บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1231

บทที่ 1231 ฉกเหยื่อของผู้อื่น

บทที่ 1231 ฉกเหยื่อของผู้อื่น

ฟิ่ว!

วันต่อมา เฉินซีก็หยุดเคลื่อนไหว ดาวสีฟ้าขนาดมหึมาปรากฏขึ้นในระยะสายตา

มันคือ ‘ดาวอสูร’ ซึ่งตามแผนที่ ดาวดวงนี้ตั้งอยู่ใจกลางของสมรภูมิฝันร้าย และหากใครเข้าไปลึกกว่านี้ก็จะไปถึงพื้นที่หลักของสมรภูมิฝันร้าย

“ในที่สุดข้าก็มาถึง…”

ทั่วทั้งร่างกายของเฉินซีรู้สึกผ่อนคลาย เขาบินไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ในช่วงเวลาสั้น ๆ ของวัน เขาผ่านดวงดาวเกือบพันดวง อีกทั้งยังประสบกับอันตรายนับไม่ถ้วนตลอดเส้นทาง

มีทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวถูกตัดผ่า

มีทั้งบริเวณที่มีพายุมิติกวาดไปรอบด้าน

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังถูกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวอยู่หลายครั้ง ซึ่งมาจากฝีมือของผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพ หรือสัตว์ประหลาดที่อาศัยอยู่บนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว เขาพบเจอมามากมายจนจดจำพวกมันส่วนใหญ่แทบไม่ได้

ครั้งหนึ่งเขาเกือบตกลงไปในหลุมดำขณะเคลื่อนย้ายผ่านห้วงมิติ ความหวาดกลัวแล่นพล่านจนหลั่งเหงื่อเย็น เพราะหลุมดำไม่ใช่เรื่องตลก หากผู้ใดตกลงไปในหลุมดำแล้วละก็ แม้แต่ผู้เป็นเซียนปราชญ์ก็ไร้พลังที่จะต่อต้านมัน จะถูกกลืนกินและบดขยี้เป็นผุยผงในพริบตา แม้แต่วิญญาณก็ไม่อาจหลีกหนี

“น่าเสียดายตลอดทางข้ามานี่ไม่พบผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนทองคำจากต่างพิภพเลย…”

เฉินซีตรวจสอบตราดาราม่วง และสังเกตเห็นว่าตัวเลขด้านหลังบันทึกผลการต่อสู้ยังคงเป็นเลข

‘เก้า’ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าต้องการบรรลุข้อกำหนดขั้นต่ำเพื่อผ่านการสอบของสำนักฝ่ายใน

อย่างน้อยที่สุดก็ต้องจัดการผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนทองคำจากต่างพิภพอีก 91 คน

“ข้าหวังว่าจะได้พบกับพวกเขาในดาวอสูร…” เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นพุ่งไปยังดาวอสูรที่อยู่ห่างไกล

โฮก!

ทว่าก่อนเฉินซีจะได้เข้าใกล้ดาวอสูร เสียงคำรามที่สั่นสะเทือนพสุธาก็ดังขึ้นจากในดาวดวงนั้น ร่างของสัตว์ร้ายขนาดมหึมาพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า

แขนขาของมันเหมือนเสาขนาดใหญ่ที่สามารถค้ำยันท้องฟ้า แผ่นหลังปกคลุมด้วยชุดเกราะสีเขียวเข้มที่ดูเหมือนหิน และมีส่วนหัวคล้ายเนินเขาเล็ก ๆ ซึ่งมีร่างเพรียวบางยืนอยู่บนยอดนั้นอย่างภาคภูมิ

“นี่คือเต่าเทวะเกราะดำ มันมีความแข็งแกร่งทางร่างกายที่ไร้ขีดจำกัด และเป็นสัตว์ร้ายในพิภพนภาสูญตา ร่างที่ยืนอยู่บนนั้นอาจเป็นสมาชิกของพิภพนภาสูญตา” หม้อใบจิ๋วแนะนำอย่างตั้งใจ และกล่าวว่า “จงระวังผู้เยี่ยมยุทธ์จากพิภพนภาสูญตาให้ดี พวกมันมีความชำนาญในมหาเต๋าแห่งเสียงที่มีอำนาจสังหารได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ดังนั้นเจ้าจึงต้องระมัดระวังมากขึ้น”

เฉินซีพยักหน้า เขาสัมผัสได้ถึงการจับจ้องจากผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพ เห็นได้ชัดว่าผู้เยี่ยมยุทธ์

