บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1224

สรุปบท บทที่ 1224 ห้าเดือนต่อมา: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

สรุปเนื้อหา บทที่ 1224 ห้าเดือนต่อมา – บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones

บท บทที่ 1224 ห้าเดือนต่อมา ของ บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย novelones อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 1224 ห้าเดือนต่อมา

บทที่ 1224 ห้าเดือนต่อมา

แย่งชิง!

จั่วชิวคงนิ่งงันหลังได้ยินเช่นนั้น โดยมีร่องรอยความเฉียบคมตรงหว่างคิ้ว

เขาไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำพูดของจั่วชิวเสวี่ย ในเมื่อพ่อของตนเป็นลูกชายคนโตของตระกูลจั่วชิว แล้วเขาจะเป็นพวกแย่งชิงตำแหน่งได้อย่างไร?

“ไม่จำเป็นต้องขุ่นเคืองกับเรื่องนี้หรอก ข้าก็ไม่ได้พยายามจะพูดจาโน้มน้าวเจ้า”

จั่วชิวเสวี่ยชำเลืองมองแล้วเอ่ยอย่างสงบ “ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร มันคือความจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยนนับแต่อดีตกาลตราบจนปัจจุบัน ทุกวันนี้ข้าเองก็ตกต่ำ จึงไม่อาจพูดอะไรได้”

จั่วชิวคงเหลือบมองนางพลางใคร่ครวญพักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยคำ “ท่านอาหญิง ท่านควรรู้จักขอบคุณเสียบ้าง”

“เจ้ากำลังบอกว่าที่รอดมาได้ถึงทุกวันนี้เป็นเพราะพ่อของเจ้าผ่อนปรนข้าอย่างนั้นหรือ?”

จั่วชิวเสวี่ยยิ้มบาง สีหน้าของนางสงบขณะมองขุนเขาเขียวและหมู่เมฆขาวไกลออกไป “พ่อของเจ้าจมอยู่กับความคิดที่จะพยายามฆ่าข้ามาหลายปีแล้ว แต่น่าเสียดายที่เขาไม่กล้า รู้หรือไม่ว่าเป็นเพราะเหตุใด?”

จั่วชิวคงคิ้วขมวด เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นด้วยกับคำพูดของจั่วชิวเสวี่ย

จั่วชิวเสวี่ยมองเห็นความคิดของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว จึงเปลี่ยนเรื่องแล้วเอ่ยคำ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าตระกูลจั่วชิวมีอำนาจมากเท่าไหร่? เจ้ารู้จักผู้อาวุโสในตระกูลมากน้อยเพียงใด?”

จั่วชิวคงตกตะลึงชั่วขณะ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจั่วชิวเสวี่ยจึงถามเช่นนั้น แต่เขายังตอบกลับไป “อิทธิพลตระกูลจั่วชิวแผ่ขยายไปทั่วภพเซียน และกระจายไปตามทวีปนับพัน ส่วนผู้อาวุโสในตระกูล ข้าไม่สามารถประเมินจำนวนของพวกเขาได้”

จั่วชิวเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ “สิ่งที่เจ้าพูดมามันก็ถูก แต่สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงอำนาจผิวเผิน ดูเหมือนพ่อของเจ้าจะไม่ได้บอกภูมิหลังแท้จริงของตระกูลจั่วชิวให้ทราบ แต่มันก็เป็นเรื่องปกติ ถึงอย่างไรเจ้ายังหนุ่มยังแน่น ยิ่งรู้มากเท่าไรยิ่งนำพาหายนะมามากเท่านั้น”

หายนะหรือ?

จั่วชิวคงคิ้วขมวดแล้วเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ท่านอาหญิง ท่านอาจจะยังไม่ทราบถึงได้พูดจาเช่นนี้ ยามนี้ตระกูลจั่วชิวอยู่ภายใต้การควบคุมของพ่อข้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งนอกและใน ทำให้ยิ่งเจริญรุ่งเรือง ทุกวันนี้ก็ไม่เคยมีการกบฏ”

จั่วชิวเสวี่ยชำเลืองมองจั่วชิวคงผู้กำลังโต้เถียงกับนางพลางเอ่ยด้วยความเวทนา “กลับไปเสีย รอให้สัมผัสกับอำนาจแท้จริงของจั่วชิวเสียก่อน เจ้าก็จะเข้าใจว่าเหตุใดพ่อของเจ้าถึงไม่กล้าฆ่าข้า”

“แต่ว่า… จะเกิดอะไรขึ้นหากข้าฆ่าเจ้าโดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา?”

