บทที่ 1133 กองทัพล้อมค่ายกล
บทที่ 1133 กองทัพล้อมค่ายกล
เจียงจูหลิวและอินเหมียวเมี่ยวเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน สายตาของทั้งสองสะท้อนภาพสัตว์อสูรจักรวาลจำนวนกว่าพันตัวที่รวมตัวกันอยู่ในหนองน้ำสีเลือดที่อยู่ห่างออกไป พวกมันดูคล้ายกับมวลน้ำสีดำที่อัดแน่นไปด้วยรัศมีอันน่าเกรงขามและดุดัน
“เจ้าอสูรทั้งห้ามีพลังเทียบเท่ากับผู้เยี่ยมยุทธ์สามร้อยอันดับแรกของเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า ในขณะที่สัตว์อสูรจักรวาลทั้งสองพันตัวนั้นเปรียบได้กับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับ ส่วนราชาหางพิสุทธิ์สามารถรับมือกับผู้เยี่ยมยุทธ์สิบอันดับแรกของเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้าได้อย่างง่ายดาย คงจะเป็นเรื่องพิลึกไม่น้อยหากกองทัพที่ยิ่งใหญ่เพียงนี้ไม่สามารถจัดการเฉินซีได้” จิตใจของเจียงจูหลิวฮึกเหิมขึ้นเมื่อเห็นภาพดังกล่าว ชายหนุ่มพูดผ่านกระแสปราณด้วยความรวดเร็ว “อนิจจา น่าเสียดายที่หากเราสามารถสังหารราชาหางพิสุทธิ์และบริวารของมันได้ แต้มดาราของพวกเราคงจะพุ่งทะยานติดสิบอันดับแรกเป็นแน่”
อินเหมียวเมี่ยวขมวดคิ้ว “ต่อไปการได้รับแต้มดาราจะกลายเป็นเรื่องง่ายหลังจากที่เรารวมตัวกับคนของตระกูลจั่วชิว สิ่งที่สำคัญตอนนี้ก็คือต้องกำจัดเฉินซีเสียก่อน”
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน ราชาหางพิสุทธิ์ก็เดินออกมาจากราชรถทองสัมฤทธิ์ ชายชรายืนอยู่เบื้องหน้ากองทัพขนาดมหึมาด้วยท่าทีมั่นคงพร้อมมือไพล่หลัง
“ถวายพระพร ฝ่าบาท!” ร่างทั้งห้าซึ่งมีรูปลักษณ์อย่างมนุษย์อันอัดแน่นไปด้วยสัมผัสดุดันเคลื่อนตัวเข้ามาก่อนจะคุกเข่าลง พวกเขาเป็นจ้าวอสูรทั้งห้าที่อยู่ภายใต้บัญชาของราชาหางพิสุทธิ์
“ถวายพระพร ฝ่าบาท!” ไม่นาน สัตว์อสูรจักรวาลเกือบสองพันตัวก็ตะโกนขึ้นอย่างพร้อมเพรียงพร้อมกับคุกเข่า เกิดเป็นคลื่นพลังสั่นสะเทือนไปยังสวรรค์ทั้งเก้าชั้น
เจียงจูหลิวและอินเหมียวเมี่ยวถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นฉากนี้ พวกเขาไม่กล้าดูแคลนราชาหางพิสุทธิ์ที่อยู่ในร่างมนุษย์อีกต่อไป
ทั้งสองตระหนักดีว่าหากไม่ใช่เพราะสายสัมพันธ์จากตระกูลจั่วชิว พวกเขาก็คงถูกกองทัพที่ยิ่งใหญ่นี้บดขยี้เป็นชิ้น ๆ ไปแล้ว
ราชาหางพิสุทธิ์โบกมือ “วิญญาณนพเก้า ที่นี่คือดินแดนของเจ้า เป้าหมายที่ข้าให้เจ้าไปตรวจสอบมาตอนนี้อยู่ที่ใด?”
ชายชุดดำอึกอักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโค้งคำนับ “ทูลฯ ฝ่าบาท เป้าหมายอยู่ห่างจากที่นี่ไปสามพันลี้ ตอนนี้ข้าและจ้าวอสูรอีกสี่คนได้ทำการปิดผนึกบึงวิญญาณโลหิตไว้แล้ว เป้าหมายไม่มีทางหลบหนีไปได้พ่ะย่ะค่ะ”
ราชาหางพิสุทธิ์พยักหน้า ชายชรากวาดสายตามองกองทัพผ่าน ๆ ก่อนจะขมวดคิ้ว “หืม? ข้ารู้สึกเหมือนว่าคนของเจ้าบางส่วนไม่ได้อยู่ที่นี่ เป็นเช่นนั้นหรือไม่?”
หัวใจของจ้าววิญญาณนพเก้าสั่นสะท้าน เขาไม่อาจปกปิดมันได้อีกต่อไป จำนนยอมรายงานความจริงต่อนายเหนือหัว
“มันฆ่าคนของเจ้าไปเกือบร้อยคนด้วยค่ายกลอย่างนั้นหรือ?” ประกายแสงวาบสว่างวาวภายในดวงตาของผู้เป็นนาย ด้วยรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
คนอื่น ๆ รวมถึงเจียงจูหลิวและอินเหมียวเมี่ยวเองก็ประหลาดใจไม่ต่างกัน
วิญญาณนพเก้ารวบรวมความกล้าและตอบออกไปด้วยน้ำเสียงขื่นขม “พวกมันถูกครอบงำด้วยโลภะจึงตกหลุมพรางของมนุษย์จากภพที่สาม หากพวกมันรอบคอบมากกว่านี้อีกสักนิด ความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น…”
ยิ่งพูด เสียงของเขาก็ยิ่งสั่นเครือ
คิ้วของราชาหางพิสุทธิ์ขมวดเข้าหากันเป็นปมแน่น “หรือว่าชายผู้นั้นจะเป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระ?”
เมื่อเห็นว่าราชาหางพิสุทธิ์เริ่มแสดงท่าทางลังเลใจ อินเหมียวเมี่ยวจึงชิงพูดขึ้น “ข้าสามารถช่วยเจ้าทำลายค่ายกลนั่นได้”
ราชาหางพิสุทธิ์เหลือบมองหญิงสาวอย่างคลางแคลง
“อะไรกัน? เจ้าไม่เชื่อนางอย่างนั้นหรือ? เหมียวเมี่ยวน่ะมาจากตระกูลอิน ตระกูลเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงในด้านเต๋าแห่งยันต์อักขระเชียวนะ นอกจากนี้นางยังเป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระที่มีความสามารถโดดเด่นอีกด้วย!” เจียงจูหลิวเปล่งเสียงเย็นชาจากด้านข้าง
สีหน้าของราชาหางพิสุทธิ์ผ่อนคลายลงเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เอาเถอะ ข้าจะลองเชื่อใจเจ้าสักครั้ง!” ชายชราตอบอย่างไม่มั่นใจนัก
พูดจบ เขาก็โบกมือและพูดกับเจ้าอสูรทั้งห้า “ออกไปซะ! ไปจับตัวเป้าหมายมาให้ได้!”
กรร! กรร!
คลื่นเสียงคำรามดังกึกก้อง กองทัพของสัตว์อสูรขนาดมหึมากลายเป็นมวลเมฆสีดำปกคลุมทั่วฟ้า มันเคลื่อนเข้าไปตามเส้นทางเข้าสู่ส่วนลึกของบึงวิญญาณโลหิต!
…
ฟิ้ว!
แสงเจิดจ้ากะพริบถี่ไกลออกไปจากก้อนหินสีดำสนิท ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ทว่าทันใดนั้นเอง พลันบังเกิดรัศมีอันน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้แม้แต่จิตวิญญาณต้องหวาดผวาปรากฏขึ้น ส่งผลให้ฟ้าดินโดยรอบบึงวิญญาณโลหิตสั่นสะเทือน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...
ไม่ลงต่อแล้วหรือครับ ผมยังรออยู่นะครับ...