บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1140

บทที่ 1140 ภูเขาเหยี่ยวโทมนัส

บทที่ 1140 ภูเขาเหยี่ยวโทมนัส

“พี่ใหญ่ซวิน ชายคนนั้นแข็งแกร่งจริง ๆ ทั้งที่อยู่ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นต้นเท่านั้น หากเราสามารถฆ่าเขาได้ เราอาจจะได้รับแต้มดาราจำนวนมาก ดังนั้น…” เมื่อเห็นกลุ่มของเฉินซีจากไป หนึ่งในศิษย์ของตระกูลจ้งลี่ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวเบา ๆ ผ่านกระแสปราณ

“ไม่ต้อง” จ้งลี่ซวินลูบคางขณะขมวดคิ้ว “ถ้าข้าจำไม่ผิด ชายคนนั้นคือเฉินซี เขาโหดเหี้ยมมาก ตามข้อมูลที่ข้าได้มา ตระกูลจั่วชิวได้ถ่ายทอดคำสั่ง ให้ทำการสังหารเฉินซีในแดนโลหิตนี้ แต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรคนผู้นั้นได้เลย ดังนั้นการไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้จึงเป็นการดีที่สุด”

ในฐานะผู้นำของคนรุ่นเยาว์ของตระกูลจ้งลี่ จ้งลี่ซวินตระหนักได้อย่างชัดเจนว่า ไม่ใช่แค่ตระกูลจั่วชิวที่วางเบี้ยจำนวนมากในแดนโลหิต แต่มหาอำนาจอื่น ๆ ก็ทำเช่นกัน แม้แต่ตระกูลจ้งลี่ก็ไม่มีข้อยกเว้น

นี่เป็นกฎที่ไม่ได้กล่าวถึง และเบี้ยเหล่านี้ถูกวางไว้เพื่อจุดประสงค์ง่าย ๆ เพียงประการเดียว เพื่อรับประกันว่าศิษย์ของตระกูลตนจะได้รับแต้มดาราเพียงพอ และผ่านการทดสอบได้อย่างราบรื่น

แน่นอน บางครั้งเบี้ยอาจมีประโยชน์อย่างอื่นด้วย ตัวอย่างเช่น การให้ข้อมูล การช่วยเหลือในการตามล่าเป้าหมาย และอื่น ๆ เป็นต้น

“เฉินซีหรือ? ไม่แปลกใจเลย ที่แท้ก็เขานี่เอง” ศิษย์คนอื่น ๆ ของตระกูลจ้งลี่ก็เข้าใจเช่นกัน เนื่องจากเฉินซีได้อันดับที่เก้าในระหว่างการทดสอบรอบแรก ดังนั้นชื่อของชายคนนั้นจึงแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว และเป็นที่รู้จักของทุกคน

ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างทางไปยังทะเลสาบโลหิตแดนเถื่อน พวกเขาได้ยินข้อมูลมากมาย เกี่ยวกับเรื่องที่ราชาหางพิสุทธิ์ได้นำบริวารทั้งหมดออกไป เมื่อรวมกับข้อมูลที่ได้รับมา จึงทราบอย่างชัดเจนว่า ชื่อของเฉินซีอยู่ในรายชื่อตามล่าของตระกูลจั่วชิวแล้ว

เพียงแค่ได้ยินว่าชายหนุ่มคนนั้นคือเฉินซี ความคิดที่จะตามล่าก็หายไปทันที เพราะนั่นเป็นเรื่องของตระกูลจั่วชิว และตระกูลจ้งลี่ไม่คิดยื่นมือช่วยเหลือ

ในทางกลับกัน ตระกูลจ้งลี่จะยินดีอย่างมาก หากเฉินซีสามารถล่าศิษย์ของตระกูลจั่วชิวได้สักสองสามคน

“น่าสนใจ หากเฉินซีสามารถผ่านการทดสอบทั้งสามและเข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าได้สำเร็จ มันก็คุ้มค่าที่ตระกูลจ้งลี่ของเราจะเป็นสหายกับเขา หากเขาสามารถเป็นประโยชน์กับข้าได้ แน่นอนว่ามันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการตั้งหลักในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า” จ้งลี่ซวินพึมพำขณะจมอยู่ในห้วงความคิด

ศิษย์คนอื่น ๆ ของตระกูลจ้งลี่หัวเราะเบา ๆ เมื่อได้ยินสิ่งนี้

มีคนกล่าวว่า “พี่ใหญ่ซวิน ด้วยชื่อเสียงของตระกูลจ้งลี่ และด้วยคำเชิญเป็นการส่วนตัวของท่าน การชักชวนเฉินซีย่อมเป็นเรื่องง่ายดายไม่ใช่หรือ?”

“ฮึ่ม! เจ้าคิดว่าเฉินซีคนนั้นมีค่าพอให้พี่ใหญ่ซวินเชิญเป็นการส่วนตัวเลยหรือ?”

