บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1149

บทที่ 1149 ความบังเอิญที่เป็นดั่งโชคช่วย

บทที่ 1149 ความบังเอิญที่เป็นดั่งโชคช่วย

โครม!

ก้อนหินพุ่งออกไปทุกทิศทุกทาง ขณะที่เปลวไฟเริงระบำทั่วท้องฟ้า จ้าวเมิ่งหลีแปลงร่างเป็นวิหคอมตะที่แท้จริงที่มีปีกพร่างพราว นางบินวนไปบนท้องฟ้า และปลดปล่อยเพลิงวิหคอมตะจำนวนมหาศาลออกมา

จี้เซวียนปิงรุกคืบไปข้างหน้าด้วยการก้าวยาว ๆ ชายหนุ่มเป็นเหมือนจักรพรรดิที่จุติลงมายังโลก เพื่อควบคุมมันและบีบบังคับราชาวิญญาณหน้าศิลาให้ถอยร่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนมันคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวไม่หยุดหย่อน

ขณะที่เซวียนหยวนอวิ่นก็สั่งการศิษย์คนอื่น ๆ ของกองกำลังทั้งสาม และต้านทานการโจมตีของวิญญาณหน้าศิลานับพันตัว

ฉากนั้นตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวาย และน่าสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง

เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า กองกำลังทั้งสามได้แบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ราวกับได้วางแผนและเตรียมการเพื่อจัดการราชาวิญญาณหน้าศิลาโดยเฉพาะ

สรุปแล้ว สนามรบในระยะไกลนั้นน่ากลัวเกินไป และเต็มไปด้วยพลังทำลายล้าง ทำให้เฉินซีประหลาดใจอย่างมาก และไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้

เพราะท้ายที่สุด อานุภาพของราชาวิญญาณหน้าศิลาและวิญญาณหน้าศิลาหนึ่งพันตัว ก็เพียงพอที่จะทำลายล้างศิษย์ของมหาอำนาจ!

แม้สัตว์อสูรจักรวาลเหล่านี้จะถูกปิดล้อมโดยกองกำลังร่วมของภพวิหคอมตะ ตระกูลจี้ และตระกูลเซวียนหยวน หากเฉินซีปรากฏตัวตอนนี้ ย่อมดึงดูดความสนใจของจ้าวเมิ่งหลี จี้เซวียนปิง และเซวียนหยวนอวิ่นได้อย่างแน่นอน

สิ่งนี้จะทำให้จังหวะในการต่อสู้พวกเขาชะงัก หากราชาวิญญาณหน้าศิลาฉวยโอกาสนี้เพื่อหลบหนี หรือใช้โอกาสนี้เพื่อฆ่าศิษย์บางคน พวกเขาย่อมเคียดแค้นเฉินซีไปจนตาย

“เห็นได้ชัดว่าราชาวิญญาณหน้าศิลานี้มีความแข็งแกร่งของขอบเขตเซียนทองคำ แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันถูกปิดล้อมอยู่ และไม่สามารถทำอะไรกับกองกำลังร่วมนี้ได้…”

เฉินซีขมวดคิ้ว สิ่งนี้ค่อนข้างผิดปกติ ทั้งไม่ใช่แค่ความแตกต่างของขอบเขตระหว่างเซียนทองคำและเซียนลึกลับ ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะเอาชนะ

ในภพเซียนแห่งนี้ เซียนทองคำสามารถกลายเป็นจ้าวผู้ปกครองอาณาเขต ซึ่งเป็นเสาหลักของกองกำลังภพเซียน ในขณะที่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับจะเอาชนะความแตกต่างระหว่างสองขอบเขตนี้

เพราะไม่ว่าจะเป็นดวงจิตแห่งเต๋า ปราณเซียนพิสุทธิ์ วิญญาณ หรือการควบคุมกฎ ความแตกต่างระหว่างเซียนทองคำและเซียนลึกลับก็เหมือนกับช่องว่างระหว่างสวรรค์กับโลก

มันเป็นกำแพงของขอบเขตที่สมบูรณ์มาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน แม้จะมีกรณีเซียนลึกลับสังหารเซียนทองคำได้ แต่นั่นไม่ใช่การต่อสู้แบบตัวต่อตัว

ทั้งลอบโจมตี ใช้เคล็ดวิชาลับหรือสมบัติบางอย่าง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะเซียนทองคำโดยอาศัยเพียงความแข็งแกร่งของตัวเอง

จากมุมมองของเฉินซี กองกำลังทั้งสามของจ้าวเมิ่งหลีคงใช้ประโยชน์บางอย่าง ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น ทำให้ความแข็งแกร่งของราชาวิญญาณหน้าศิลาถูกจำกัด มิฉะนั้นมันจะไม่ด้อยกว่าอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ราชาวิญญาณหน้าศิลาก็ยังสามารถต่อสู้กับจ้าวเมิ่งหลีและจี้เซวียนปิงได้จนถึงตอนนี้ ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พลังต่อสู้ของมันนั้นน่าเกรงขามเพียงใด