จั่วชิวคงมีสีหน้าราบเรียบ นับเป็นครั้งที่สองที่เขาเอ่ยคำเช่นนี้ สีหน้ายังคงจริงจัง สิ่งเดียวที่ต่างจากก่อนหน้าก็คือร่องรอยความโหดเหี้ยมที่เจืออยู่ในน้ำเสียงอย่างเห็นได้ชัด

“เช่นนั้นเจ้าก็ลองดู”

จั่วชิวเสวี่ยไม่ชายตามองอีกฝ่าย นางหยิบเข็มกระดูก และรองเท้าสีดำขึ้นมา จดจ่อกับการปักเย็บอีกครั้ง หาได้สนใจคำขู่ของจั่วชิวคงไม่

จั่วชิวคงรู้สึกเหมือนกับความพากเพียรและศักดิ์ศรีซึ่งอยู่ภายในถูกยั่วยุและเหยียบย่ำ เขาพลันลุกขึ้นแล้วจ้องมองจั่วชิวเสวี่ยด้วยสายตาเย็นชาคมปลาบประหนึ่งคมกระบี่ มือที่อยู่ในแขนเสื้อเริ่มกำแน่นขึ้น

จิตสังหารแท้จริงพลันแผ่ขยายไปในลานบ้านขนาดเล็ก ทำให้อากาศธาตุคล้ายกับถูกแช่แข็งจนหยุดนิ่ง

เห็นได้ชัดว่ามีขนอ่อนบนลำคอขาวราวหิมะของจั่วชิวเสวี่ยตั้งชัน มือเรียวที่ถือเข็มกระดูกแข็งทื่อ ทำให้ข้อนิ้วเป็นสีขาวซีดเพราะออกแรงมากเกินไป

ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบ สีหน้ากลับไม่แปรเปลี่ยน แม้แต่ร่องรอยแห่งวัยที่หางตาก็ไม่ไหวติง นางยังคงจริงจังและมีสมาธิ

“ท่านอาหญิง หากเป็นเรื่องใช้กำลัง ข้าในตอนนั้นอาจจะเทียบท่านไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นเพียงอดีต ในช่วงหนึ่งร้อยปีที่ท่านอาศัยอยู่ในคุกเนตรเซียน ท่านไม่สามารถสัมผัสกฎเกณฑ์ของมหาเต๋า ทำให้ไม่อาจดูดซับพลังเซียนแห่งสวรรค์และปฐพีได้ มีเพียงพลังดังกล่าวที่จะช่วยให้ท่านอยู่รอด หากข้าจะฆ่าท่านเสียตอนนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอันใด”

หลังจากจ้องมองจั่วชิวเสวี่ยอยู่เนิ่นนาน จั่วชิวคงพลันคลี่ยิ้มผ่อนคลายออกมา ก่อนคลายจิตสังหารแล้วหันหลังเดินจากไป

“เวลาไม่เคยปรานีใคร ขืนยังทำตัวเช่นนี้ สักวันเจ้าก็ไม่อาจขัดขืนได้ ถึงตอนนั้น เจ้าจะไปเจอหน้าลูกพี่ลูกน้องได้อย่างไร?”

จั่วชิวคงเดินมาถึงเบื้องหน้าประตูสัมฤทธิ์ ก่อนจะหยุดนิ่งแล้วพลันเอ่ยคำ “อันที่จริง ท่านไม่มีทางได้พบลูกพี่ลูกน้องหรอก เพราะครั้งนี้ เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน!”

ครืน!

เสียงเสียดทานดังกึกก้อง ประตูสัมฤทธิ์เปิดออกและปิดลงอีกครั้ง จั่วชิวคงจากไปแล้ว

จั่วชิวเสวี่ยคล้ายกับไม่สังเกตเห็นเรื่องทั้งหมดนี้ นางยังคงเย็บรองเท้าในมือ เมื่อเสร็จชิ้นแรก นางก็ลงมือทำชิ้นที่สอง ครั้งนี้ ท้องนภาถูกปกคลุมด้วยแสงอัสดงประหนึ่งโลหิต

“หากซีเอ๋อร์ตายง่ายเช่นนั้น เหตุใดเจ้าต้องมาหาข้าเล่า?”