“แน่นอน เด็กคนนั้นทำให้ตระกูลจั่วชิวขุ่นเคือง บางทีเขาอาจจะถูกกำจัดในไม่ช้า หากโชคดีพอจะรอดชีวิตมาได้ แต่ถ้าเราผูกมิตรกับเขาและกลายเป็นศัตรูกับตระกูลจั่วชิวเพราะคนเพียงคนเดียว ตระกูลจั่วชิวย่อมไม่พอใจ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงข้อดีและข้อเสียของเรื่องนี้”

คนอื่น ๆ กล่าวตามลำดับ ในใจปฏิเสธเฉินซีไม่น้อย

จ้งลี่ซวินชำเลืองมองทุกคนที่อยู่ใกล้เคียง เห็นได้ชัดว่าหลายคนไม่เต็มใจที่จะยอมรับความเหนือกว่าของเฉินซี แต่ชายหนุ่มไม่ได้เปิดโปงและโบกมือ “เราจะหารือเรื่องนี้ในภายหลัง เรื่องสำคัญคือการล่าแต้มดารา”

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ สีหน้าพลันจริงจังขึ้น “ในไม่ช้า เราจะไม่ล่าหาสัตว์อสูรจักรวาลได้อีก…”

เมื่อไม่มีสัตว์อสูรจักรวาลให้ล่า พวกเขาย่อมออกล่าศิษย์คนอื่น ๆ ที่เข้าร่วมในการทดสอบเป็นธรรมดา

เพราะถึงตอนนั้น แม้ไม่อยากล่า แต่คนอื่นก็จะล่าอยู่ดี!

ภายในป่าเขาอันเงียบสงบ

เฉินซี เหลียงเริ่น และกู่เยวหมิงกำลังนั่งขัดสมาธิ พลางพูดคุยบทสนทนาสั้น ๆ ก่อนที่เฉินซีจะทราบสาเหตุที่ทั้งสองมาปรากฏตัวที่บริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของแดนโลหิต พวกเขาตั้งใจตามหาตนโดยเฉพาะ

เหตุผลที่ทั้งสองมาหานั้นเรียบง่ายยิ่ง เพื่อนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตระกูลจั่วชิวมาแจ้ง!

“จั่วชิวอินจึงนำกองกำลัง รีบรุดมาที่นี่จากหุบเขาขนัดกาฬ” เฉินซีกล่าว

เหลียงเริ่นพยักหน้า “เดิมทีเราสองคนไม่แน่ใจนัก อย่างไรก็ตาม เราบังเอิญพบศิษย์ของตระกูลจั่วชิวระหว่างทางมาที่นี่ เราติดตามจนได้ยินเบาะแสบางอย่างโดยไม่ได้ตั้งใจ เราจึงรีบมาที่นี่”

เมื่อกล่าวมาถึงจุดนี้ เหลียงเริ่นอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “โชคดีที่เราได้พบเจ้าก่อน ตอนนี้เราต้องซ่อนตัว ไม่ให้ตระกูลจั่วชิวทำแผนชั่วสำเร็จ”

กู่เยวหมิงที่อยู่ใกล้เคียงก็ยิ้มเช่นกัน “นี่เรียกว่าชะตาฟ้าลิขิต แผนของตระกูลจั่วชิว สมควรล้มเหลว”

เมื่อกล่าวมาถึงจุดนี้ ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืนและจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะกล่าวว่า “ไม่อาจเสียเวลาได้อีกแล้ว เราต้องใช้เวลาของเราให้ดีที่สุด แล้วออกจากที่นี่!”

ทว่าเฉินซีกลับส่ายศีรษะ “ข้าตั้งใจจะเผชิญหน้ากับศิษย์ของตระกูลจั่วชิว” สีหน้าของชายหนุ่มสงบนิ่งและเผยให้เห็นถึงปณิธานอันแรงกล้า

เหลียงเริ่นและกู่เยวหมิงตกตะลึง และไม่เข้าใจว่าทำไมเฉินซีถึงดึงดันที่จะเสี่ยงเช่นนี้

เฉินซียืนขึ้น ก่อนที่จะตบไหล่ทั้งสองและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกมันต้องการจะกำจัดข้า แต่ก็ไม่มีใครห้ามข้าไม่ให้กำจัดพวกมันเช่นกัน”

เหลียงเริ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล “แต่เจ้าตัวคนเดียว แล้วถ้าเจ้าตกรอบล่ะ? เจ้าจะไม่มีโอกาสเข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าได้อีก การกระทำนี้เสี่ยงเกินไป โอกาสสูญเสียก็มีมากกว่าการได้รับ”

กู่เยวหมิงกล่าวอย่างจริงจัง “เหลียงเริ่นกล่าวถูกแล้ว แม้เจ้าตั้งใจที่จะแก้แค้น ก็ควรรอจนกว่าเจ้าจะเข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าเสียก่อน ถึงตอนนั้นจะเคลื่อนไหวก็ยังไม่สาย เหตุใดต้องตอนนี้ด้วย?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]