บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1246

สรุปบท บทที่ 1246 บดขยี้ศัตรู: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

สรุปเนื้อหา บทที่ 1246 บดขยี้ศัตรู – บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones

บท บทที่ 1246 บดขยี้ศัตรู ของ บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย novelones อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 1246 บดขยี้ศัตรู

บทที่ 1246 บดขยี้ศัตรู

“ฆ่า! ฆ่าพวกมันให้หมด!”

“พวกศิษย์สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าน่ารังเกียจเสียจริง ก่อนหน้านี้เฉินซีโอหังและอวดดี ทั้งยังสังหารสหายเรา ตอนนี้ยังคิดจะแย่งชิงสมบัติที่เราหมายตาไว้อีก ไร้คุณธรรมนัก!”

“ไม่จำเป็นต้องสนใจคุณธรรมหรอก ในสมรภูมิฝันร้ายจะไร้คนตายได้อย่างไร? ถึงเรากลับเมืองเมฆาสุบินก็ไม่มีใครเอาเรื่องนี้มาเอาผิดเราได้แล้ว”

“หยุดพูดมากแล้วสังหารมัน ชิงสมบัติมา!”

ในห้องโถงขนาดใหญ่จึงเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้น

ฝั่งหนึ่งคือศิษย์สำนักศึกษาระทมสันต์ สำนักศึกษามหาเดียวดาย และสำนักศึกษานภาไพศาล อีกฝั่งหนึ่งคือจี้เซวียนปิง จ้าวเมิ่งหลี และเจิ่นลู่

สถานการณ์ในตอนนี้คือกลุ่มสามคนของจี้เซวียนปิงเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด อยู่ในจังหวะสุ่มเสี่ยง ถูกกดดันถึงขนาดใกล้พ่ายแพ้เต็มที อีกฝั่งค่อย ๆ กดดันเข้ามาทีละก้าว ขึ้นเป็นผู้ถือไพ่เหนือกว่า

อย่างไรนี่ก็ไม่ใช่การต่อสู้ที่ยุติธรรมอยู่แล้ว

ว่ากันในเรื่องจำนวนคน กลุ่มจี้เซวียนปิงมากันแค่สามคน ส่วนศัตรูมากันมากกว่ายี่สิบคน

ว่ากันในเรื่องพลังต่อสู้ ศิษย์จากสำนักอื่นล้วนเป็นศิษย์อาวุโส จึงได้เปรียบกว่า ส่วนจี้เซวียนปิงเพิ่งบรรลุขอบเขตเซียนทองคำเมื่อไม่กี่ปีก่อนเท่านั้น

แน่นอนว่าสิ่งที่แตกต่างกันมากที่สุดระหว่างสองฝ่ายคือขุมทรัพย์อมตะ!

ศิษย์จากอีกสามสำนักมีขุมทรัพย์อมตะโบราณถึงสามชิ้น ทำให้พวกจี้เซวียนปิงถูกกดดันจากทุกด้าน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องโต้กลับ แค่หลบให้ทันก็ยากแล้ว

หรือก็คือไม่ว่ามองมุมไหน กลุ่มจี้เซวียนปิงก็คงต้องแพ้แน่

“เราไม่ส่งสมบัติไปให้พวกเขาเสียเลยเล่า ก็แค่ชิ้นส่วนขุมทรัพย์อมตะโบราณเท่านั้น เอาชีวิตเข้าแลกไม่คุ้มหรอก” คิ้วงามของจ้าวเมิ่งหลีขมวดเข้าหากันแน่น แม้จะอยู่ในสถานการณ์จวนตัว แต่ก็ยังไว้ท่าทีสูงส่ง

ตู้ม!

ระหว่างพูด นางก็กัดฟันแน่น ซัดเพลิงวิหคอมตะรับมือการโจมตีที่บีบคั้นเข้ามา ทว่าสีหน้าดูซีดขาวอยู่เล็กน้อย

“ถึงส่งให้พวกมันตอนนี้ พวกมันก็ไม่ปล่อยเราไปหรอก เพราะอย่างไรที่นี่ก็คือสุสานราชันเซียน แม้จะทำลายยันต์ข้อความไป พวกผู้อาวุโสในสำนักก็คงมาช่วยไม่ทัน มีหรือพวกมันจะปล่อยโอกาสทำลายพวกเราให้หลุดมือไปได้?” จี้เซวียนปิงยกมุมปากยิ้มเยาะ เขาก็เหมือนกับจ้าวเมิ่งหลี ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผล ทำให้อาภรณ์เต็มไปด้วยเลือด

“น่าเสียดายที่ตอนนั้นผู้อาวุโสอวิ๋นฝูเซิงไม่กำจัดพวกมันไปให้สิ้นซาก!” จ้าวเมิ่งหลีกัดฟันเอ่ย

ไม่ว่าจะเป็นสำนักศึกษาระทมสันต์ สำนักศึกษามหาเดียวดาย หรือสำนักศึกษานภาไพศาล คู่ต่อสู้ทุกคนในตอนนี้ล้วนพ่ายแพ้มาด้วยน้ำมือของอวิ๋นฝูเซิงมาเมื่อหลายปีก่อนทั้งสิ้น ทำให้คนสามสำนักมองศิษย์สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าเป็นศัตรูตลอดกาล

