นร่วมมือกับมันเพื่อหลอกเราอย่างแน่นอน!”

คลื่นเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและกระจายไปทั่ว แต่ในไม่ช้า มันก็ถูกกลบด้วยเสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง ก่อนจะตามมาด้วยคลื่นเสียงร้องโหยหวนและเสียงของการหลบหนี

ฉากตรงหน้านั้นสับสนวุ่นวายเป็นอย่างมาก

ในขณะที่ด้านนอกค่ายกล ใบหน้างดงามและเย็นชาของอินเหมียวเมี่ยว ซีดขาวอย่างน่าสยดสยองทันที รูม่านตาขยายออก หญิงสาวกัดริมฝีปากอย่างแรง

“ข้าตกหลุมพรางของมัน!”

ในที่สุดนางก็ตระหนักได้ว่า นางก็ตกหลุมพรางของเฉินซีมาตั้งแต่ก่อนเริ่มแผนการเสียอีก ค่ายกลใหญ่นี้ไม่ใช่มหาค่ายกลอสนีบาตพิฆาตมารธรรมดาอย่างแน่นอน!

การทำลายค่ายกลของนาง กลับเป็นการเติมเชื้อเพลิงกับให้เปลวไฟแทน และมันทำให้พลังของค่ายกลได้เพิ่มขึ้นอย่างมากอีกครั้ง!

“เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้!”

ตั้งแต่เริ่มบ่มเพาะจนมาถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ความรู้สึกพ่ายแพ้อย่างที่อธิบายไม่ได้เกิดขึ้นในใจของอินเหมียวเมี่ยว ความสำเร็จในเต๋าแห่งยันต์อักขระที่นางภาคภูมิใจเป็นเหมือนเรื่องเด็กเล่น หัวใจของหญิงสาวเต็มไปด้วยความคับข้องใจอย่างไร้ขอบเขต

“ราชาผู้นี้ต้องการคำอธิบาย!” ราชาหางพิสุทธิ์ที่อยู่ใกล้ ๆ มีสีหน้าซีดเผือด ดวงตาแทบจะลุกเป็นไฟ ความปีติยินดีที่รู้สึกก่อนหน้านี้ ได้ถูกแทนที่ด้วยความเดือดดาลทันที

ชายชราจะไม่รับรู้ได้อย่างไรว่า อานุภาพของค่ายกลใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าตอนที่มันยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์เสียอีก!

ถ้าไม่ใช่เพราะอินเหมียวเมี่ยวเป็นคนที่ตระกูลจั่วชิวส่งมา ราชาหางพิสุทธิ์ยังรู้สึกสงสัยเสียด้วยซ้ำว่าหญิงสาวคนนี้เป็นสหายที่เฉินซีส่งมาหลอกตนหรือไม่!

“มีอะไรต้องอธิบาย!? เจ้าไม่ได้คิดเกี่ยวกับวิธีจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้า แต่กลับกล่าวโทษเหมียวเมี่ยว หรือเจ้าคิดว่าตระกูลจั่วชิวจะหลอกเจ้า!” เจียงจูหลิวตำหนิอย่างเย็นชา แม้ในใจจะรู้สึกตื่นตระหนกเช่นกัน แต่เขาเมื่อชายหนุ่มเห็นราชาหางพิสุทธิ์คาดคั้นอินเมี่ยวเมี่ยว เขาก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้

เพราะโอกาสและอนาคตของเขาทั้งหมดได้มอบให้กับอินเหมียวเมี่ยวแล้ว ตนกำลังจะกลายเป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับอินเหมียวเมี่ยวในอนาคต จะให้นิ่งเฉยได้อย่างไร

มุมปากของราชาหางพิสุทธิ์กระตุกวูบ สีหน้ามืดมนอย่างมาก ชายชรากัดฟันแน่น “อย่าได้บีบคั้นราชาผู้นี้ หากเจ้ายังทำเช่นนั้น ข้าก็จะไม่สนว่าเจ้าจะเป็นคนของตระกูลจั่วชิวหรือไม่!”

ทันทีที่กล่าวคำเหล่านี้ เจียงจูหลิวก็กล่าวไม่ออกทันที

ในขณะเดียวกัน อินเหมียวเมี่ยวก็ได้สติจากอาการตกใจ “ราชาหางพิสุทธิ์ ถ้าข้าต้องการทำร้ายเจ้าจริง ๆ ตอนนี้เจ้าก็คงติดอยู่ในค่ายกลใหญ่แล้ว”

“เจ้ากล่าวถูกแล้ว และถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น เจ้าทั้งคู่คงตายไปนานแล้ว!” ราชาหางพิสุทธิ์คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว จากนั้นไม่สนใจทั้งสองอีกต่อไป สายตาจับจ้องไปที่ค่ายกลใหญ่แทน

เกิดพายุฝนฟ้าคะนองหมุนวนอยู่ภายในค่ายกล สายฟ้าฟาดไปมาอย่างดุเดือด คลื่นเสียงร้องแห่งความเศร้าโศกและโหยหวนดังก้องอยู่เป็นระยะ

เพียงได้ฟังเสียงที่เล็ดลอดออกมาจากค่ายกล ก็เห็นได้ชัดว่ากองทัพสัตว์อสูรจักรวาลกำลังประสบกับภัยพิบัติแบบใด

สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของราชาหางพิสุทธิ์มืดมนยิ่งขึ้น ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ตอนนี้ พวกเจ้าทั้งสองควรคิดหาทางกอบกู้สถานการณ์ให้เร็วที่สุด มิฉะนั้นหากบริวารของข้าล้มตายลงทั้งหมด เจ้าทั้งสองจะต้องถูกฝังเคียงข้างพวกเขา!”

หลังจากที่กล่าวคำเหล่านี้ ราชาหางพิสุทธิ์ก็หันหลังกลับขึ้นไปนั่งในรถม้าสมบัติสัมฤทธิ์ และไม่กล่าวอะไรอีก

“ฮึ่ม! เจ้ามันขี้ขลาดและไม่มีความสามารถที่จะช่วยบริวารของเจ้าเอง แต่เจ้ากลับผลักภาระความรับผิดชอบทั้งหมดมาให้เรา!” เจียงจูหลิวกล่าวอย่างขุ่นเคือง

“เงียบซะ” อินเหมียวเมี่ยวขมวดคิ้ว “เขาไม่ได้กล่าววาจาล้อเล่น!”

เจียงจูหลิวตกตะลึง จากนั้นสีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง “ถ้าอย่างนั้น… เราควรทำอย่างไรดี? หรือว่าเราควรพุ่งเข้าสู่ค่ายกลนั้น?”

“ให้ข้าคิดอีกสักระยะหนึ่ง” อินเหมียวเมี่ยวหายใจเข้าลึกและควบคุมความรู้สึกต่าง ๆ ในใจของตน หญิงสาวจ้องมองไปที่ค่ายกลใหญ่ที่อยู่ห่างไกล ก่อนจะเริ่มคิดหาหนทางเงียบ ๆ

ที่ศูนย์กลางของค่ายกล เหวยน่าเบิกตากว้างขณะจ้องมองอย่างว่างเปล่า นางขยี้ตา ดูเหมือนทั้งงุนงงและตกใจ

“เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้?”

“ค่ายกลถูกทำลายไปแล้วไม่ใช่หรือ?”

จู่ ๆ เหวยน่าก็กัดปลายลิ้นของตน ความเจ็บปวดทำให้นางตระหนักได้อย่างชัดเจนว่า นางไม่ได้เห็นภาพหลอน กล่าวอีกนัยหนึ่ง ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านางคือความจริง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]