บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1234

บทที่ 1234 น้ำเต้าฟ้าดิน

บทที่ 1234 น้ำเต้าฟ้าดิน

แม้ว่าศิษย์จากหกสำนักศึกษาอื่นพยายามคงสีหน้าราบเรียบเอาไว้ แต่ที่หว่างคิ้วยังคงเผยร่องรอยความพึงพอใจ ให้จี้เซวียนปิง จ้าวเมิ่งหลี และคนอื่น ๆ เห็นได้

ทำให้ทุกคนมุ่นคิ้ว เหลือบมองพวกจั่วชิวจวินด้วยความไม่พอใจ

เท่าที่พวกเขารู้ ในฐานะสำนักศึกษาอันดับหนึ่งของภพเซียน แม้ระหว่างศิษย์จะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่เมื่อออกไปโลกภายนอก ถึงจะร่วมมือกันไม่ได้ แต่ก็ควรช่วยกันรักษาชื่อเสียงของสำนักเอาไว้

ทว่าการกระทำของพวกจั่วชิวจวินตอนนี้ถือว่าไม่ถูกเวลาไปสักหน่อย

พวกจั่วชิวจวินยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ สายตาจ้องมองเฉินซีเป็นตาเดียว สีหน้าเคร่งขรึม ไม่ได้ปกปิดแววความเกลียดชังแม้แต่น้อย

ภาพเมื่อครู่ยังคงเด่นชัด ดังนั้นเมื่อเห็นเฉินซีจึงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง หากไม่ใช่เพราะกฎที่ไม่ให้เหล่าศิษย์ต่อสู้กันเอง พวกเขาก็คงโจมตีเฉินซีอย่างไร้ความลังเลไปแล้ว

จี้เซวียนปิงและคนอื่น ๆ เห็นภาพนั้นแล้วยังคงนึกสงสัยอยู่เล็กน้อย เฉินซีไปทำอะไรไว้ถึงได้ทำให้พวกจั่วชิวจวินโกรธแค้นได้ถึงขนาดนี้?

แต่ถึงในใจจะสงสัยเพียงใด จี้เซวียนปิงก็ยังอยู่ข้างเฉินซี เอ่ยผ่านกระแสปราณด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เฉินซี โปรดให้อภัยสักครั้ง ออกสำรวจสุสานครั้งนี้เราต้องร่วมมือกัน หากเป็นในเวลาปกติ ข้าก็คงเลือกยืนข้างเจ้าแม้ต้องสู้กับจั่วชิวจวินก็ตาม”

เฉินซีรู้ดีว่าจี้เซวียนปิงหวังดี ในหมู่ศิษย์จากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า มีเพียงจี้เซวียนปิง จ้าวเมิ่งหลี เจิ่นลู่ และตัวเขาเท่านั้นที่เป็นศิษย์ใหม่ ย่อมต้องพึ่งพากำลังของพวกศิษย์อาวุโสเหล่านี้

มีแต่ทำเช่นนั้นจึงจะสามารถต่อกรกับศิษย์จากอีกหกสำนักศึกษาได้ สถานการณ์ตรงหน้าก็เด่นชัดแล้ว เพื่อให้ได้มาซึ่งสมบัติภายในสุสาน ศิษย์จากอีกหกสำนักศึกษาจึงเฝ้าสังเกตพวกตน ศิษย์จากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าเป็นศัตรูคู่อาฆาต พวกเขาจึงอาจร่วมมือกันตั้งแต่แรกแล้ว

เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากสุสานสูงสุด ศิษย์จากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋ามีแต่จะต้องร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว

ทว่าก็ไม่ได้หมายความว่าเฉินซีจะยอมรับข้อตกลงแต่โดยดี

เนื่องจากเขามาถึงที่นี่ได้ก็เพราะการนำทางของหม้อใบจิ๋ว ไม่ได้มีใครเชื้อเชิญมาทั้งสิ้น หรือก็คือหากไม่บังเอิญมาถึงที่นี่แล้ว จี้เซวียนปิงและคนอื่น ๆ ก็คงลงมือโดยไม่มีตน

เฉินซีรู้ความจริงทั้งหมดนี้ดี

แต่แน่นอนว่าเขาก็ยังมองจี้เซวียนปิงในแง่ดีอยู่ เพราะทายาทสายตรงจากตระกูลบรรพกาลอย่างจี้เซวียนปิง หาได้ยากที่จะมีลักษณะนิสัยเช่นนี้

“หึ! อะไรกัน? พวกเจ้าคิดจะร่วมมือกับเด็กนี่อย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นพวกเราก็ไม่เอาด้วยหรอก” เมื่อเห็นว่าจี้เซวียนปิงเอ่ยคำกับเฉินซีผ่านกระแสปราณ จั่วชิวจวินก็ส่งเสียงหึแล้วโพล่งขึ้นมาทันใด

“หมายความว่าอย่างไร?” ทุกคนต่างต้องประหลาดใจ เมื่อคนแรกที่ตำหนิจั่วชิวจวินกลับเป็นจ้าวเมิ่งหลี นางเลิกคิ้วขึ้นสูง ใบหน้างดงามสูงส่งเผยแววเยือกเย็น “ในเวลาเช่นนี้ เจ้ายังไม่รู้จักกาลเทศะอีกหรือ? นี่น่ะหรือคนตระกูลจั่วชิว?”

