บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1256

สรุปบท บทที่ 1256 การค้าทาส: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

ตอน บทที่ 1256 การค้าทาส จาก บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1256 การค้าทาส คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ที่เขียนโดย novelones เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 1256 การค้าทาส

บทที่ 1256 การค้าทาส

ณ ทวีปเนตรสวรรค์

ภายในตระกูลจั่วชิว

จั่วชิวคงยืนเงียบ ๆ ในลานบ้านที่หรูหราและเรียบง่าย ดวงตาจ้องมองไปยังประตูที่ปิดอย่างแน่นหนาตลอดหลายปีที่ผ่านมา และเมื่อเวลาผ่านไป คิ้วสีดำที่เอียงดุจกระบี่ของเขา ก็ค่อย ๆ ขมวดเข้าหากันอย่างอดไม่ได้

ในท้ายที่สุด ประตูยังคงปิดอย่างแน่นหนาและเงียบสนิท เขาจึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ และตั้งใจจะจากไป

ทว่าทันใดนั้น เสียงทุ้มหนักที่เต็มไปด้วยอำนาจอันสูงสุดได้ดังก้องมาจากภายในประตูที่ปิดแน่น “คงเอ๋อร์ นี่เจ้าไม่รู้ตัวว่าทำสิ่งใดผิดพลาดไปเลยหรือ?”

จั่วชิวคงตกตะลึง จากนั้นเขาก็หายใจเข้าลึก ๆ พลางก้มหน้าลง ก่อนที่จะกล่าวว่า “ท่านพ่อ เป็นไปได้หรือไม่ที่ท่านพ่อคิดว่า… ไอ้สารเลวนั่นไม่ควรถูกฆ่า?”

ท่านพ่อ!

วิธีการกล่าวเช่นนี้ ชี้ให้เห็นถึงตัวตนของเจ้าของเสียงที่อยู่หลังประตู น่าแปลกใจที่คนผู้นั้นคือผู้นำตระกูลจั่วชิว จั่วชิวเฟิง!

“ไม่แปลกใจที่อาเสวี่ยบอกว่า เจ้ายังเด็กเกินไป…” เสียงถอนหายใจของจั่วชิวเฟิงดังก้องจากภายในห้อง “ความผิดของเจ้า ไม่ใช่ว่าเจ้าวางแผนที่จะฆ่าไอ้สารเลวนั่นในครั้งนี้ แต่เป็นเพราะเจ้าไม่รับรู้ถึงเจตนาของผู้อาวุโสในตระกูลอย่างชัดเจน”

“เจตนาของพวกเขา?” จั่วชิวคงมีความรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ เมื่อได้พบกับท่านอาจั่วชิวเสวี่ย เขาเคยถูกเหยียดหยันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนี้ แม้แต่บิดาของตนยังบอกว่าเด็กเกินไป และด้วยฐานะที่เป็นหนึ่งในสุริยันอันเจิดจ้าของภพเซียน เขาย่อมรู้สึกค่อนข้างไม่พอใจเป็นธรรมดา!

“ใช่ เจตนาของพวกเขา!” เสียงของจั่วชิวเฟิงกลายเป็นเคร่งขรึมและเข้มงวด “เจ้าคิดว่าท่านบรรพบุรุษไท่อู่ทำลายแผนการของเจ้าในครั้งนี้หรือไม่? ไม่สิ! เจ้าไม่ได้ตระหนักว่ามันไม่มีความแตกต่างในสายตาของท่านบรรพบุรุษไท่อู่และคนอื่น ๆ นับประสาอะไรกับการทรยศเราเพื่อสนับสนุนอาของเจ้า”

