บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1157

บทที่ 1157 บุกฝ่ากระแสคลื่น

บทที่ 1157 บุกฝ่ากระแสคลื่น

บรรยากาศที่ริมฝั่งของทะเลสาบสะท้อนดวงกมลบัดนี้ตึงเครียดและเงียบสนิท

สายตาของผู้คนจับจ้องไปที่เจิ่นลู่ จ้าวเมิ่งหลี และจี้เซวียนปิง รวมไปถึงผู้เยี่ยมยุทธ์อีกราวเจ็ดคน เพื่อที่จะคว้าโอกาสในการก้าวสู่ทะเลสาบเป็นคนแรก ๆ พวกเขาไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย

ตู้ม!

ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดนี้ ศิษย์ผู้หนึ่งไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป กระโจนร่างทะยานลงไปในทะเลสาบก่อนที่จ้าวเมิ่งหลีจะก้าวย่างขึ้นไปบนศิลาลับเต๋า

โชคไม่ดีนัก ทันทีที่เท้าของศิษย์ผู้นั้นแตะลงที่ผิวทะเลสาบ ระลอกคลื่นก็กระแทกเข้ากับร่างจนทรงตัวไม่อยู่ ไม่ทันได้ขัดขืน ร่างนั้นก็ร่วงหล่นลงไปยังแผ่นน้ำ ก่อนจะถูกพลังอันไร้รูปร่างพัดพาให้กลืนหายไป

บางคนหัวเราะเสียงเย็น “ทั้งใจร้อนและไม่ประมาณตน คนที่มีดวงจิตแห่งเต๋าเช่นนี้จะผ่านการทดสอบของทะเลสาบสะท้อนดวงกมลได้อย่างไร? ถูกกำจัดเช่นนี้ก็สมควรแล้ว”

บนแท่นบวงสรวงเต๋า ผู้อาวุโสทั้งหลายแห่งสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋ามองภาพเหล่านั้นทั้งใบหน้าเรียบเฉย พวกเขายังคงไม่พูดสิ่งใดด้วยคาดไว้แล้วว่าเหตุการณ์เช่นนี้ต้องเกิดขึ้น

อย่างไรเสีย การกระทำที่หุนหันพลันแล่นเช่นนี้ก็ปรากฏให้เห็นอยู่เป็นนิจตลอดการทดสอบทั้งสามรอบที่ผ่านมา มันกลายเป็นสิ่งที่เห็นจนชินชาไปเสียแล้ว

ตอนนั้นเอง ร่างของจ้าวเมิ่งหลีเปล่งแสงสว่างวาบ นางเป็นคนแรกที่ก้าวเท้าลงยังศิลาลับเต๋าได้สำเร็จ

ฟิ้ว!

ขณะเดียวกัน เฉินซีก็เริ่มเคลื่อนไหว ชายหนุ่มก้าวลงไปยังทะเลสาบพร้อมกันกับที่จ้าวเมิ่งหลีเหยียบลงบนศิลาลับเต๋า

มีผู้เยี่ยมยุทธ์อีกกว่าสิบคนที่เริ่มเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน ทว่าความเร็วกลับไม่อาจเทียบได้กับเฉินซี ด้วยเหตุนี้ เมื่อเห็นว่ามีคนก้าวลงไปในทะเลสาบก่อนหน้า ทั้งหมดก็ต้องส่ายหน้าเพื่อปรามตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจยาวแล้วชะงักฝีเท้าลง

เมื่อเฉินซีก้าวลงไปบนผิวทะเลสาบ ความรู้สึกแสนประหลาดก็ปรากฏขึ้นในใจ วารีวิญญาณทมิฬนั้นหาได้เหมือนกับน้ำธรรมดาทั่วไป มันเหนียวเหนอะและมีความหนาแน่นอย่างบึงโคลน ยิ่งไปกว่านั้น ยังปลดปล่อยพลังงานเยือกเย็นและบาดลึกไปถึงกระดูกออกมาทุกขณะ

