บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1229

บทที่ 1229 กวาดล้างให้เกลี้ยง

บทที่ 1229 กวาดล้างให้เกลี้ยง

ฟิ้ว!

ภายใต้ผืนฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวไร้สิ้นสุด ร่างของเฉินซีกะพริบพร่างเพียงแวบหนึ่งก่อนจะเลือนหาย ในช่วงเวลาดังกล่าว เขากำลังใช้ปีกนภาดารกะควบคู่ไปกับการเคลื่อนย้ายมิติ

สิ่งนี้เป็นพลังอิทธิฤทธิ์ที่ได้รับสืบทอดมาจากปรมาจารย์แห่งเคหาบ่มเพาะ แค่การกระพือปีกเพียงครั้งเดียวก็สามารถฉุดกระชากดวงดาวนับพัน ส่งผลให้รอบ ๆ ของมันถูกโอบล้อมด้วยแสงดาวส่องประกาย ภาพของเฉินซีที่กำลังใช้ปีกนภาดารกะท่ามกลางทะเลดาวอันไร้ขอบเขตนี้ช่างคล้ายกับมัจฉาว่ายวนในสายธาร

หากมองจากระยะไกล จะเห็นว่าการเคลื่อนไหวของเฉินซีนั้นคล้ายกับแสงดาวที่ส่องประกายระยับพริบพราวในอวกาศ ทุก ๆ ครั้งที่มันกะพริบ ชายหนุ่มจะอยู่ห่างจากจุดเดิมออกไปประมาณดาวสิบดวง เรียกได้ว่าเป็นความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ

ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากเขาเคลื่อนที่บนเส้นทางระหว่างดวงดาว ดังนั้นปีกนภาดารกะจึงเปรียบเสมือนเครื่องป้องกันที่ช่วยอำพรางสายตาจากการพบเห็น

ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าปีกนภาดารกะจะมีความสามารถเช่นนี้ มันดูดซับพลังดวงดาวเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวเองได้ด้วย… ขณะที่เฉินซีกำลังเดินทาง ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าจุดลมปราณแต่ละจุดภายในร่างกายกำลังดูดซับพลังดวงดาวผ่านปีกนภาดารกะ ก่อนจะถูกแปลงสภาพให้เป็นปราณเซียนบริสุทธิ์อันทรงพลังยิ่ง

ภายใต้การส่งเสริมจากพลังดวงดาว ไม่เพียงปราณเซียนที่เพิ่งใช้ไปจนหมดจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มปราณเซียน และขัดเกลาการบ่มเพาะไปในตัว!

วิชาร่างแปลงดาราสังหารเอกภพเป็นเคล็ดวิชาที่ดึงเอาพลังดวงดาวมากระตุ้นร่างกาย ในขณะที่ปีกนภาดารกะนั้นได้รับผลในทางส่งเสริมพลัง บางทีอาจจะเป็นเรื่องปกติที่มันสามารถครอบครองความลึกล้ำเช่นนี้ได้ เพียงแต่ข้าไม่เคยสังเกตมาก่อนก็เท่านั้น… เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่สั้น ๆ เพื่อพินิจถึงเหตุผลเบื้องหลัง ผ่านไประยะหนึ่ง วิญญาณก็ได้รับการฟื้นฟู การทดสอบฝ่ายในครั้งนี้กินระยะเวลาสามเดือน หากเขาสามารถดูดซับพลังดวงดาวได้ทุกวัน บางที่อาจสามารถบรรลุสู่ระดับกายาสวรรค์ ซึ่งเป็นขั้นกลางของขอบเขตเซียนทองคำได้…

ตึง!

