บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1242

สรุปบท บทที่ 1242 วังนพเก้าหม้อกลั่นของจักรพรรดิอวี่: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

ตอน บทที่ 1242 วังนพเก้าหม้อกลั่นของจักรพรรดิอวี่ จาก บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1242 วังนพเก้าหม้อกลั่นของจักรพรรดิอวี่ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ที่เขียนโดย novelones เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 1242 วังนพเก้าหม้อกลั่นของจักรพรรดิอวี่

บทที่ 1242 วังนพเก้าหม้อกลั่นของจักรพรรดิอวี่

ที่ปลายสะพานเป็นทะเลสาบ

ทะเลสาบกว้างใหญ่และกินบริเวณหลายพันลี้ มันแทบไม่ต่างกับมหาสมุทรกว้างใหญ่หากมองจากระยะไกล

ทว่าทะเลสาบนี้ไม่ได้เต็มไปด้วยน้ำเหมือนกับโลกภายนอก แต่กลับเต็มไปด้วยกาลอวกาศ!

พลังดังกล่าวกลายเป็นเกลียวคลื่น ระลอกคลื่นและกระแสน้ำที่พลุ่งพล่านในทะเลสาบ มันดูหมองหม่นคล้ายกับสงบนิ่ง แต่มีกลิ่นอายน่าสะพรึงจนทำให้หัวใจแทบหยุดเต้น

สิ่งที่เรียกว่ากาลอวกาศเป็นคำทั่วไปสำหรับพลังแห่งมิติและเวลา เวลาคือความสูงศักดิ์ มิติคือราชัน ไม่มีความแตกต่างระหว่างทั้งสอง ทั้งสองสามารถสอดประสานกันได้อย่างลงตัว

วัฏจักรของทุกสรรพสิ่งในโลก การเปลี่ยนผันของเวลา สถานที่ที่ทุกชีวิตอยู่อาศัยล้วนเต็มไปด้วยความลึกล้ำสูงสุดของมิติและเวลา

หากไม่มีเวลาก็จะไม่มีความเจริญ อายุและการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์

หากไม่มีมิติ ทั้งขุนเขาธารา รวมถึงตะวันจันทราก็จะไม่คงอยู่ ทำให้โลกไร้ซึ่งตัวตน

หมายความว่ามันคือสองกฎเกณฑ์สูงสุด ซึ่งเป็นระเบียบสูงสุดแห่งเต๋าสวรรค์ที่คอยรักษาการทำงานของทั้งสามภพ โดยพลังสูงสุดที่มีเพียงขอบเขตราชันเซียนเท่านั้นที่สามารถทำความเข้าใจและควบคุมได้

ฟิ่ว! ฟิ่ว!

ความผันผวนห้วงมิติระเบิดออกพพร้อมกับร่างหลายร่างเคลื่อนย้ายเข้ามา ก่อนจะยืนอยู่หน้าทะเลสาบกาลอวกาศ

ร่างเหล่านี้ย่อมเป็นศิษย์จากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า สำนักศึกษาระทมสันต์ สำนักศึกษามหาเดียวดาย และสำนักศึกษาเต๋าเร้นลับ พวกเขาไล่ตามเฉินซีมาตลอดทางจากสะพานสู่ห้วงลึก แต่สุดท้ายก็ยังช้าเกินไป พวกเขาทำได้เพียงมองเฉินซีพุ่งเข้าสู่ส่วนลึกของทะเลสาบกาลอวกาศ

“หมอนั่นไม่อยากมีชีวิตหรืออย่างไรถึงได้ข้ามทะเลสาบกาลอวกาศ!”

ใครบางคนมองเห็นร่างของเฉินซีวูบไหวอยู่เหนือทะเลสาบไกลออกไปจนอดไม่ได้ที่จะสบถด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก

คนอื่นก็ประหลาดใจเช่นกัน

พวกเขาเคยสำรวจที่นี่มาก่อน จึงทราบว่าทะเลสาบแห่งนี้น่าสะพรึงยิ่ง อย่าว่าแต่ก้าวข้ามเลย แค่เข้าใกล้เพียงเล็กน้อยก็ถูกพลังของกระแสกาลอวกาศเข้ารุกล้ำแล้ว

ผลลัพธ์ที่ตามมาคืออายุขัยจะสูญสลายก่อนกลายเป็นเถ้ากระดูก หรือไม่ก็ตกอยู่ในมิติที่ซ้อนทับกันจนหลงทาง ไม่อาจออกมาได้อีกตลอดกาล

ต่อให้แต่ละคนถือขุมทรัพย์อมตะบรรพกาล ก็ยังไม่กล้าก้าวข้ามธรณีประตูแห่งนี้

แต่บัดนี้ เฉินซีถึงกับเหินทะยานผ่านทะเลสาบกาลอวกาศโดยไม่ลังเล ก่อนจะหายไปในพริบตา!