จั่วชิวคงตกตะลึง และเข้าใจบางอย่างราง ๆ แต่ยังไม่กล้ายืนยัน

“จำไว้ว่าพวกเขามีเพียงตระกูลจั่วชิวอยู่ในใจ นอกจากนี้ แม้แต่ข้าผู้นำตระกูล ก็ไม่มีความสำคัญใด ๆ แต่เจ้ากลับยืมมือคนนอกเพื่อฆ่าเฉินซีภายใต้จมูกของท่านบรรพบุรุษไท่อู่ การกระทำเหล่านี้ได้เกินขีดจำกัดที่เขาจะรับได้แล้ว”

เมื่อกล่าวถึงจุดนี่ จั่วชิวเฟิงก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจและกล่าวว่า “พวกเขาสนใจแค่เลือดของตระกูลจั่วชิวที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเฉินซี และมันก็เป็นส่วนหนึ่งของตระกูล!”

เมื่อกล่าวว่าเฉินซีเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล เสียงของเขาก็เผยความเกลียดชังอย่างสุดจะพรรณนา

ตอนนี้จั่วชิวคงเพิ่งเข้าใจว่าตนผิดพลาดอย่างไร และก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ท่านพ่อ หากเป็นเช่นนั้น แผนการครั้งนี้จะไม่ล้มเหลวทันทีที่ข้าส่งอาจวินและท่านลุงฮงไปเยี่ยมท่านบรรพบุรุษไท่อู่หรอกหรือ?”

“เจ้าเข้าใจแล้วกระมัง? ท่านบรรพบุรุษไท่อู่มักจะบ่มเพาะอย่างสันโดษในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า และปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอก แต่ข้าก็ไม่กล้าประเมินอิทธิพลในตระกูลของเขาต่ำไป และการทำเช่นนี้ก็เท่ากับผลักท่านบรรพบุรุษไท่อู่ไปอยู่ฝ่ายเดียวกับท่านอาของเจ้า” เสียงถอนหายใจหนักหน่วงของจั่วชิวเฟิงดังขึ้นจากด้านหลังประตู

สิ่งนี้ทำให้ความอำมหิตปรากฏบนหว่างคิ้วของจั่วชิวคง จากนั้นใบหน้าที่สงบและเฉยเมยของเขาก็ค่อย ๆ กลายเป็นหมองคล้ำ

เป็นเพราะตนไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะทำผิดพลาดอย่างมหันต์เช่นนี้ ถึงขนาดล้มเหลวตั้งแต่เริ่มต้น…

“ไปเถิด แล้วอย่าเพิ่งออกจากตระกูลในช่วงนี้”

“ท่านพ่อ เมื่อไหร่ท่านจะเสร็จสิ้นการปิดด่านบ่มเพาะ และกลับมาดูแลตระกูล?” จั่วชิวคงอดไม่ได้ที่จะถาม

“อีกไม่นาน ตอนนี้ข้าแค่รอ…ปัจจัยสำคัญในการบรรลุ!”

“ปัจจัยสำคัญในการบรรลุ…”

ดวงตาของจั่วชิวคงหรี่ลง ก่อนจะโค้งคำนับไปทางประตูที่ปิดสนิท จากนั้นจึงหันหลังจากไป

ในเวลาเดียวกัน ภายในค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติในเมืองเซียนสัประยุทธ์

“เหมืองหลอมวิญญาณ? นั่นคือสถานที่ของตำหนักราชันเซียนของทวีปเซียนสายหมอกที่ใช้กักขังผู้ละทิ้งสวรรค์จากภพมนุษย์ เฉินซี อาจารย์ของเจ้าคงไม่ใช่…” เมื่อเขาพบว่าเฉินซีตั้งใจจะไปยังสถานที่ที่เรียกว่าเหมืองหลอมวิญญาณภายในทวีปเซียนสายหมอก ดวงตาของเซวียนหยวนอวิ่นก็หรี่ลง ทั้งยังรู้สึกประหลาดใจและงุนงง

