บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1243

บทที่ 1243 วาสนา

บทที่ 1243 วาสนา

ดวงตาแนวตั้งที่หว่างคิ้วของเฉินซีกะพริบ และมันเปล่งแสงสีดำสนิทออกมา ขณะเพ่งไปที่ตะเกียง

ในชั่วพริบตา ตะเกียงที่ส่องแสงสลัว ก็เปล่งแสงไฟพร่างพราวอย่างยิ่ง และได้ปลดปล่อยพลังอันน่าสยดสยองที่กดดันเฉินซีจนรู้สึกหายใจไม่ออก

ชายหนุ่มหลับตาลง

หลังจากนั้น ภาพเบื้องหน้าพลันหายไป ตะเกียงยังคงเป็นตะเกียงดวงเดิม แสงที่เปล่งออกมายังคงสลัว แต่ในใจของเฉินซีได้ถือว่าตะเกียงนี้เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์

เขาไม่กล้าตรวจสอบด้วยเนตรเทวะแห่งความจริงอีกครั้ง และด้วยวิธีนี้ เหตุุการณ์ก่อนหน้านี้จะไม่ปรากฏขึ้นอีก

ชั้นของน้ำมันสีทองเข้มวางอยู่ภายในตะเกียง และมันก็เหมือนกับทะเลสาบที่มืดสลัว แต่กลับแฝงด้วยกลิ่นอายแห่งความศักดิ์สิทธิ์ที่น่าเกรงขาม หลังจากกาลเวลาผ่านเนิ่นนาน กลิ่นอายของมันกลับไม่เสื่อมคลายแม้แต่น้อย

“ข้าสงสัยว่าน้ำมันของตะเกียงนี้ทำมาจากอะไร ไยมันถึงแผ่กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ออกมาได้?” เฉินซีเม้มริมฝีปาก ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยกตะเกียงขึ้นวางบนฝ่ามืออย่างระมัดระวัง แล้วสัมผัสมันอย่างแผ่วเบา ตะเกียงนี้มีน้ำหนักพอสมควร มันให้ความรู้สึกเรียบ ๆ และเย็นเฉียบดุจน้ำแข็ง ดูเหมือนว่ามันทำจากหยกและโลหะ แต่ไม่สามารถค้นพบความลับใด ๆ จากมันได้

“สมบัตินี้อาจถูกทิ้งไว้โดยเจ้าของสุสานแห่งนี้ ข้าจะเก็บเอาไว้ก่อน มันอาจมีประโยชน์ในภายภาคหน้า…” เฉินซีวางตะเกียงลง ก่อนที่เขาจะจ้องมองไปที่เบาะนั่ง

เมื่อเทียบกับตะเกียงแล้ว เบาะนี้ดูธรรมดากว่ามาก แต่เมื่อเฉินซีตั้งใจจะหยิบมันขึ้นมา เขากลับไม่สามารถขยับมันได้สักนิด ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหนแล้วก็ตาม!

“โอ้! ด้วยพละกำลังในปัจจุบันของข้า การเคลื่อนภูเขาย้ายสมุทรนั้นไม่เป็นปัญหาใด ๆ แต่ข้ากลับไม่สามารถขยับเบาะเล็ก ๆ นี้ได้ หรือว่ามันจะเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน?” เฉินซีพยายามทุกวิถีทาง แต่ก็ไม่สามารถขยับเบาะนี้ได้ ชายหนุ่มจึงทั้งประหลาดใจและงุนงง

“กินปลาหยินหยาง แล้วโคจรพลังบ่มเพาะซะ” ทันใดนั้น เสียงของหม้อใบจิ๋วก็ดังขึ้นในหูของเฉินซี แต่เมื่อมองไปรอบ ๆ กลับไม่เห็นหม้อใบจิ๋วแม้แต่เงา

ชายหนุ่มเหม่อมองอย่างว่างเปล่าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะการที่หม้อใบจิ๋วยังกล่าวได้ อย่างน้อยก็พิสูจน์ว่ามันยังมีชีวิตอยู่ และนั่นก็เกินพอแล้ว

เฉินซีทำตามคำแนะนำของหม้อใบจิ๋ว เขาหยิบปลาหยินหยางทั้งสิบเก้าตัวออกมา ก่อนที่จะนั่งลงบนพื้นหน้าแท่น จากนั้นจุดไฟและเริ่ม… ย่างปลา

จิตสำนึกของปลาหยินหยางเหล่านี้ถูกกำจัดออกจนหมดสิ้น พวกมันจึงยังมีสีแดงสด หางของพวกมันปกคลุมด้วยเกล็ดที่งดงามราวกับภาพลวงตา เมื่อมันอยู่ในมือ กลิ่นอายแห่งความศักดิ์สิทธิ์ก็จู่โจมใบหน้าอย่างจัง

อู้วว!