เขา… ไม่กลัวตายหรือ?

ทุกคนไม่อาจเข้าใจได้ พอคิดว่าทำได้แค่ดูอีกฝ่ายจากไป ในใจของพวกเขาก็ไร้ที่ระบายความขุ่นเคือง

อ๋าวจ้านเป่ยและพวกจั่วชิวจวินต่างโกรธแค้นเพราะสมบัติล้ำค่ามากที่สุดของสำนักอย่างแผนภาพหยินหยางโกลาหลได้ถูกพรากไป พวกเขาไม่สนความเป็นความตายของเฉินซีแม้แต่น้อย ห่วงแค่ว่าหากเฉินซีตายในทะเลสาบกาลอวกาศ แล้วจะเอาแผนภาพหยินหยางโกลาหลกลับคืนมาได้อย่างไร

ส่วนศิษย์สำนักอื่นต่างไม่พอใจที่สหายถูกฆ่า พวกเขาไม่มีทางสบายใจหากไม่ได้เห็นจุดจบของเฉินซีด้วยตาของตัวเอง

“จะทำอย่างไรต่อดี?”

ทันใดนั้น จั่วชิวจวินคิ้วขมวดแล้วเอ่ยคำขณะมองศิษย์สำนักอื่น เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่ามีร่องรอยของจิตสังหารในดวงตาที่จ้องมองมา

สิ้นคำดังกล่าว พวกเขาก็ดึงดูดความสนใจของอ๋าวจ้านเป่ยและศิษย์ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า สีหน้าของอีกฝ่ายหมองหม่นก่อนจะเบือนหน้าหนี

“ทำอย่างไรหรือ? พวกเจ้าศิษย์สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าฆ่าสหายของพวกข้า ความแค้นนี้ต้องได้รับการสะสาง!”

เสวี่ยเหลียนฉยงจากสำนักศึกษาระทมสันต์เอ่ยลอดไรฟัน

“ด้วยพวกเจ้าเพียงหยิบมือนี่น่ะหรือ?”

จั่วชิวจวินเอ่ยอย่างจริงจัง ความคลุ้มคลั่งพวยพุ่งอยู่ภายใน เขาไม่คาดคิดว่าจะมีผู้ใดกล้าเรียกร้องความสนใจในยามนี้

“หากเป็นเมื่อก่อน พวกข้าคงไม่กล้าลงมือกับเจ้า แต่น่าเสียดาย เจ้าเสียแผนภาพหยินหยางโกลาหลไปแล้ว แล้วจะต่อกรกับพวกข้าได้อย่างไร?”

เสวี่ยเหลียนฉยงเย้ยหยัน

ศิษย์ของสำนักศึกษามหาเดียวดายและสำนักศึกษาเต๋าเร้นลับยิ้มหยันแล้วไม่เอ่ยอันใด เห็นได้ชัดว่าพวกเขาลอบทำข้อตกลงเพื่อจัดการกับพวกจั่วชิวจวินเรียบร้อยแล้ว

“หากพวกข้ากับศิษย์น้องเฉินซีร่วมมือกันบนสะพานสู่ห้วงลึก พวกเจ้าคิดหรือว่าจะมีโอกาสรอดจนมาถึงตอนนี้?”

อ๋าวจ้านเป่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก สีหน้าเคร่งขรึมและเฉยชา

ทันทีที่เรื่องนี้ถูกหยิบยกขึ้นมา ศิษย์จากสำนักศึกษาอื่น ๆ ต่างระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น

“ฮ่า ฮ่า หน้าไม่อาย เห็นได้ชัดว่าเจ้าอยากยืมมือคนอื่นเพื่อฆ่าพวกข้า แต่ยังมีหน้ามาพูดอย่างชอบธรรม หากเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายไปทั่วสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เจ้ายังจะมีหน้าไปพบผู้อื่นได้อีกหรือ?”

“เจ้ามันหน้าไม่อายไม่พอ ยังจะคิดทำลายชื่อเสียงของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าอีก!”

เมื่อได้ยินความเห็นเหล่านี้ สีหน้าของพวกอ๋าวจ้านเป่ยมืดมนอีกครั้ง หลายคนส่งสายตาขุ่นเคืองไปทางจั่วชิวจวินราวกับกำลังกล่าวโทษที่เขาทำตัวเสียมารยาทก่อนหน้า แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้ถูกเย้ยหยัน

จั่วชิวจวินเดือดดาลยิ่ง เขาไม่คิดว่าเฉินซีจะรอดและสถานการณ์จะกลับมาลงเอยเช่นนี้

“เหอะ เหอะ พวกเจ้าคิดหรือว่าจะสามารถฆ่าข้าได้ง่าย ๆ?”

