บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1134

บทที่ 1134 หลุมพราง!

บทที่ 1134 หลุมพราง!

อินเหมียวเมี่ยวตอบอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ได้ แต่ข้าต้องการผู้ช่วย”

เมื่อเห็นท่าทางสุขุมและสงบนิ่งของหญิงสาว ราชาหางพิสุทธิ์ก็เชื่อในความสามารถของนางเล็กน้อย ทำให้สีหน้าผ่อนคลายลง “ข้ายอมทุกอย่าง ตราบใดที่เจ้าสามารถจัดการกับมันได้”

อินเหมียวเมี่ยวทะยานขึ้นไป เสื้อผ้าของนางปลิวไสวไปตามสายลม แววตาทอประกายลึกล้ำ หญิงสาวจ้องมองไปรอบ ๆ ค่ายกลเป็นเวลานาน เมื่อทุกคนเริ่มหมดความอดทนเล็กน้อยการรอคอย นางก็กล่าวขึ้นมาว่า “หากข้าจำไม่ผิด ค่ายกลใหญ่นี้เรียกว่า ค่ายกลอสนีบาตพิฆาตมาร ซึ่งอานุภาพก็เพียงพอที่จะดักจับและสังหารผู้เยี่ยมยุทธ์เซียนทองคำ”

“เซียนทองคำ!”

ทุกคนตกใจทันทีที่ได้ยินคำนี้ เพราะการบ่มเพาะของพวกมันส่วนมากอยู่ที่ขอบเขตเซียนลึกลับ แม้แต่ราชาหางพิสุทธิ์ก็ยังไม่บรรลุขอบเขตเซียนทองคำ ถึงจะมีกองกำลังเกือบสองพันคน แต่ถ้าเข้าสู่ค่ายกลใหญ่นี้ จะเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่อย่างแน่นอน

นัยน์ตาของราชาหางพิสุทธิ์หรี่ลง แต่ดูเหมือนชายชราจะใจเย็นกว่ามาก เขากล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “แล้วเจ้าจัดการกับมันได้หรือไม่?”

อินเหมียวเมี่ยวพยักหน้า “ค่ายกลนี้ยังไม่สมบูรณ์ มันไม่ได้เชื่อมโยงกับพลังของฟ้าดิน ดังนั้นพลังจึงอ่อนด้อยกว่ามาก แต่ถึงอย่างนั้น การทำลายค่ายกลนี้ก็ยังลำบากเล็กน้อย”

ทุกคนที่อยู่ที่นี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินสิ่งนี้

“ข้าต้องการผู้ช่วยสามร้อยยี่สิบคน”

อินเหมียวเมี่ยวกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ค่ายกลนี้สร้างปัญหาอย่างมาก และจำเป็นต้องทลายจากทุกทิศทางในเวลาเดียวกัน ดังนั้นข้าจึงต้องการให้พวกเขาดำเนินการตามคำสั่งของข้าทุกขั้นตอน”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ราชาหางพิสุทธิ์หันกลับมาและกล่าวกับวิญญาณนพเก้า “จงพาบริวารของเจ้าไป และฟังคำสั่งของหญิงสาวคนนี้” น้ำเสียงของชายชราเฉยเมย แต่กลับมีอำนาจที่ไม่อาจปฏิเสธได้

หัวใจของวิญญาณนพเก้าสั่นไหว และเขาไม่กล้าปฏิเสธ จึงนำแถวบริวารของตนไปยืนต่อหน้าอินเหมียวเมี่ยว และรอฟังคำสั่งของนาง

“รากฐานของมหาค่ายกลนี้ มีพื้นฐานมาจากรูปแบบของตำหนักทั้งเก้าแห่ง ตำหนักกลางคือแกนหลักของค่ายกล จงจัดกลุ่มสิบหกคน และรอคำสั่งอยู่ที่ตำแหน่งอื่น ๆ ของ ตำหนักทั้งเก้า” อินเหมียวเมี่ยว ดำเนินการโดยไม่ลังเล น้ำเสียงและการกระทำของนางดูเป็นธรรมชาติ ราวกับว่าได้วางแผนมาอย่างดี ซึ่งทำให้ราชาหางพิสุทธิ์และสัตว์อสูรจักรวาลตัวอื่น ๆ สบายใจขึ้นมาก

ในไม่ช้า เหล่าบริวารของวิญญาณนพเก้าได้แยกย้ายไปตามคำสั่งของอินเหมียวเมี่ยว และกระจายไปตามตำแหน่งของ ‘ตำหนักทั้งเก้า’ ซึ่งอยู่ที่ด้านนอกของค่ายกลใหญ่

“ตำแหน่งข่าน เดินหน้าสามก้าว ถอยหลังสองก้าว ทำลายล้างสายฟ้าสีคราม”

“ตำแหน่งเกิ้น จงโจมตีพื้นดินที่อยู่ห่างออกไปแปดจั้งหนึ่งฉื่อด้วยพลังทั้งหมดของเจ้า”

“ตำแหน่งเจิ้น จงป้องกันและทำลายสายฟ้าที่เจ้าเผชิญ ทำให้มหาค่ายกลไม่สามารถหมุนเวียนได้”

“…”

เมื่อนางเห็นฉากนี้ อินเหมียวเมี่ยวสูดลมหายใจเข้าลึก สายตาเย็นชาและสงบเหมือนหิมะ ก่อนจะออกคำสั่งครั้งแล้วครั้งเล่า เนื่องจากการกล่าวด้วยคำพูดนั้นช้าเกินไป นางจึงใช้ญาณมหาเทวะอมตะเพื่อสั่งการออกไปโดยตรง และคำสั่งที่แตกต่างกันแปดคำสั่งก็ถูกส่งออกไปในทันที

ทันทีที่นางกล่าวจบ สัตว์อสูรจักรวาลที่ถูกแบ่งออกเป็นแปดกลุ่มที่ยืนประจำตำแหน่งต่าง ๆ อยู่รอบของค่ายกลใหญ่ ต่างก็ตะโกนอย่างพร้อมเพรียงกัน ก่อนที่จะโจมตีค่ายกลใหญ่ด้วยพลังทั้งหมดของพวกมัน

โครม! โครม! โครม!