หากเป็นโลกภายนอก พวกเขาก็คงไม่กล้ากระทำเช่นนี้เพราะเกรงกลัวตัวตนอีกฝ่าย แต่ที่นี่ไม่เหมือนกัน เพราะที่นี่คือสุสานราชันเซียน สถานที่ที่เต็มไปด้วยสมบัติมากมาย

เมื่อรวมกับที่เกิดเรื่องขัดแย้งกันก่อนหน้า จึงไม่มีใครคิดหยุดการต่อสู้นี้เลย

“ข้ามีสมบัติลับที่ช่วยให้เราหนีไปได้อยู่ แต่รอบสุสานแห่งนี้เต็มไปด้วยพลังกาลอวกาศ เมื่อเราเคลื่อนมิติอาจพบอันตรายได้” เจิ่นลู่ที่ทำการต่อสู้อย่างเงียบ ๆ มาตลอดพลันเอ่ยขึ้นผ่านกระแสปราณ

จี้เซวียนปิงกับจ้าวเมิ่งหลีมองหน้ากัน ใจกระจ่างดั่งแก้วใส ในฐานะทายาทสายตรงตระกูลจี้และทายาทแห่งวิหคอมตะแท้จริง ทั้งคู่ย่อมมีไพ่ตายเก็บไว้ใช้ แต่เมื่อคิดว่าต้องงัดขึ้นมาเสียกับคนพวกนี้ ก็รู้สึกทั้งโกรธทั้งเสียดายและไม่ยอมอยู่ในใจ

มันเป็นไพ่ตายของพวกเขา อย่างไรพวกเขาก็ไม่มีวันหยิบมาใช้จนกว่าจะจวนตัวถึงชีวิต

“บัดซบเอ๊ย! ข้าหนีไปได้เมื่อไหร่ ต้องตามล้างแค้นพวกเจ้าทุกคนแน่!” จี้เซวียนปิงกัดฟันตัดสินใจหยิบไพ่ตายออกมาใช้เป็นคนแรก

ตู้ม!

แต่ยังไม่ทันได้ลงมือ ก็เกิดพลังผันผวนรุนแรงราวกับฟ้าลั่นดังสะท้านมาจากที่ไกลเสียก่อน ก่อนจะเห็นเงาร่างหนึ่งขยี้ห้วงอากาศแล้วร่วงลงมาเสียงหวีดหวิว

เห็นได้ชัดว่าคนคนนั้นคงใช้วิชาเคลื่อนย้ายมิติจนถึงขีดจำกัด ทำให้ห้วงอากาศเกิดระเบิดขึ้น!

เหตุการณ์น่าตกใจนี้ดึงความสนใจจากทั้งสองฝ่ายที่กำลังต่อสู้กันได้ทันที

ทว่ายังไม่ทันตอบสนองก็ได้ยินเสียงดังตู้ม ร่างนั้นราวกับปะทะเข้ากับขุนเขาขนาดใหญ่ ดีดมาทางพวกตนอย่างแรง ยังไม่ทันได้ตกถึงพื้นก็กระอักเลือดออกมาไม่หยุด พร้อมกับได้ยินเสียงกระดูกหักดังไปพร้อมกัน

หากมองลงมาจากท้องฟ้าเหนือห้องโถง ก็จะเห็นชัดเจนว่าเงาร่างที่มาถึงอย่างฉับพลันนั้นเป็นดั่งทวนเลือดกรีดเปิดทางเข้ากลางกลุ่มศิษย์ทั้งหลาย

ไม่ว่าจะเคลื่อนไปที่ใด ร่างที่ถูกดีดกระเด็นก็ล้วนกระอักเลือดกระเซ็นไปทั่ว เป็นภาพที่โชกเลือดเหลือทน แทบเอาภาพใดมาเปรียบไม่ได้

“อ๊าก!!!”

“ใครกัน!? ไอ้บ้าที่ไหนกล้าลอบโจมตีเราเช่นนี้?”

“บัดซบ! บัดซบเอ๊ย!”

เสียงกรีดร้องเสียงตะโกนดังผสมกับเสียงคำรามโกรธไปทั่วห้องโถง

เป็นตอนนี้ที่ได้เห็นรูปร่างของคนผู้นั้นได้ชัดเจน ท่าทางหล่อเหลา ร่างสูงโปร่ง นัยน์ตาดำลึกล้ำดั่งหุบเหวมืด…

น่าตกใจนักว่านั่นคือเฉินซี!

“เฉินซี?” จี้เซวียนปิง จ้าวเมิ่งหลี และเจิ่นลู่อึ้งไป จากนั้นก็ดีใจสุดขีด ไม่คิดเลยว่าจู่ ๆ เฉินซีจะปรากฏตัวในจังหวะเป็นตาย ช่วยพวกตนจากภัยพิบัติที่กำลังเผชิญไว้ได้

“เฉินซี! เป็นเจ้านี่เอง!”

ตุบ!