ในทันทีที่ร่างสูงสง่าสัมผัสกับน้ำในทะเลสาบ ก็สัมผัสได้ถึงพลังงานประหลาดที่ก่อขึ้นภายในร่างกาย สิ่งนั้นเข้าโจมตีดวงจิตแห่งเต๋าโดยแรง ราวกับกระแสน้ำที่ไหลเอื่อยในตอนแรกเริ่ม ก่อนจะทวีความรุนแรงขึ้นจนคล้ายกับกระแสน้ำคลั่ง

สภาวะเช่นนี้ทำให้เฉินซีเผลอนึกไปว่าดวงจิตแห่งเต๋ากำลังถูกห้อมล้อมด้วยผืนสมุทร ครั้นเมื่อมันถูกโจมตีจากกระแสน้ำในทุกทิศทาง ชายหนุ่มพลันรู้สึกครั่นเนื้อตัวราวกับมีใครคนหนึ่งกำลังควักหัวใจไปบีบรัดและบดขยี้ไม่เหลือชิ้นดี

ชายหนุ่มพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ทันใดนั้น ร่างเล็ก ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนยอดดวงจิตแห่งเต๋า รูปลักษณ์นั้นเหมือนตนทุกประการ ทั้งยังสวมเสื้อผ้าสีเขียวและถือกระบี่ไว้ในมือ เพียงสิ่งนั้นตวัดกระบี่เบา ๆ หนึ่งครั้ง คลื่นการโจมตีก็ถูกบดขยี้ไปจนสิ้น

ร่างเล็กนี้คือวิญญาณดวงใจของเฉินซี มันจะควบแน่นเป็นร่างวิญญาณก็ต่อเมื่อมีพลังดวงใจในระดับที่สูงมาก สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าดวงจิตแห่งเต๋านั้นแข็งแกร่ง น่าเกรงขาม และเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณ

เมื่อเห็นร่างสูงสามารถทรงตัวในทะเลสาบได้อย่างมั่นคง ผู้คนที่อยู่ริมฝั่งน้ำก็พลันถอนหายใจ ตอนนี้พวกเขาเข้าใจได้ทันทีว่าตนพลาดโอกาสสำคัญไปเสียแล้ว และทำได้เพียงรอให้เฉินซีขึ้นไปบนศิลาลับเต๋าก่อนเท่านั้น ถึงจะสามารถก้าวลงไปในทะเลสาบโดยใช้เส้นทางนี้ได้

ไม่อย่างนั้น ผลลัพธ์ที่ตามมาคงไม่ต่างอะไรกับคนก่อนหน้าที่เพิ่งพบพานกับชะตากรรมอันน่าเศร้าไป

ทันใดนั้น สิ่งที่สร้างความประหลาดใจและงุนงงให้กับทุกคนก็บังเกิดขึ้น ขณะที่ร่างสูงใหญ่กำลังยืนอยู่ในทะเลสาบ ก็มีคนบางกลุ่มเดินตามหลังไปอย่างใกล้ชิด คล้ายตั้งใจที่จะติดตามเฉินซีลงไปในทะเลสาบ

ผู้นำของกลุ่มดังกล่าวเป็นสตรีที่อยู่ภายใต้ผ้าโปร่งสีดำ ท่าทางของนางเต็มไปด้วยความเย็นชาและเด็ดเดี่ยว แน่นอนว่านางหาใช่ใครอื่นนอกจากอินเหมียวเมี่ยว

เฉินซีตกตะลึง สังเกตได้อย่างชัดเจนว่ากลุ่มคนที่เดินตามหลังอินเหมียวเมี่ยวมานั้นล้วนแต่มองตนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชิงชัง ทว่าในบรรดาคนเหล่านั้น กลับไม่มีคนของตระกูลจั่วชิวเลยแม้แต่คนเดียว

ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะเหลือบมองกลุ่มของศิษย์ตระกูลจั่วชิวที่อยู่ด้านบนฝั่ง พวกเขาเหล่านั้นต่างก็ยืนกอดอกมองชายหนุ่มด้วยท่าทางขบขันระคนเหี้ยมเกรียม ใบหน้าเผยความพึงพอใจอันไร้ความปรานี เฉินซีเข้าใจได้ในทันทีว่าอินเหมียวเมี่ยวและคนอื่น ๆ ได้รับคำสั่งมาให้ทำทุกวิถีทางเพื่อขจัดตนออกจากการทดสอบรอบที่สาม!