ทันใดนั้น เกลียวคลื่นอันรุนแรงพลันก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้าดาดาษดาราซึ่งอยู่ห่างออกไป มันเป็นเหมือนฟ้าคะนองที่พาดผ่าน และถักเกลียวเป็นระลอกคลื่น

เฉินซีหยุดการเคลื่อนไหวและความคิดลง ดวงตาที่สามเหนือหว่างคิ้วกวาดมองไปยังที่แห่งนั้น ก่อนจะสังเกตเห็นว่ามีร่างของคนอย่างน้อยสองสามคนกำลังเคลื่อนที่มาหาตนด้วยความรวดเร็ว

ไม่เพียงเท่านั้น เบื้องหลังของคนเหล่านั้นคือกองทัพจากต่างพิภพที่เนืองแน่นไปทั้งฟ้าดิน พวกเขาเผยให้เห็นถึงแรงกดดันอันกว้างใหญ่และทรงพลังมหาศาล

“เร็วเข้า! เหล่านี้คือกลุ่มของผู้เยี่ยมยุทธ์ต่างพิภพจำนวนสามพันคน ชัดเจนเลยว่าพวกเราถูกซุ่มโจมตี!”

“ให้ตายเถิด! มีผู้เยี่ยมยุทธ์ต่างพิภพขอบเขตเซียนทองคำเป็นผู้นำตั้งแปดคน เจ้าพวกนี้วางแผนกันมาแล้วสินะ!”

“อย่าเอาแต่บ่นไร้สาระ! หนีไปซะ! ให้ไวเลย!”

ทันใดนั้น กลุ่มคนดังกล่าวก็มาถึงตัวของเฉินซี

ชายหนุ่มพลันสังเกตเห็นว่าคนเหล่านี้เป็นศิษย์จากสำนักศึกษาเมฆาหมอก ในหมู่ของพวกเขาประกอบไปด้วยผู้ชายสามคน และผู้หญิงอีกสองคน ที่ไหล่ซ้ายมีสัญลักษณ์เมฆาหมอกปักไว้

“โอ้? นั่นสหายเต๋าจากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าไม่ใช่หรือ?” พวกเขาก็สังเกตเห็นเฉินซีเช่นกัน หนึ่งในนั้นอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ แน่ละ ที่พวกเขารู้ว่าอีกฝ่ายมาจากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าก็เพราะตราดาราม่วงที่ติดอยู่บนไหล่ซ้ายนั่นเอง

ทว่าพวกเขากลับหน้าถอดสีในฉับพลัน พลางเผยให้เห็นถึงรอยแห่งความประหวั่นสะท้อนอยู่ในแววตา

“สหายเต๋า ข้าขอถือวิสาสะเตือนท่านว่า ควรรีบหนีไปให้เร็วที่สุดจะดีกว่า” สตรีนางหนึ่งในขุดสีเขียวมรกตอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเนิบช้า

“ขอบคุณสหายเต๋าที่ชี้แนะ ข้าเองก็สังเกตเห็นสิ่งที่ตามหลังพวกท่านมาเช่นกัน” เฉินซีประสานมือคารวะ ศิษย์ของสำนักศึกษาเมฆาหมอกเหล่านี้หาใช่คนเลวร้ายอะไร อย่างน้อย คนเหล่านี้ก็ยอมสละเวลาหลบหนีของตนเพื่อเตือนเขา

“สหายเต๋า ท่านไม่คิดจะหนีหรือ? จริงอยู่ที่ท่านมาจากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า แต่หากถูกล้อมไปด้วยผู้เยี่ยมยุทธ์ต่างพิภพสามพันคนเพียงลำพังเช่นนี้ ก็คงไม่อาจหลีกเร้นจากภยันตรายได้” ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสีดำพูดพลางขมวดคิ้ว

“ช่างเขาเถิดศิษย์พี่ฉู่ อย่าได้โน้มน้าวเขาต่อไปเลย อย่างไรเสียเขาก็เป็นศิษย์จากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า คนเช่นนี้คงไม่ต้องการคำเตือนจากเราเท่าไรนักหรอก หากอยากสำแดงความเก่งกล้าก็เรื่องของเขา ส่วนพวกเราน่ะควรจะไปจากที่นี่โดยเร็ว” หญิงสาวรูปร่างอวบขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจนัก คล้ายตั้งใจบ่นว่าสหายของตนนั้นเป็นพวกจุ้นจ้าน