จากต่างพิภพคนนี้ มีเป้าหมายคือตนอย่างแน่นอน ตอนแรกเขากังวลว่าจะไม่มีผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนทองคำจากต่างพิภพให้ตามล่าและสังหาร แต่ตอนนี้มีคนหนึ่งพุ่งเข้ามาหาเช่นนี้ จะให้ปล่อยผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพคนนี้ไปได้อย่างไร

คนของพิภพนภาสูญตาผู้นี้ มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา สวมเสื้อผ้าหรูหราสีทองอ่อน มีลักษณะไม่ต่างจากคนธรรมดา แต่ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือผิวของเขาถูกอาบย้อมด้วยแสงสีเงินจาง ๆ ทำให้ลักษณะท่าทางดูศักดิ์สิทธิ์และสำอางดั่งสตรี

“ที่แท้ก็เป็นสหายเต๋าจากภพทั้งสาม ข้าหลานถิงจากพิภพนภาสูญตา ข้าสงสัยว่าสหายเต๋าสนใจจะฟังท่วงทำนองของข้าหรือไม่?” ผู้เยี่ยมยุทธ์ของพิภพนภาสูญตาเป่านกหวีดเหนือเต๋าเทวะเกราะดำ คนผู้นั้นหยุดห่างจากเฉินซีราวสองลี้ครึ่ง ฝ่ามือเรียวงามพลิกขึ้น เรียกขลุ่ยไม้ไผ่ยาว 24 ชุ่นกลมเกลี้ยง โปร่งแสง และเขียวขจีขึ้นบนฝ่ามือ

ขลุ่ยไม้ไผ่นี้มีทั้งหมดเก้ารู แต่ละรูมีสีแดงเข้มและสวยงามดุจเลือด อีกทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานผันผวนอย่างน่าตกใจ

“ข้าไม่สนใจ” เฉินซีปฏิเสธทันควัน ขณะที่กล่าว ชายหนุ่มก็ชักกระบี่ตะขอดาราออกมาจนเกิด

เสียงดังเคร้ง

โฮก!

ดวงตาขนาดเท่าโคมไฟของเต๋าเทวะเกราะดำก็สว่างวาบด้วยแสงดุร้ายมัน เปล่งเสียงคำรามที่ฟังดูเหมือนเสียงฟ้าร้อง

“สหายเต๋า ไยเราถึงต้องประมือกันด้วย? ลองฟังท่วงทำนองของข้าดูสักครั้ง แล้วข้าจะหลีกทางให้กับสหายเต๋าผ่านไป ตกลงหรือไม่?” ชายหนุ่มชุดทองที่เรียกตัวเองว่าหลานถิงแย้มยิ้มอย่างอบอุ่น ก่อนจะวางขลุ่ยไม้ไผ่ไว้ที่ริมฝีปาก แล้วเสียงขลุ่ยเสนาะหูก็ดังขึ้นล่องลอยไปทั่วบริเวณโดยรอบ

เกิดเป็นฉากของฟ้าหลังฝนที่พร่ามัวแผ่ขยายอยู่ในอากาศ ดอกไม้สดร่วงหล่นโปรยปราย จากนั้นเงาร่างของหญิงสาวงดงามเปี่ยมเสน่ห์ก็ปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง บางคนดีดพิณ บางคนเป่าขลุ่ย บางคนก็ร้องเพลงเสียงใส ทั้งหมดนี้ผสมผสานเข้ากับเสียงขลุ่ยในมือของชายผู้นั้นได้อย่างไร้ที่ติ มันแผ่กลิ่นอายความสงบ แทรกซึมเข้าไปในส่วนลึกของจิตวิญญาณผู้ฟัง

หากที่นี่ไม่ใช่สมรภูมิฝันร้าย ใครก็ตามที่เห็นฉากนี้ คงจะต้องปรบมือและอุทานด้วยความชื่นชม ปล่อยใจเพลิดเพลินไปกับมันอย่างเปรมปรีดิ์ เพราะท่วงทำนองอันศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในโลกของมนุษย์

แต่ไม่ใช่เฉินซี ยามเมื่อเสียงขลุ่ยเริ่มบรรเลง หมอกควันสีเทา อุกกาบาตและเมฆก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่ท้องฟ้าก็ยังสึกกร่อนด้วยแรงที่ไร้รูปร่าง เผยให้เห็นรอยแยกและรอยร้าวมากมาย

ท่วงทำนองเคลื่อนคล้อย แต่อานุภาพของมันกลับน่าตกตะลึงจนถึงขีดสุด!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]