เป็นคำกล่าวที่ตรงไปตรงมายิ่ง ทำให้จั่วชิวจวินและคนอื่น ๆ หน้าคว่ำทันที

“เอาล่ะ ทุกคนหยุดก่อน พวกเจ้าอยากให้คนอื่นหัวเราะเยาะสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าของเราหรือ?” จี้เซวียนปิงมุ่นคิ้ว แผ่บรรยากาศสูงส่งออกมา ท่าทีคล้ายจักรพรรดิผู้มีอำนาจดุดันเหนือผู้อื่น

ทุกคนรู้สึกสั่นสะท้าน เพราะสัมผัสได้ว่าจี้เซวียนปิงโกรธจริง ๆ แล้ว แต่ทุกคำที่กล่าวออกมาก็เน้นให้เห็นว่าคนส่วนมากที่นี่คิดเห็นอย่างไร จึงไม่มีใครขัดคำ

แม้แต่จั่วชิวจวินยังทำแค่หัวเราะเสียงเย็นแล้วไม่พูดอะไรอีก

ศิษย์จากหกสำนักศึกษาอื่นเห็นดังนั้นก็รู้สึกผิดหวังอยู่เล็กน้อย พร้อมกันนั้นก็เกิดความรู้สึกระแวดระวังจี้เซวียนปิง เพราะทายาทตระกูลโบราณผู้นี้ไม่ใช่เพียงมีวิชาเก่งกล้า แต่คำพูดและการกระทำยังส่งผลต่อความคิดและความสนใจของผู้คน ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถทำได้

“ขออภัยด้วย พี่จี้กับแม่นางจ้าว ครั้งนี้ข้าคิดจะลงมือเพียงลำพัง” เฉินซีที่เงียบมาตั้งแต่ต้นพลันเงยหน้าขึ้น จากนั้นเหลือบมองจั่วชิวจวินและคนอื่น ๆ ก่อนจะลากสายตามายังจี้เซวียนปิงกับจ้าวเมิ่งหลี

ทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปทันที ไม่คิดว่าเฉินซีจะเอ่ยปฏิเสธในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะนี่คือสุสานราชันเซียน ความลับภายในนั้นลึกล้ำเกินหยั่ง อันตรายมากมายมิอาจรู้ได้ หรือจะคิดว่าอยู่คนเดียวแล้วจะรอดพ้นมาได้?

เมื่อเห็นว่าจี้เซวียนปิงกับจ้าวเมิ่งหลียังคิดเอ่ยคำ เฉินซีจึงรีบยิ้มเอ่ยก่อนพวกเขา “ไม่จำเป็นต้องโน้มน้าวใจข้าแล้ว ข้าไม่ได้กระทำการโดยขาดการไตร่ตรอง”

จี้เซวียนปิงขมวดคิ้ว แต่ก็รู้ว่าคงโน้มน้าวใจเฉินซีไม่ได้หากอีกฝ่ายตัดสินใจแล้ว จึงได้แต่ไหวไหล่อย่างช่วยไม่ได้แล้วถอนหายใจ

“เจ้าต้องคอยระวังศิษย์สำนักศึกษานภาไพศาล สำนักศึกษาระทมสันต์ และสำนักศึกษามหาเดียวดายไว้ให้ดี เมื่อหลายปีก่อนตอนที่ผู้อาวุโสอวิ๋นฝูเซิงยังเป็นศิษย์อยู่ฝ่ายใน คนผู้นั้นเคยไปที่สำนักพวกเขาอยู่ครั้งหนึ่ง เอาชนะตัวตนที่มีพลังบ่มเพาะเทียบเท่ากันได้ทั้งหมด ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรผู้อาวุโสอวิ๋นฝูเซิงได้ ด้วยเหตุนี้ชื่อเสียงของเขาจึงดังกระฉ่อนไปทั่วภพเซียน”

แม้ว่าจี้เซวียนปิงจะไม่ได้เอ่ยตามตรง แต่ก็ยังบอกเฉินซีเกี่ยวกับความลับบางอย่างผ่านกระแสปราณ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]