จั่วชิวจวินพลันคลี่ยิ้มเย็นชาแล้วเอ่ยอย่างเหยียดหยัน “ในบรรดาพวกเจ้า ศิษย์สำนักศึกษาระทมสันต์ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีของเฉินซี เหลือเพียงศิษย์สำนักศึกษาเต๋าเร้นลับกับสำนักศึกษามหาเดียวดายที่ยังสามารถต่อสู้ได้ เฉินซีสามารถบดขยี้พวกเจ้าได้โดยไม่ต้องพึ่งสมบัติอมตะ แล้วคิดหรือว่าพวกข้าที่เสียแผนภาพหยินหยางโกลาหลไปจะทำไม่ได้?”

เสียงอุทานพลันดังมาแต่ไกล จากนั้นร่างหลายร่างเคลื่อนมาจากทุกทิศของทะเลสาบกาลอวกาศ ในบรรดาพวกเขามีจี้เซวียนปิง จ้าวเมิ่งหลีและพวกเจิ่นลู่

แน่นอนว่ายังมีศิษย์ของสำนักศึกษานภาไพศาลและสำนักศึกษาเมฆาหมอกด้วย

หากนับพวกจั่วชิวจวินเข้าไป กล่าวได้ว่าศิษย์ทั้งหมดที่เข้าสุสานราชันเซียนต่างอยู่ที่นี่ แน่นอนว่าไม่นับคนที่ตาย

“ไปกันเถอะ!”

“เร็ว! ไปกัน! ก่อนที่จะสายเกินไป!”

เมื่อเห็นผู้คนมาแต่ไกล ไม่ว่าจะเป็นพวกจั่วชิวจวินหรือศิษย์จากสำนักศึกษาระทมสันต์ สำนักศึกษามหาเดียวดาย และสำนักศึกษาเต๋าเร้นลับ ต่างมีสีหน้าดูแคลน ไม่รอช้า พวกเขามุ่งหน้าสู่วังทั้งเก้าซึ่งอยู่ใจกลางทะเลสาบทันที

ในยามนี้ บรรยากาศอันน่าสะพรึงที่แผ่ซ่านไปทั่วทะเลสาบกาลอวกาศได้หายเข้าไปท่ามกลางรูปลักษณ์ของวังทั้งเก้าแล้ว พวกเขาจึงไม่หวาดกลัวอีกต่อไป

ทันใดนั้น ร่างจำนวนมากมุ่งเข้าสู่วังแต่ละแห่งที่อยู่เหนือทะเลสาบกาลอวกาศ ซึ่งเป็นเรื่องปกติเพราะมีวังทั้งสิ้นเก้าแห่ง ใครบ้างจะไม่ลงมือพร้อมกัน?

ทว่าก็ยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าศิษย์ของเจ็ดสำนักใหญ่แบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม ก่อนจะเข้าสู่วังทั้งเจ็ดแห่ง

ซึ่งศิษย์ที่มีพลังต่อสู้แข็งแกร่งและลงมือเพียงลำพัง เลือกที่จะเข้าในวังอีกสองแห่งที่เหลือนั้น

น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ทราบว่าพวกตนช้าไปหนึ่งก้าวแล้ว

ภายในห้องโถงขนาดใหญ่เงียบสงัดยิ่ง มีเพียงเสียงฝีเท้าของเฉินซีที่ดังก้อง เนื่องจากไม่มีใครเข้ามาที่นี่นานแล้ว ทำให้ตอนนี้ไม่ต่างจากการยืนอยู่ในโลกรกร้างเพียงลำพัง

หม้อใบจิ๋วหายไปหลังจากพาเฉินซีมาที่นี่ เขาไม่สามารถตามหามันได้ จึงทำได้เพียงหาหนทางด้วยตัวเอง

เขาเดินไปตามทางขณะตรวจสอบอย่างละเอียด สิ่งที่พบเห็นตามทาง ไม่ว่าจะบนกำแพง เสาหรือพื้นต่างก็เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งกาลเวลาอันยาวนาน ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความโดดเดี่ยว

ทันใดนั้น ตะเกียงสีเขียวประหนึ่งเมล็ดถั่วก็ปรากฏตรงหน้าขณะส่องแสงสลัวไปรอบ ๆ

“อะไรน่ะ?”

เฉินซีประหลาดใจ กาลเวลาผันผ่านมาช้านาน แต่ตะเกียงนี้ยังคงแผดเผา ช่างเป็นเรื่องที่วิเศษยิ่ง

ชายหนุ่มก้าวมาข้างหน้าก่อนจะพบว่ามันคือแท่นบูชาทรงกลมโบราณที่มีเบาะกับตะเกียงตั้งอยู่ ส่วนที่เหลือเต็มไปด้วยกองฝุ่นธุลี เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครมาที่นี่นานแล้ว

“หรือว่าผู้เยี่ยมยุทธ์โบราณจะทำการบ่มเพาะที่นี่?”

เฉินซีประหลาดใจขณะใช้เนตรเทวะแห่งความจริงเพื่อจ้องมองตะเกียงตรงหน้า

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]