บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1250

บทที่ 1250 ตั๊กแตนตำข้าวที่สะกดรอยตามจักจั่น

บทที่ 1250 ตั๊กแตนตำข้าวที่สะกดรอยตามจักจั่น

เห็นได้ชัดว่าคำถามของเฉินซีนั้นเกินความคาดหมายต่อผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพเหล่านี้ และยังดูเหมือนกำลังดูถูกพวกมันเสียด้วยซ้ำ

“นี่มันหมายความว่าอย่างไร? ที่เอ่ยว่าพวกเราคนไหนที่เก่งที่สุดในการขุดหายางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์?”

“เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้กำลังดูถูกเรา!”

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่ออยู่ท่ามกลางสนามรบ เฉินซีกลับไม่กังวลต่อชะตากรรมของตน และยังเอ่ยคำถามที่เข้าใจยากเช่นนี้ ซึ่งเป็นการยากที่จะไม่กระตุ้นโทสะของอีกฝ่าย

“ไอ้บัดซบนี้กล้าเล่นตลกกับเราในเวลาเช่นนี้จริง ๆ! ฆ่า! ฆ่าไอ้ชนพื้นเมืองที่น่าสมเพชนี้ซะ!” หลันฉีระเบิดไฟโทสะอย่างดุเดือด และชี้ไปที่เฉินซีพร้อมกับตะโกนเสียงดังอย่างน่ากลัว

“ฆ่า!” ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพคนอื่น ๆ ก็โกรธเกรี้ยวเช่นกัน พลันพุ่งเข้าใส่อย่างดุเดือด

ทันใดนั้น การโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวและไร้ความปรานีต่าง ๆ ก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า บังเกิดเป็นเสียงดังก้องราวกับฟ้าร้อง ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยแสงสีเจิดจรัสมากมาย

ครืน!

มวลอากาศแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ ทะเลทรายสีเลือดพัดโหมอย่างรุนแรง ก้อนหินแตกเป็นผุยผง ภายในระยะสองพันห้าร้อยลี้รอบ ๆ ตัวของเฉินซี ทุกสิ่งได้ตกอยู่ในความโกลาหลครั้งใหญ่ทันที

ทว่าท่ามกลางความประหลาดใจของหลันฉีและคนอื่น ๆ ร่างของเฉินซีได้หายไปจากสายตา กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตั้งแต่เริ่มโจมตี พวกมันก็ไม่สามารถระบุตำแหน่งของอีกฝ่ายได้เลย

การต่อสู้ระหว่างผู้เยี่ยมยุทธ์ ล้วนต้องคว้าโอกาสผ่านญาณเทวะอมตะและเจตจำนง จึงจะสามารถรุกรับปรับพลิกตามการต่อสู้ได้ทันท่วงที จึงจะตัดสินผลแพ้ชนะได้

ถึงอย่างนั้น พวกมันกลับไม่สามารถระบุตำแหน่งของศัตรูได้จริง ๆ ดังนั้นผลลัพธ์ที่ตามมาจึงชัดเจน

พรูด! พรูด! พรูด!

ในช่วงเวลาถัดมา ร่างหนึ่งก็วาบขึ้นมาอย่างไร้วี่แวว และทะยานไปทั่วสนามรบ ซึ่งทุกครั้งที่ร่างนั้นผ่าน ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพจะถูกพรากชีวิตไป บางคนถูกแทงทะลุคอ ถูกฟันหัวจนขาดกระเด็น หรือไม่ก็ถูกผ่าเป็นสองท่อน…

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และแค่ชั่วพริบตา ก็เหลือแค่หลันฉีที่ยังมีลมหายใจอยู่

เขาตกตะลึงกับฉากที่น่าสยดสยองตรงหน้า และยืนอึ้งราวกับว่าเป็นหุ่นเชิดที่ไร้วิญญาณ

เพราะมันรวดเร็วและน่ากลัวเกินไป!

หลันฉีรู้สึกราวกับกำลังฝัน และไม่กล้าเชื่อว่าชายหนุ่มที่มีการบ่มเพาะเพียงขอบเขตเซียนทองคำ จะระเบิดพลังต่อสู้ที่ท้าทายสวรรค์เช่นนี้ได้ ความสามารถในการเข่นฆ่าเช่นนี้ มันชี้เป็นชี้ตายได้ทันที!

“ม… ไม่จริง ไยเจ้าเด็กนี่ถึงแข็งแกร่งปานนี้?! ไม่จริง มันเป็นไปไม่ได้…” หลันฉีพึมพำและตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เพราะเขารู้สึกว่าความตายกำลังคืบคลานเข้ามา

ในขณะนี้ จู่ ๆ เขาก็สังเกตเห็นว่าร่างของเฉินซียืนห่างออกไปราวสิบสองฉื่ออย่างน่าประหลาดใจ

“อย่าฆ่าข้าเลย ข้ารู้ว่าใครเก่งที่สุดในการขุดหายางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์!” หลันฉีรู้สึกตกใจ และร้องซ้ำ ๆ

เฉินซีแสยะยิ้ม “ตอนนี้ข้าไม่อยากรู้เรื่องนั้นแล้ว จงมอบยางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าครอบครองอยู่มาซะ แล้วข้าจะให้เจ้าตายอย่างไม่ต้องทรมาน!”

เฉินซีมีรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าหล่อเหลา แต่เมื่อมันสะท้อนในดวงตาของหลันฉี รอยยิ้มนี้กลับน่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจในพิภพคลื่นกล้วยไม้เสียอีก

“อย่าบีบกันเกินไปนัก!” หลันฉีคำรามลั่น “ยางไม้โลหิตศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงของข้าต้องการ แม้ว่าข้าจะให้เจ้า แต่เจ้าจะกล้ารับมันหรือ?”

เฉินซีตกตะลึง “เหตุใดข้าจะไม่กล้า?”

“เจ้า…” หลันฉีจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง และไม่กล้าเชื่อว่าคนที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นผู้ที่กำเนิดในภพทั้งสาม …หรือเจ้าหมอนี่จะไม่รู้ว่าจะต้องประสบกับความตายที่น่าสยดสยอง หากแย่งชิงสมบัติที่เป็นของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงไป?

…เพราะถ้าเป็นชนพื้นเมืองธรรมดา ก็คงต้องคิดให้ถี่ถ้วนเมื่อเจอภัยคุกคามเช่นนี้ไม่ใช่หรือ? แต่ปฏิกิริยาของคนผู้นี้ช่างไม่แยแสเสียเหลือเกิน… โอ้สวรรค์! นี่เขาเป็นตัวประหลาดหรือไร?

หลันฉีเกือบวิปลาส ความหวาดกลัว ความโกรธ ความสยดสยอง ความคับข้องใจ และอารมณ์อื่น ๆ ผสมผสานอยู่ในหัวใจ ชั่วขณะหนึ่ง เขายืนอยู่ตรงนั้นเหมือนคนโง่ และจ้องมองเฉินซีโดยกล่าวสิ่งใดไม่ออก

เฉินซีรู้สึกเหมือนกันว่า ปฏิกิริยาของคนผู้นี้ประหลาดนัก เพราะทั้งที่ใกล้จะตายแล้ว แต่กลับยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่งม คนเช่นนี้ถือว่าหาได้ยากจริง ๆ

อย่างไรก็ตาม แม้จะหาได้ยาก แต่เฉินซีก็ไม่รู้สึกเห็นใจ และไม่คิดปล่อยหลันฉีไป

“ฮ่า ฮ่า! เจ้าคิดจะฆ่าข้าหรือ? ไม่มีวัน! ข้ายอมตายด้วยน้ำมือของข้าเอง ดีกว่าปล่อยให้ไอ้สวะอย่างเจ้ามาทำให้ข้าต้องแปดเปื้อน!”

“ฝากไว้ก่อนเถอะ! กลียุคของทั้งสามภพอยู่ใกล้แค่เอื้อม พวกเจ้าจะต้องตายทั้งหมด!” ทันใดนั้นหลันฉีคำรามลั่น ท่าทางหวาดกลัวและคับข้องใจหายไปจนสิ้น สิ่งที่เหลืออยู่คือความจงรักภักดีที่เร่าร้อนถึงกระดูก และความเกลียดชังอย่างรุนแรงต่อทั้งสามภพ!

ในขณะที่กล่าว ร่างกายของเขาพลันสั่นสะท้านและปะทุด้วยเปลวไฟสีเขียว ในชั่วพริบตา หลันฉีก็ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน และหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เขาปลิดชีพตนเองโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย!

แม้คำพูดเหล่านี้จะดูแปลก แต่เฉินซีก็ไม่สามารถหาคำใดมาอธิบายเหตุการณ์ตรงหน้าได้

“ความเกลียดชังนี้…มิอาจลงรอยกันได้จริง ๆ…” เมื่อเฉินซีนึกถึงการกระทำของหลันฉี และความเกลียดชังที่ฝังรากลึกในดวงตาของอีกฝ่าย ก่อนจะปลิดชีพตัวเอง ชายหนุ่มพลันรู้สึกหนักอึ้งอย่างไร้สาเหตุ และได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ อย่างอดไม่ได้

ความเกลียดชังระหว่างทั้งสามภพและเผ่าพันธุ์ต่างพิภพมีมาตั้งแต่ยุคบรรพกาลจวบจนปัจจุบัน และมันไม่สามารถลงรอยกันได้อย่างแน่นอน บางทีคงมีแค่เปลวไฟแห่งสงครามที่นองเลือด และการล่มสลายของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น ที่จะปลดเปลื้องความเกลียดชังนี้ได้

ในอดีต เฉินซีไม่เข้าใจเรื่องนี้ลึกซึ้งมากนัก ทว่าการตายของหลันฉีได้ส่งผลกระทบต่อหัวใจของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เข้าใจความเกลียดชังที่สั่งสมมานับไม่ถ้วนยิ่งขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]