ผู้ละทิ้งสวรรค์คือผู้ที่มาจากภพมนุษย์และไม่เต็มใจขึ้นสู่ภพเซียน และใช้เคล็ดวิชาลับต้องห้ามเพื่อปกปิดรากฐานเซียนของพวกตน ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงจากการถูกตรวจพบของเต๋าแห่งสวรรค์

สำหรับภพเซียน การกระทำดังกล่าวถือเป็นการดูหมิ่นอย่างใหญ่หลวง และเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ไม่เพียงแต่จะถูกดึงเข้าสู่ภพเซียนอย่างแข็งขัน ผู้ละทิ้งสวรรค์เหล่านี้จะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรงอีกด้วย

เหมืองหลอมวิญญาณเป็นพื้นที่ที่ดูแลโดยตำหนักราชันเซียนแห่งทวีปเซียนสายหมอก ซึ่งเชี่ยวชาญในการลงโทษผู้ละทิ้งสวรรค์ และมันก็ไม่ต่างจากคุกของโลกมนุษย์

“เจ้ารู้ตำแหน่งที่ตั้งของเหมืองหลอมวิญญาณหรือไม่” เฉินซีเอ่ยถาม

แม้จะยังไม่ตอบคำถามของเซวียนหยวนอวิ่น แต่ก็ทำให้เขาสามารถยืนยันได้อย่างราง ๆ ว่า อาจารย์ของเฉินซีจากภพมนุษย์น่าจะเป็นผู้ละทิ้งสวรรค์อย่างแน่นอน

เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ เซวียนหยวนอวิ่นก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เพราะเขาทราบอย่างชัดเจนถึงผลลัพธ์อันน่าสังเวช ที่ผู้ละทิ้งสวรรค์ต้องเผชิญหลังจากถูกดึงเข้าสู่ภพเซียน

“มันน่าจะตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับเมืองวาตะหลงระเริง”

จากนั้นเซวียนหยวนอวิ่นก็กล่าวว่า “อย่างไรก็ตาม มันยากที่จะค้นหา ข้ารู้จักสหายบางคนในเมืองวาตะหลงระเริง ข้าสามารถถามข้อมูลจากพวกเขาได้”

มีผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับที่แข็งแกร่งกว่ายี่สิบคนคอยคุ้มกันทาสเหล่านี้ ซึ่งภายในเมืองวาตะหลงระเริง กองกำลังดังกล่าวถือว่าค่อนข้างโดดเด่น

ในขณะนี้ มีชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนพ่อค้ายืนอยู่หน้าเวที และกำลังนำเสนอเหล่าทาสภายในกรงเหล็กต่อผู้คนที่เดินผ่านไปมาด้วยท่าทีที่ค่อนข้างกระตือรือร้น

เมื่อเฉินซีมาถึงที่นี่ ชายหนุ่มจดจ้องกรงเหล็กกรงหนึ่ง มีหญิงสาวในชุดขาดวิ่นถูกกักขังอยู่ในนั้น ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง มือของนางถูกล่ามด้วยโซ่เหล็กเส้นหนา อย่างไรก็ตามจากผิวพรรณที่ขาวราวกับหยก และรูปร่างสง่างาม ใคร ๆ ก็รับรู้ได้ว่ารูปลักษณ์ของหญิงสาวคนนี้ต้องงดงามจับใจเป็นแน่

ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เนื่องจากการจ้องมองอย่างลึกซึ้งของเฉินซี ผ่านเส้นผมที่ยุ่งเหยิงและเห็นรูปลักษณ์ของหญิงสาวที่ดูเยาว์วัย น่ารักน่าเอ็นดูไม่น้อย ริมฝีปากเล็ก ๆ เม้มเข้าหากันแน่น และเผยให้เห็นกลิ่นอายที่น่าสังเวช