หากมันสามารถแสดงพลังได้อย่างเต็มที่ จ้าวเมิ่งหลีและคนอื่น ๆ ก็คงได้แต่หนีไปเท่านั้น

“ข้าได้ยินมาว่า การฆ่าสัตว์อสูรจักรวาลที่ขอบเขตเซียนทองคำ มีแต้มดาราถึงหกพันแต้ม ข้าสงสัยว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่…”

เฉินซีถอนหายใจ เมื่อเฝ้าดูจ้าวเมิ่งหลีและคนอื่น ๆ ค่อย ๆ ครอบครองความได้เปรียบในการต่อสู้กับราชาวิญญาณหน้าศิลาอย่างแท้จริง

ชายหนุ่มตระหนักดีว่า ตนไม่สามารถฝันที่จะฆ่าสัตว์อสูรจักรวาลขอบเขตเซียนทองคำได้ เพราะจ้าวเมิ่งหลีและคนอื่น ๆ ยังต้องรวมพลังเพื่อจัดการกับสัตว์อสูรจักรวาลตนนี้ ดังนั้นหากเขาต้องการฆ่าสัตว์อสูรจักรวาลด้วยตัวคนเดียว …มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย

หลังจากนั้น เฉินซีก็ไม่คิดอะไรอีก ร่างสูงใหญ่ทะยานวาบ ขณะเคลื่อนตัวไปยังส่วนลึกของป่าหินเงียบ ๆ เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะสังเกตเห็นแล้วว่า ศัตรูยังไม่หยุดไล่ตาม

“หืม”

“ใครกัน?”

แม้ว่าเฉินซีจะเก็บงำกลิ่นอายของตน แต่จ้าวเมิ่งหลี จี้เซวียนปิง และเซวียนหยวนอวิ่นก็ยังสังเกตเห็นอยู่ดี สายตาเย็นยะเยือกของทั้งสามต่างจ้องมองมาราวกับสายฟ้าแลบ ทั้งยังแฝงคำเตือนอันเย็นยะเยือกไว้

แต่เมื่อเห็นว่าเฉินซีมุ่งตรงไปยังส่วนลึกของป่า และไม่มีท่าทีเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้นี้ พวกเขาก็เบือนสายตาออก ก่อนจะมุ่งความสนใจไปที่การต่อสู้กับราชาวิญญาณหน้าศิลาตรงหน้า

ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากอยู่ห่างจากสนามรบสองร้อยห้าสิบลี้ ร่างสูงไม่ได้รุดหน้าต่อ แต่เพียงยืนอยู่ตรงนั้น และมองไปยังสนามที่ห่างออกไปด้วยเนตรเทวะแห่งความจริง

ชายหนุ่มไม่คิดเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แค่ต้องการดูว่าพวกศัตรูที่ไล่ตามจะกล้าผ่านสนามรบนี้ และไล่ตามเขาต่อไปหรือไม่

สำหรับการอ้อมสนามรบนั้น มันเป็นไปไม่ได้เลย ป่าหินแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยหินหนาทึบโดยรอบ หากอ้อมสนามรบนั้น เฉินซีก็จะหายตัวตั้งนานแล้ว

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ไม่นานหลังจากนั้น ร่างจำนวนมากได้ปรากฏขึ้นนอกสนามรบ เป็นกลุ่มของผู้เยี่ยมยุทธ์ที่กำลังไล่ตามเฉินซี

พวกเขาสังเกตเห็นสนามรบตรงหน้าเช่นกัน ทำให้สีหน้าของคนทั้งหมดซีดเซียว ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจหนัก ๆ เพราะกลัวอย่างยิ่งว่าตนจะเผลอรบกวนการต่อสู้นี้

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตระหนักได้เป็นอย่างดี หากแทรกแซงจ้าวเมิ่งหลีและคนอื่น ๆ เพียงนิด ย่อมต้องเผชิญปัญหาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแน่นอน และอาจถึงขนาดถูกสังหารจนสิ้น

เมื่อเทียบกับศิษย์ของมหาอำนาจเช่น จ้าวเมิ่งหลี จี้เซวียนปิง และเซวียนหยวนอวิ่น พวกตนด้อยกว่ามาก เป็นเหมือนความแตกต่างระหว่างสิงโตกับหมาป่า

เมื่อเห็นฉากดังกล่าว เฉินซีก็แค่นหัวเราะเสียงเย็น “พวกมันกล้าไล่ตามข้าอย่างไม่เกรงกลัว แต่กลับไม่กล้ารบกวนจ้าวเมิ่งหลีและคนอื่น ๆ พวกมันก็ดีแต่รังแกผู้อ่อนแอกว่าเท่านั้น แต่กลับหวาดกลัวต่อผู้ที่แข็งแกร่งกว่า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]