ไม่มีใครคาดคิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น

ผู้คนบนฝั่งต่างก็สังเกตเห็นอย่างชัดเจนว่าการปรากฏตัวของอินเหมียวเมี่ยวและคนอื่น ๆ ในครั้งนี้ มุ่งเป้าไปที่เฉินซีโดยตรง!

ทุกคนประหลาดใจและอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ มันเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจการกระทำเช่นนี้

ทุกการกระทำของคนเหล่านั้น บัดนี้อยู่ภายในสายตาของผู้อาวุโสแห่งสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าทั้งสิ้น หรือว่าพวกนั้นจะไม่เกรงกลัวบทลงโทษ? จริงอยู่ที่การกระทำดังกล่าวไม่ถือว่าผิดกฎ แต่ชัดเจนว่ามันจะต้องสร้างความไม่พอใจให้เกิดขึ้นแก่บุคคลเหล่านั้นอย่างแน่นอน

ไม่นานนัก เมื่อพวกเขาได้เห็นใบหน้าอันแน่วแน่ของอินเหมียวเมี่ยวและคนอื่น ๆ อย่างชัดแจ้ง ทั้งหมดก็พลันกระจ่างแก่ใจว่าแท้จริงแล้วคนเหล่านี้ไม่ได้ต้องการผ่านการทดสอบ ไม่แม้จะสนใจสักนิดว่าการกระทำเช่นนี้จะส่งผลต่อการได้เข้าไปในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าหรือไม่

ช่างเป็นวิธีการเหี้ยมโหดเสียจริง!

ทั้งที่การทดสอบดำเนินมานานแล้ว แต่ตระกูลจั่วชิวก็ยังคงทุ่มสุดตัวและพร้อมสละผู้เยี่ยมยุทธ์รุ่นเยาว์บางคนเพื่อขัดขวางไม่ให้เฉินซีผ่านการทดสอบไปอย่างราบรื่น นับเป็นการเคลื่อนไหวที่บ้าดีเดือดไม่น้อย ไม่ว่าใครที่สามารถเดาเบื้องลึกเบื้องหลังของการกระทำนี้ออกก็ล้วนแล้วจะอดตกใจขึ้นมาไม่ได้

อีกฟากหนึ่ง ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายที่อยู่บนแท่นบวงสรวงเต๋าต่างขมวดคิ้วเมื่อเห็นการกระทำดังกล่าว ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปยังชายวัยกลางคนที่นั่งข้าง ๆ โจวจื่อหลี

บุรุษผู้นั้นสวมเสื้อคลุมปักลาย ผิวขาวผ่องขับให้รูปลักษณ์ที่ดูร่ำรวยประหนึ่งคหบดีโดดเด่น ครั้นเมื่อภาพของอินเหมียวเมี่ยวและเฉินซีปรากฏขึ้นสู่สายตา ชายวัยกลางคนก็ยังคงรักษาไว้ซึ่งสีหน้าสงบ ไม่เปลี่ยนแปลง คนผู้นั้นค่อย ๆ ยกจอกชาในมือขึ้นจิบด้วยท่าทางผ่อนคลายอย่างยิ่ง

คนผู้นี้คือจั่วชิวฮง รองอาจารย์ใหญ่สำนักศึกษาฝ่ายนอก มีหน้าที่ในการลงโทษและควบคุมระเบียบวินัย ด้วยเหตุนี้ เขาจึงถือได้ว่าเป็นคนที่มีอำนาจอย่างยิ่งในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เพียงแค่มีสถานะเป็นรองโจวจื่อหลีซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาฝ่ายนอกเท่านั้น

ครั้นเมื่อคนอื่น ๆ เห็นปฏิกิริยาของจั่วชิวฮง พวกเขาก็ขมวดคิ้วมุ่น หากสุดท้ายก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป

ผิดกับโจวจื่อหลีที่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]