ทันใดนั้น ค่ายกลอสนีบาตพิฆาตมารก็เกิดคลื่นระเบิดที่สั่นสะเทือนไปทั้งฟ้าดิน และทำให้ค่ายกลใหญ่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

“ไม่เลว ไม่เลว” สีหน้าของราชาหางพิสุทธิ์ดูผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อเห็นสิ่งนี้ ชายชราสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่า พลังงานของค่ายกลที่อยู่ไกลออกไป กำลังตกอยู่ในความผันผวนอย่างรุนแรง อีกไม่นานค่ายกลนี้จะพังทลายลง และแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ

เจียงจูหลิวที่อยู่ใกล้เคียงแค่นเสียงเย็น “ไม่ใช่แค่ไม่เลว หากเป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระคนอื่นที่อยู่ที่นี่ คนคนนั้นคงไม่สามารถบรรลุความสมบูรณ์แบบเช่นเหมียวเมี่ยว!”

ราชาหางพิสุทธิ์ชำเลืองมองเจียงจูหลิว แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไร

“ตำแหน่งคุน ตำแหน่งสวิน และตำแหน่งตุ้ยฟังคำสั่งของข้า จงโจมตีเต็มกำลัง เจ้าต้องตะลุยเข้าไปในค่ายกลหนึ่งลี้ครึ่ง!

“ตำแหน่งเฉียนฟังคำสั่งของข้า รีบถอนตัวจากค่ายกลอย่างรวดเร็ว และเข้าร่วมกองกำลังกับตำแหน่งข่านในการป้องกัน!”

“ส่วนตำแหน่งอื่น ๆ จงยืนหยัดต่อไป และคอยทำลายสายฟ้าที่อยู่รอบ ๆ!”

อินเหมียวเมี่ยวยังคงเฉยเมยต่อทุกสิ่งรอบข้าง ในขณะที่ญาณมหาเทวะอมตะของนางก็เข้าครอบคลุมบริเวณโดยรอบ และจดจ่ออยู่กับความเปลี่ยนแปลงภายในค่ายกลใหญ่ทั้งหมด จากนั้นนางก็ออกคำสั่งไปตามสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป

หากใครมองลงมาจากท้องฟ้า จะสังเกตเห็นว่า มหาค่ายกลอสนีบาตพิฆาตมาร ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่ายี่สิบห้าลี้ กำลังลดขนาดลงอย่างเห็นได้ชัด

ค่ายกลใหญ่พังทลายลงอย่างต่อเนื่อง

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้ขวัญกำลังใจของกองทัพสัตว์อสูรจักรวาลเพิ่มขึ้นในทันที พวกมันเผยสีหน้าที่ดุร้ายและอำมหิต ขณะถูฝ่ามือเข้าด้วยกัน และกระเหี้ยนกระหือรือที่จะลงมือ

ราชาหางพิสุทธิ์พยักหน้ากับตัวเอง ในขณะที่ความคิดไร้สาระก็ผุดขึ้นมาในใจอย่างอดไม่ได้ ‘หากเผ่าจักรวาลศักดิ์สิทธิ์ของข้ามีปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระจำนวนมาก ก็คงตะลุยเข่นฆ่าเข้าสู่ภพทั้งสามได้แล้วกระมัง?’

“ราชาหางพิสุทธิ์ ข้าต้องการผู้เยี่ยมยุทธ์หนึ่งพันคน เพื่อคอยคุ้มกันบริเวณรอบนอกของค่ายกลนี้ เร็วเข้า! มิฉะนั้นความได้เปรียบที่เราได้รับจะหายไป!” ทันใดนั้นเสียงของอินเหมียวเมี่ยวก็ดังขึ้นจากกลางอากาศ

ใบหน้าของราชาหางพิสุทธิ์เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ขณะสั่งการจ้าวทั้งสาม “ปีกขจี วิถีเหมันต์ หยาดพิษนาศน์ จงนำบริวารของพวกเจ้าไป และรอฟังคำสั่งของแม่นางเหมี่ยวเมี่ยว!”

“ขอรับ!” จ้าวสัตว์อสูรจักรวาลทั้งสามได้นำบริวารของตนออกไปตามคำสั่ง และบินเป็นทิวแถวดูน่าเกรงขามยิ่ง

ด้วยเหตุนี้ นอกจากราชาหางพิสุทธิ์แล้ว มีสัตว์อสูรจักรวาลเกือบหกร้อยตัวที่ยังไม่ได้เคลื่อนไหว

“ดีมาก! เจ้าเด็กนั้นคิดว่ามันจะปลอดภัย หากหดหัวอยู่ในค่ายกลใหญ่ แต่มันจะคิดได้อย่างไรว่า มันจะต้องเจอข้ากับเหมียวเมี่ยวที่นี่? มันสมควรทุกข์ทรมานกับเคราะห์ร้ายเช่นนี้!” เจียงจูหลิวที่อยู่ใกล้เคียง อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นอย่างมากเมื่อเห็นสถานการณ์ดำเนินไปด้วยดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]