เฉินซีชะงัก ชายหนุ่มเหลือบมองหญิงสาวผู้นั้นก่อนจะละสายตาออกไป ในที่ที่ไกลออกไป บัดนี้กองทัพของผู้เยี่ยมยุทธ์ต่างพิภพขนาดมหึมาได้เคลื่อนที่เข้ามาใกล้ จนสามารถตามทันได้ในระยะเวลาอันสั้น

แรงกดดันของกองทัพนี้ยิ่งใหญ่และทรงพลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ด้านหลังของกองทัพนั้น ได้ปรากฏรัศมีแห่งพลังอันน่าสะพรึงกลัวอัดแน่นไปทั้งฟ้าดิน เป็นไปได้ว่าคนเหล่านั้นคือผู้เยี่ยมยุทธ์ต่างพิภพขอบเขตเซียนทองคำทั้งแปดที่ศิษย์ของสำนักศึกษาเมฆาหมอกเพิ่งจะกล่าวถึงไป

หลังจากตามหามานาน ในที่สุดข้าก็ได้พบกับเป้าหมาย… หลังจากจัดการกับพวกเขาสิ้นแล้ว ตัวข้าคงจะอู้ฟู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เฉินซีพึมพำกับตัวเองในใจ ดวงตาที่มืดมิดบัดนี้สุกสกาวในทันใด

“สหายเต๋า เช่นนั้นก็ขอให้ท่านโชคดี พวกเราไปกันเถอะ!” เมื่อชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าศิษย์พี่ฉู่เห็นว่าเฉินซีไม่ได้ใส่ใจกับคำเตือนนั้น เขาก็ขมวดคิ้วด้วยนึกยอมแพ้ ก่อนจะพาคนอื่น ๆ ออกไปจากตรงนั้นด้วยความรวดเร็ว

สำหรับพวกเขาแล้ว การเผชิญหน้ากับกองทัพผู้เยี่ยมยุทธ์ต่างพิภพสามพันคน โดยมีแปดคนอยู่ในขอบเขตเซียนทองคำนั้นไม่ต่างจากพาตัวเองไปตายเปล่า ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกทางอื่นนอกจากหนีเท่านั้น

ส่วนตัวเฉินซี ในเมื่อพวกเขาเตือนแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับไปเห็นถึงคุณค่าในน้ำใจนี้ ก็ไม่คิดเซ้าซี้ให้มากความ คนทั้งห้าพากันถอนหายใจยาว ให้ตายเถิด ศิษย์ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋านี่ช่างหยิ่งทระนงกันเสียจริง…

ปัง!

ยังไม่ทันที่ศิษย์พี่ฉู่และคนอื่น ๆ จะไปได้ไกลนัก ความรู้สึกของโลกที่กำลังสั่นสะเทือนไปด้วยความผันผวนอันน่าเกรงขามก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของพวกตน ไม่นาน คลื่นเสียงแห่งการต่อสู้ที่ชวนให้หวาดผวาก็กึกก้องไปทั้งท้องฟ้า

“นี่พวกเขาสู้กันจริง ๆ หรือ?” กลุ่มศิษย์สำนักศึกษาเมฆาหมอกหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำเอาพวกเขาถึงกับพูดไม่ออก

ท่ามกลางท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยดวงดาวที่ไร้ขอบเขต ร่างสูงสง่ายืนอยู่กลางอากาศ ชายผู้นั้นกวัดแกร่งกระบี่เซียนที่อยู่ในมือด้วยท่าทางสบาย ๆ ส่งผลให้ปราณกระบี่หนาแน่นทะลักออกมาประหนึ่งคลื่นยักษ์ มันกวาดกลืนแนวหน้าของกองทัพต่างพิภพให้กลายเป็นทะเลเลือด หากนับไปแล้ว คงมีผู้เยี่ยมยุทธ์ต่างพิภพหลายร้อยคนสิ้นชีพในทันที

นี่เป็นการโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]