เฉินซีไม่ทราบเรื่องทั้งหมดนี้

ในช่วงห้าเดือนที่ผ่านมา เขาทำการฝึกฝนภายในโลกแห่งดาราเพื่อกลั่นตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ ในสายตาผู้อื่นมันเป็นเพียงช่วงเวลาห้าเดือน แต่สำหรับเฉินซี มันเป็นช่วงเวลานานกว่าสองปี

แต่สิ่งที่ทำให้เฉินซีพูดไม่ออกก็คือแม้จะใช้เวลานานกว่าผู้อื่นเกือบห้าเท่า แต่เขากลับกลั่นตราศักดิ์สิทธิ์วายุและอสนีได้ราวสามสิบส่วน ส่วนตราศักดิ์สิทธิ์หยินหยาง เขายังไม่มีเวลาทำความเข้าใจ!

นี่ทำให้เฉินซีเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าการกลั่นตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์นั้นยากเพียงใด

มันคือความจริง สำหรับเซียนทองคำธรรมดา การกลั่นตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ได้สักครั้งในชีวิตก็นับว่าเก่งกาจแล้ว แต่ผู้ที่สามารถกลั่นได้สองชิ้นขึ้นไปย่อมได้รับการเรียกขานว่าปรมาจารย์

ทว่าเฉินซีกลับไม่ได้รับการสรรเสริญ แต่อย่างน้อยเขาเชี่ยวชาญระดับหนึ่งของตราศักดิ์สิทธิ์ห้วงมิติ ‘การสั่นสะเทือนห้วงมิติ’

กล่าวได้ว่าตัวตนของตราศักดิ์สิทธิ์ห้วงมิติแตกต่างจากตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ทั่วไป เพราะมันกลั่นมาจากกฎแห่งมหาเต๋า อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสามกฎเกณฑ์มหาเต๋าสูงสุดที่มีเพียงราชาเซียนเท่านั้นที่สามารถทำความเข้าใจได้ ดูท่าว่าจะเป็นเพราะคุณลักษณะนี้ที่ทำให้ไม่สามารถหลอมรวมกับกฎแห่งมหาเต๋าอื่นได้

อย่างน้อยเฉินซีก็ไม่สามารถทำขั้นตอนนั้นได้

ตราศักดิ์สิทธิ์ห้วงมิติคือสิ่งที่สวรรค์ประทานให้ โดยแก่นแท้ของมันคือกฎแห่งมหาเต๋าห้วงมิติที่สมบูรณ์ หากเข้าใจสิ่งนี้ จึงทำให้เฉินซีได้รับพลังมรดกสูงสุดที่ข้องเกี่ยวกับ ‘กระบี่แห่งมิติ’ จากยันต์เทวะอนันต์ได้

มันคือมรดกที่ลึกล้ำ และเปี่ยมด้วยพลังอันน่าสะพรึง ด้วยความสามารถในตอนนี้ เฉินซีย่อมไม่สามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ จึงทำได้เพียงแบ่งออกเป็นสองเคล็ดวิชา คือ ‘หมื่นกระแสปั่นป่วนย้อนกลับ’ กับ ‘ประกายแสงวาบไหว’

ส่วนพลังของมันแก่กล้าเพียงใด อาจจะต้องรอให้ถึงการต่อสู้ก่อนจึงจะสามารถเปิดเผยออกมาได้

ฟู่~

ในวันนี้ เฉินซีตื่นจากการทำสมาธิ ก่อนพ่นลมหายใจยาวที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นออกมา

“กว่าจะรู้ตัวก็เหลือเวลาเพียงหนึ่งวันก่อนจะถึงการทดสอบของสำนักฝ่ายในเสียแล้ว…” เฉินซีลุกขึ้นแล้วก้าวเดินออกจากโลกแห่งดาราพลางครุ่นคิด

“ข้าจะไปกับเจ้า” หม้อใบจิ๋วกล่าว

เมื่อเฉินซีเอ่ยกับหม้อใบจิ๋วว่าจะไปสมรภูมินอกพิภพในวันพรุ่งนี้เพื่อเข้าร่วมการทดสอบของสำนักฝ่ายใน มันจึงเอ่ยอย่างไม่ลังเลว่า “ข้ารู้เรื่องเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ต่างพิภพดีกว่าเจ้า”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]