บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1222

บทที่ 1222 ไม่อาจหนีพ้น

บทที่ 1222 ไม่อาจหนีพ้น

ภูเขาเมฆาไพศาล

เมื่อเฉินซีกลับมาที่พัก ในหัวยังครุ่นคิดถึงข่าวที่ได้มาจากอาซิ่ว

สมรภูมินอกพิภพหรือ?

ดูแล้วการสอบฝ่ายในไม่ใช่การประลองระหว่างศิษย์ แต่เป็นศึกต่อสู้กับต่างพิภพ เช่นนี้แล้วย่อมอันตรายกว่าอย่างเห็นได้ชัด ไม่แปลกที่สำนักจะส่งอาจารย์ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นสี่คนออกมานำกลุ่ม

ต่างพิภพไม่ใช่ของใหม่สำหรับเฉินซี เมื่อครั้งยังอยู่แดนภวังค์ทมิฬ เขาก็สู้กับยอดฝีมือต่างพิภพมาแล้วหลายครา รู้ดีว่าในหมู่คนต่างพิภพมีพวกฝีมือโดดเด่นอยู่มาก

ตัวอย่างเช่น จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต่างพิภพผมขาวที่เคยเห็นอยู่หลังด่านแห่งความลึกล้ำในเหวเงาทมิฬผู้นั้น กระทั่งหม้อใบจิ๋วรวมพลังกับจักรพรรดิมดยังไม่สามารถสังหารจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต่างพิภพได้เลย

ต่อมาเฉินซีพบว่าเขาชื่อจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เสวียนเฉิน ตั้งแต่เมื่อครั้งบรรพกาล จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เสวียนเฉินถูกกักขังไว้ภายในด่านแห่งความลึกล้ำในเหวเงาทมิฬมาโดยตลอด

เช่นเมื่อครั้งเฉินซีอยู่นรกขุมที่เก้า เขาก็เคยได้ยินว่ามีจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์นามชื่อเยียนอยู่ ซึ่งก็เหมือนกับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เสวียนเฉิน เขาถูกกักไว้ในนรกขุมที่เก้านับตั้งแต่บรรพกาล

อีกทั้งระหว่างเดินทางไปตระกูลไป๋ เฉินซียังถูกจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กุ้ยซูไล่ล่าเพราะคัมภีร์จักรพรรดิแห่งการควบคุมของช่างฝีมือวิญญาณอีกด้วย

ตอนนั้นหากไม่ได้ผู้นำตระกูลไป๋ ไป๋จิงเฉิน ยื่นมือเข้าช่วย พวกเขาก็คงถูกฆ่าไปแล้ว ทั้งที่ในตอนนั้นจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กุ้ยซูแค่ใช้ร่างแปลงเท่านั้น เห็นได้ชัดว่ามีพลังสูงส่งเพียงใด

ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เสวียนเฉิน จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ชื่อเยียน หรือจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กุ้ยซู ล้วนเป็นผู้ที่ทำให้เฉินซีเข้าใจความแข็งแกร่งของคนต่างพิภพดี

เขารู้ดีว่าในเมื่อต่างพิภพสามารถเผชิญหน้ากับสามภพมานานนับปีได้โดยที่ยังไม่ถูกกำจัดหายไป เช่นนั้นในหมู่พวกเขาก็คงมีกองกำลังที่แข็งแกร่งอยู่

สมรภูมินอกพิภพถูกเลือกให้เป็นสนามการสอบฝ่ายในเช่นนี้ ดูเหมือนว่ากลียุคแห่งสามภพคงใกล้เข้ามาแล้ว ไม่เพียงแต่ภพมนุษย์เท่านั้น กระทั่งภพเซียนยังถูกคุกคามโดยพวกต่างพิภพ… เฉินซีครุ่นคิดอยู่เงียบ ๆ จนได้คำตอบ ในเมื่อสำนักเปลี่ยนกฎในอดีต และจัดการสอบฝ่ายในภายในสมรภูมินอกพิภพ เช่นนั้นก็คงคิดจะอนุญาตให้เหล่าศิษย์ในสำนักได้เข้าใจถึงความแข็งแกร่งของพวกต่างพิภพผ่านการฝึกครั้งนี้ จะได้เตรียมรับมือภัยพิบัติในอนาคตได้

ทว่าเฉินซีก็ไม่ได้กังวลแต่อย่างใด เทียบกับตอนอยู่ภพมนุษย์ ตอนนี้เขาเป็นเซียนทองคำ หากไม่ใช่ตัวตนที่มีฝีมือน่าเกรงขามมากจริง ๆ เขาก็ไม่ต้องกลัวใครอีก

อีกทั้งจากที่อาซิ่วว่ามา กลุ่มศิษย์ที่เข้าร่วมการสอบฝ่ายในครั้งนี้จะมีสี่อาจารย์ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นเป็นผู้นำ พวกเขาคงไม่พาศิษย์ออกไปตรงสถานที่ที่อันตรายที่สุดของสมรภูมินอกพิภพกระมัง