ศีรษะคนกระเด็นขึ้นฟ้าพร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็น

ตู้ม!

แผนภาพหยินหยางโกลาหลปะทะเข้ากับสองขุมทรัพย์อมตะโบราณ ส่งเสียงดังลั่นออกมาพร้อมกับแสงสว่างจ้า

ทั้งสองอย่างเกิดขึ้นแทบจะในจังหวะเดียวกัน ทำให้หลายคนไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าไม่ยินยอม สิ้นหวัง และหวาดกลัวของเสวี่ยเหลียนฉยงก่อนตายด้วยซ้ำ…

แต่ก็ยังมีคนที่เห็นอยู่ดีอย่างจี้เซวียนปิงและจ้าวเมิ่งหลี ทั้งสองใจสะท้านเมื่อเห็นเฉินซีสังหารเสวี่ยเหลียนฉยงอย่างไร้ความลังเล ริมฝีปากกระตุกเล็กน้อย คนผู้นี้… แน่วแน่มั่นคงกว่าที่คิด!

“หยุดยั้ง!” เมื่อลงมือเสร็จแล้ว เฉินซีก็ไม่เสียเวลา ทั้งร่างปลดปล่อยแสงสว่างจ้าไร้ขอบเขตออกมา ก่อนจะทำท่าเอื้อมคว้า ฝ่ามือเป็นดั่งคุนเผิงกลืนวารี ไม่เพียงแต่หยิบเอาผนึกเทวศสวรรค์ไปได้ กระทั่งน้ำเต้าฟ้าดินและตะเกียงวังไหมเขียวยังถูกแผนภาพหยินหยางโกลาหลดูดเข้าไป ก่อนจะบินกลับเข้ามายังฝ่ามือ

“โอหังนัก!”

“รนหาที่ตาย!”

พริบตานั้น เสวี่ยเหลียนฉยงถูกปลิดชีพ สามขุมทรัพย์อมตะโบราณก็ถูกชิงไป ศิษย์จากอีกสามสำนักราวกับถูกโจมตีสาหัส ทำให้พวกเขาร้องขึ้นมาด้วยความตกตะลึงและโกรธเกรี้ยว พากันซัดพลังโจมตีออกมาอย่างไร้ความเกรงกลัว

พวกเขาทนไม่ได้ที่ต้องเห็นสมบัติอันล้ำค่าของสำนักตนเองถูกแย่งชิงไป อย่างไรพวกเขาก็ยอมไม่ได้!

น่าเสียดายที่เฉินซีถึงขอบเขตเซียนทองคำขั้นกลางแล้ว คล้ายกับเปลี่ยนเป็นคนใหม่ ทั้งยังมีแผนภาพหยินหยางโกลาหลอยู่ในมือ พวกเขาหรือจะเป็นคู่ต่อสู้ได้?

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

ดังนั้นในพริบตาต่อมา ภายใต้สายตาหวาดผวาและตื่นตะลึงของจี้เซวียนปิงและพวกเฉินซี จึงเป็นดั่งพยัคฆ์เข้าขย้ำฝูงแกะ ฆ่าทำลายอย่างบ้าระห่ำ ไม่ว่าเคลื่อนกายไปที่ใดก็ให้เกิดโลหิตแดงสาดกระเซ็น ได้ยินเสียงกรีดร้องดังลั่นไม่หยุด

เหมือนกับขยี้ใบไม้แห้ง จัดการจนสะอาดหมดจด!

ท่าทีดุดันเหนือใครส่งผลให้พวกจี้เซวียนปิงตกตะลึงยิ่ง จนผ่านไปนานก็ยังไม่หายตกใจ

ไม่มีใครคิดว่าพลังต่อสู้ของเฉินซีจะพัฒนาถึงขั้นนี้ กระทั่งผู้อยู่ขอบเขตเซียนทองคำขั้นสูงยังสู้ไม่ได้ เหมือนบรรลุระดับพลังที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน เหนือกว่าใครอื่นที่มีพลังบ่มเพาะขอบเขตเดียวกันไปไกล

เป็นการบดขยี้ศัตรูโดยแท้!

ถึงขั้นที่จี้เซวียนปิงรู้สึกสงสารศิษย์จากอีกสามสำนักอยู่เล็กน้อยด้วยซ้ำ พวกเจ้าดันไปล่วงเกินเฉินซีเช่นนั้น ไม่ใช่ว่าเป็นการ… รนหาที่ตายหรอกหรือ?

“ข้ามีเรื่องสำคัญต้องไปทำ เช่นนั้นขอตัวก่อน รบกวนพวกเจ้าจัดการเรื่องที่นี่ด้วย หลังจากนี้ก็คงไม่เจออันตรายอันใดแล้ว” ผ่านไปไม่นาน เฉินซีก็หยุดมือ เพราะไม่เหลือศัตรูที่สามารถลุกขึ้นสู้ได้อีก จากนั้นก็ว่าเช่นนั้นแล้วเคลื่อนมิติจากไป

ช่วยไม่ได้นี่นา เวลาเขามีจำกัด จำเป็นต้องรีบกลับไปหาหม้อใบจิ๋วโดยเร็ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]