ชิงชิงถูกปล่อยออกมาเช่นกัน มันนั่งยอง ๆ น้ำลายไหลอยู่ข้างกองไฟ พลางมองดูเฉินซีย่างปลาหยินหยางอย่างกระหาย และดูเหมือนมันจะไม่สามารถต้านทานอาหารอันโอชะที่สุดยอดเช่นนี้ได้

หลังจากนั้นไม่นาน กลิ่นหอมเย้ายวนใจก็ลอยฟุ้ง ราวกับกำลังบุกทะลวงเข้าไปในส่วนลึกของกระดูก และกระชากเอาความอยากอาหารทั้งหมดออกมา เผยให้เห็นสิ่งล่อใจที่ไม่อาจต้านทานได้

ชิงชิงกระสับกระส่ายและถูหัวนุ่มฟูของมันกับเฉินซีไม่หยุดหย่อน เหมือนคนตะกละที่หิวโหย

ในขณะเดียวกัน แม้แต่เฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายที่ท่วมปาก กลิ่นของปลาหยินหยางเหล่านี้ดึงดูดใจมากเกินไป และมันทำให้ดวงจิตแห่งเต๋าสั่นคลอนจนยากที่จะปฏิเสธ ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับสถานการณ์เช่นนี้

ราวหนึ่งถ้วยชาผ่านไป เมื่อชิงชิงกระวนกระวายจนน้ำตาแทบไหล ในที่สุดเฉินซีก็หยิบปลาหยินหยางออกมาจากกองไฟ ทว่าก่อนที่เขาจะได้ลองลิ้มชิมรสมัน ชิงชิงก็กระโจนเข้ามาและกลืนมันเข้าไปทั้งตัว

ง่ำ! ง่ำ!

ชิงชิงร้องเสียงหลง ปากของมันเปล่งประกายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ที่น่าตกตะลึง ซึ่งมีอยู่ในปลาหยินหยาง มันทั้งหนาแน่นและบริสุทธิ์กว่าสมุนไพรอมตะชั้นเลิศอย่างไม่มีสิ่งใดเทียบได้

พรู่ด!

ไม่นานหลังจากนั้น ชิงชิงอ้าปากและพ่นก้างปลาออกมา ก้างปลาครึ่งหนึ่งเป็นสีดำเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืน ส่วนอีกครึ่งเป็นสีขาวเหมือนกลางวัน มันถูกประทับด้วยสายใยของเต๋าลึกลับที่งดงามราวภาพฝัน

เฉินซีรีบหยิบมันขึ้นมา และพินิจมันอย่างระมัดระวังอยู่ครู่หนึ่ง แน่นอน เขาสามารถสัมผัสได้ว่า สายใยของอักขระเต๋าที่ประทับอยู่บนก้างปลานั้น มีกลิ่นอายของมหาเต๋าแห่งหยินหยาง อีกทั้งยังมีร่องรอยของกลิ่นอายแห่งความมืดและแสงสว่างที่แผ่วเบาและไม่อาจมองได้ด้วยตาเปล่า!

“ผู้อาวุโสกล่าวถูกต้องจริง ๆ ปลาหยินหยางเหล่านี้เป็นสัตว์ร้ายในยุคบรรพกาลอย่างแท้จริง และเป็นสมบัติล้ำค่าที่หายากอย่างยิ่ง เพราะเพียงก้างปลานี้ก็เทียบได้กับสมบัติล้ำค่าที่หายาก…” เฉินซีอุทานด้วยความตกตะลึงในใจ ชายหนุ่มวางก้างปลาอย่างระมัดระวัง เพราะแม้ว่าเขาจะไม่สามารถเข้าใจมหาเต๋าแห่งความมืดและแสงสว่างจากมันได้ แต่ยังสามารถใช้มันเป็นวัตถุดิบเซียนที่มีค่าได้

อ๊าวู๊! อ๊าวู๊!

ดวงตาของชิงชิงหรี่ลง คล้ายมีความสุขเป็นหนักหนา แล้วจ้องมองเฉินซีด้วยท่าทางน่าสงสารและหิวโหย พลางร้องขออย่างไม่มีที่สิ้นสุด

“เจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่เทียบได้กับสัตว์เทวะ ไยตอนนี้เจ้าถึงดูเหมือนแมวถึงเพียงนี้?” เฉินซีตบหัวชิงชิง

เจ้าตัวเล็กนั้นแสนรู้ และมันก็ส่งเสียง ‘เหมียว’ ออกมา ก่อนที่จะงับปลาหยินหยางด้วยปากของมันแล้วหนีไป คล้ายกำลังกล่าวว่า ‘ก็ข้าเป็นแมว แล้วจะทำไมเล่า’

เฉินซีระเบิดเสียงหัวเราะและส่ายหน้า

ชายหนุ่มหยิบปลาหยินหยางขึ้นมาตัวหนึ่ง ก่อนที่จะฉีกชิ้นเนื้ออย่างระมัดระวังและชิมรสของมัน เนื้อปลานั้นอร่อยมาก และยังละลายในปากพร้อมกับทิ้งกลิ่นหอมอบอวลในปาก ในเวลาเดียวกัน คลื่นที่บริสุทธิ์และร้อนแรงก็ไหลจากลำคอกระจายไปทั่วร่างกาย มันรู้สึกสบายตัวจนเฉินซีเกือบจะคร่ำครวญ

ความรู้สึกเช่นนี้ เหมือนกับได้ดื่มสุรารสเลิศ มันละลายในปากและกระจายไปทั่วร่างกาย แม้แต่จิตวิญญาณก็ยังได้รับการหล่อเลี้ยง ช่างยอดเยี่ยมอย่างไร้ขอบเขต

“อร่อย! ช่างเป็นอาหารรสเลิศที่สุดยอดจริง ๆ!”

ในพริบตาเดียว เฉินซีก็กินปลาหยินหยางทั้งตัว จนแทบจะกลืนลิ้นของตัวเองลงไปด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]