เรื่องสำคัญในตอนนี้คือการทำให้ตนเองแกร่งขึ้น เหลือเวลาอีกไม่ถึงหกเดือนก็จะเริ่มการสอบฝ่ายในแล้ว ต้องฉวยโอกาสนี้กลั่นกฎเซียนทองคำให้จงได้

ขอบเขตเซียนทองคำกับขอบเขตเซียนลึกลับคือพลังบ่มเพาะที่แตกต่างกันถึงหนึ่งขั้นเต็ม ๆ เมื่อก้าวถึงพลังบ่มเพาะขอบเขตนี้ ก็จะเริ่มกลั่นกฎเซียนทองคำเป็นตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ได้

เป็นอันรู้กันว่าตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์นั้นถูกกลั่นจากกฎแห่งมหาเต๋าสองอย่างขึ้นไป และการทำเช่นนั้นได้ไม่ใช่เรื่องง่าย

อย่างแรกคือต้องบรรลุกฎแห่งมหาเต๋าสองอย่างขั้นสมบูรณ์ และนี่เป็นความต้องการขั้นต่ำที่สุด หลังจากนั้นถึงจะเริ่มกลั่นกฎแห่งมหาเต๋าทั้งสองเป็นตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ได้

ซึ่งนี่จะไม่เหมือนกับการซ้อนทับของกฎ เพราะตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์เป็นการประสานกันอย่างแท้จริงของกฎแห่งมหาเต๋าสองอย่างขึ้นไป จะไม่มีการแยกระหว่างกฎแห่งมหาเต๋าเหล่านั้นอีก

ซึ่งจะเพิ่มความยากในการกลั่นตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ขึ้นมาก ตัวอย่างเช่น กฎแห่งมหาเต๋าวารีและเพลิงเข้ากันไม่ได้ ดังนั้นจึงกลั่นให้เป็นตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ได้ยากยิ่ง

อีกทั้งยังเป็นการกลั่นเพียงสองอย่างเท่านั้น หากจะกลั่นกฎแห่งมหาเต๋าสามอย่างหรือมากกว่านั้น ความยากก็จะทบเท่าทวีคูณ

ดังนั้นในสำนักจึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเฉินซีได้รับตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุจากสวรรค์ ถึงขนาดที่ผู้อาวุโสในสำนักยังต้องให้ความสนใจ

นั่นก็เป็นเพราะตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุนี้ผสานมหาเต๋าแห่งวารี เพลิง ไม้ ทอง และดินเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ เฉินซีไม่จำเป็นต้องมาลำบากกลั่นมันอีก เหมือนโชคหล่นจากฟ้า จึงทำให้หลายคนรู้สึกชื่นชมไม่น้อย

แต่ในความคิดเฉินซีแล้ว ตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุทำให้เขาประหยัดเวลาไปได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรเขาก็ได้มหาเต๋าห้าธาตุขั้นสมบูรณ์มานานแล้ว ขาดเพียงกระบวนการกลั่นพวกมันให้เป็นตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์เท่านั้น

หากจะผสานมหาเต๋าแห่งลม สายฟ้า หยินและหยาง เป็นตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุภายในระยะเวลาอันสั้นคงจะยากเกินไป ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เหตุใดไม่ประสานลมกับสายฟ้าเข้าด้วยกัน จากนั้นผสานหยินและหยางเข้าด้วยกัน จากนั้นค่อยเอาทั้งสองมาประสานกันไปทีละขั้น เช่นนี้ก็จะสามารถใช้ในการต่อสู้หลากหลายได้…

เฉินซีรู้ดีว่า แม้ตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุจะแกร่งกล้าเพียงใด แต่มหาเต๋าทั้งหลายก็มีความล้ำลึกเป็นของตนเอง หากต้องรับมือกับศัตรูที่มีฝีมือไม่เหมือนใคร บางครั้งก็ต้องใช้กฎแห่งมหาเต๋าเฉพาะตัวเพื่อรับมือทีเดียว

ตัวอย่างเช่น เมื่อรับมือกับสิ่งชั่วร้ายหรือผีร้าย ใช้กฎแห่งมหาเต๋าแห่งสายฟ้า และหยางจะได้ผลลัพธ์ดีที่สุด

ส่วนกฎแห่งมหาเต๋าหายากอื่น ๆ เช่น ดารา นิรันดร์ การรังสรรค์ ปารามิตา การลืมเลือน และอื่น ๆ นั้น ค่อยไปกลั่นเอาภายภาคหน้าก็ยังทัน อย่างไรก็เป็นของหายากอยู่แล้ว นับว่านำมากลั่นได้ยากยิ่ง หากในระยะเวลาสั้น ๆ ก็คงไม่สามารถเพิ่มพลังต่อสู้ให้มากขึ้นได้เท่าใดนัก

โดยเฉพาะกฎแห่งมหาเต๋าปารามิตาและการลืมเลือน เฉินซียังจำได้ว่ามีกฎประเภทหนึ่งที่เป็นของต้องห้ามของสามภพ นั่นคือกฎแห่งสังสารวัฏ! กฎแห่งสังสารวัฏจะกลั่นขึ้นรูปได้ด้วยกฎแห่งมหาเต๋าปารามิตา การลืมเลือน และจุดจบ รวมกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]