แต่เฉินซีกลับขมวดคิ้วแน่น เพราะหญิงสาวน่าผ่านการทุบตีอย่างโหดร้ายมา ผิวพรรณที่ขาวราวกับหยกปกคลุมไปด้วยร่องรอยของบาดแผล นอกจากนี้ใบหน้าเล็ก ๆ ยังซีดเซียวอย่างน่าสยดสยอง แววตาคล้ายมึนงงและริบหรี่ การถูกขังอยู่ในกรงเหล็กเย็นเยียบ ทำให้นางดูน่าสงสารและน่าสังเวชทบทวี

“ชีเซียวอวี่?” เฉินซีไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้เอ่ยถามได้ ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่หลงเหลืออยู่บนยันต์สื่อสารก่อนหน้านี้ เหมือนกับกลิ่นอายของหญิงสาวตรงหน้าทุกประการ

แต่หญิงสาวดูไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ไร้ประกายไม่ต่างจากซากศพ

เฉินซีขมวดคิ้วและพยายามพูดคุยกับนาง ทว่าพ่อค้าวัยกลางคนก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างเร่งร้อน และยิ้มกริ่มพลางกล่าวว่า “คุณชาย ท่านชอบทาสคนนี้หรือไม่”

เฉินซีเหลือบมองก่อนจะพยักหน้า

“คุณชาย สายตาของท่านเฉียบแหลมนัก เราต้องจ่ายราคาที่สูงลิ่วเพื่อซื้อตัวทาสคนนี้มา นางเกิดมางดงามและเป็นสาวพรหมจรรย์ สำหรับการใช้งานอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับท่าน ถ้าท่านชอบนาง…”

ก่อนที่พ่อค้าวัยกลางคนจะกล่าวจบ เฉินซีก็ขมวดคิ้วและขัดจังหวะ “ว่ามา! ราคาเท่าไหร่?”

“คุณชายเป็นคนที่ตรงไปตรงมาจริง ๆ เช่นนั้นข้าจะเข้าประเด็นเลยก็แล้วกัน ศิลาอมตะหมื่นก้อนแลกกับทาสคนนี้เป็นอย่างไร” ประกายเจ้าเล่ห์ฉายแววในดวงตาของพ่อค้าวัยกลางคน เขายิ้มและประกาศราคา

“หนึ่งหมื่นก้อนหรือ?” เฉินซีชำเลืองมอง “ข้ายอมรับราคานี้ แต่ข้าขอถามเจ้าหน่อย เจ้าซื้อหญิงสาวคนนี้มาจากไหนที่ใดหรือ?”

สิ้นสุดเสียงพูด แววตาระแวดระวังก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพ่อค้าวัยกลางคนทันที จากนั้นก็หัวเราะอย่างขมขื่น เขากำหมัดแน่นและกล่าวว่า “ต้องขออภัยคุณชายด้วย มันเป็นส่วนหนึ่งของกฎ ข้าไม่สามารถเปิดเผยสิ่งนั้นได้”

“เอาละ ถ้าเช่นนั้นข้าจะถามเจ้าเรื่องอื่น นางชื่ออะไร” เฉินซีกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“นางเป็นทาส จะมีค่าควรแก่การมีชื่อได้อย่างไร? แต่ถ้าท่านชอบนาง ท่านสามารถมอบชื่อให้กับนางได้ หลังจากที่ท่านซื้อนางแล้ว” พ่อค้าวัยกลางคนยิ้ม

“ตกลง ข้าจะพานางไป” เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามยับยั้งร่องรอยของความอึดอัดที่พวยพุ่งอยู่ในใจ ชายหนุ่มโบกมือพลางเอ่ยคำ

พ่อค้าวัยกลางคนปีติยินดียิ่ง ขณะกำลังจะกล่าวบางอย่าง แต่เมื่อเขาเห็นว่าหญิงสาวที่ถูกขังอยู่ในกรงเหล็กเงยหน้าขึ้น ก่อนจะร้องออกมาด้วยเสียงแหลม “ไม่ ข้าไม่ไป ข้าออกไปจากที่นี่ไม่ได้ ข้า…ยังต้องรอใครบางคน!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]