บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1257

บทที่ 1257 เซียนทองคำหวังถู

บทที่ 1257 เซียนทองคำหวังถู

ท่ามกลางความหวาดกลัวภายในเสียงร้องโหยหวนนี้ กลับแฝงด้วยกระแสดื้อรั้นไม่ยินยอม

เฉินซีตกตะลึง “นางกำลังรอผู้ใด?”

“นังตัวเหม็น! ในช่วงสองสามวันนี้ เรายังทุบตีเจ้าไม่พออีกหรือ? จัดการสั่งสอนนาง! ให้ข้าดูว่านางยังกล้าดื้อรั้นอีกหรือไม่!” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวในกรงขังทำเสียเรื่อง พ่อค้าทาสวัยกลางคนก็ระเบิดโทสะ หันมาจัดการนางทันที พลางก่นด่าอย่างโกรธเกรี้ยวเสียงดังลั่น

ทันใดนั้น ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับสองคนก็เดินเข้ามา และเหวี่ยงแส้ในมือใส่หญิงสาวในกรงอย่างดุร้าย

ฟึ่บ! ฟึ่บ!

แส้เหล็กฉีกขึ้นไปบนท้องฟ้าและทำให้เกิดเสียงแหลมคมดังก้องไปในอากาศ มันเปล่งพลังอันไร้ความปรานีออกมา ถ้านี่เป็นการเฆี่ยนโบยหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ก็เท่ากับว่านางตายไปครึ่งตัวแล้วแน่ ๆ

ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ เฉินซีก็แค่นเสียงเย็น ซึ่งแม้จะดูเหมือนเสียงคำรามธรรมดา แต่เมื่อมันเข้าลอดไปในหูของเซียนลึกลับทั้งสองนั้น กลับฟังเหมือนเสียงฟ้าร้องที่ทำให้ร่างกายสั่นสะท้าน เลือดลมปั่นป่วน ยิ่งกว่านั้น ดวงวิญญาณเกือบแตกสลาย ทำให้แส้เหล็กในมือร่วงหล่นจากมือ การโจมตีครั้งนี้จึงพลาดเป้าโดยสิ้นเชิง

“เจ้า…” พ่อค้าวัยกลางคนทั้งตกใจและโกรธเคือง จากนั้นดูเหมือนเขาจะนึกอะไรบางอย่างออก ทำให้สีหน้าพลันซีดเผือด พลางแสดงความเคารพนบนอบทันที “คุณชาย?”

ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับสองคนมองไปที่เฉินซีด้วยสีหน้าประหลาดใจและงุนงง เนื่องจากพวกเขายังไม่กล้าเชื่อว่าเสียงคำรามเมื่อครู่ จะมีพลังที่น่ากลัวถึงเพียงนี้ “หรือว่าคนผู้นี้จะเป็นเซียนทองคำ?”

“ไสหัวไปซะ!” ในขณะเดียวกัน เซวียนหยวนอวิ่นที่นิ่งเงียบมาตลอดก็ก้าวไปข้างหน้า และเงื้อตบพ่อค้าวัยกลางคน จนชายคนนั้นร้องโหยหวน ร่างลอยไปด้านข้าง แล้วพ่นเลือดออกมาคำใหญ่

“ไอ้สารเลว! ที่แท้พวกเจ้าสองคนก็มาสร้างปัญหา จับมัน! จับพวกมันเร็วเข้า…!” พ่อค้าวัยกลางคนคำรามด้วยน้ำเสียงดุร้าย ทว่ายังกล่าวไม่จบคำเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างบีบรัดลำคอ จากนั้นร่างก็ถูกยกขึ้น เท้าลอยเหนือพื้น ดิ้นรนอย่างน่าสมเพช

เพียะ! เพียะ! เพียะ!

ใบหน้าของเซวียนหยวนอวิ่นเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการฆ่า เขาตบซ้ำอีกหลายครั้ง ทำให้ใบหน้าของพ่อค้าบวมปูด ร้องโหยหวนเหมือนหมูป่าถูกเชือด ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปมามองดูอย่างต่อเนื่อง

“ข้าจะฆ่าเจ้าซะ ถ้าเจ้ายังส่งเสียงอีก!” แม้เซวียนหยวนอวิ่นจะดูสงบเสงี่ยมและทำตัวไม่โดดเด่นเมื่ออยู่ในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า แต่ในฐานะคนของตระกูลเซวียนหยวนอันเก่าแก่ เขามีความภูมิใจไปถึงกระดูกดำ ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในสำนัก ดังนั้นจะจริงจังกับพ่อค้าตัวเล็ก ๆ ได้อย่างไร?

ใช่แล้ว ในสายตาของคนจากตระกูลโบราณอย่างเซวียนหยวนอวิ่น แม้ว่าพ่อค้าวัยกลางคนผู้นี้จะมีอำนาจที่ไม่ธรรมดาในเมืองวาตะหลงระเริง แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงเหลือบไรไร้ค่า

ดังนั้นเขาจึงไม่แสดงความเมตตาใด ๆ และการกระทำนี้อาจกล่าวได้ว่า ไม่มีเหตุผลเลยด้วยซ้ำ แน่นอนว่านี่เป็นเพราะเฉินซีอยู่ที่นี่ด้วย มิฉะนั้น เขาคงไม่ลงมือให้กายอันสูงส่งต้องแปดเปื้อนมลทิน

พ่อค้าวัยกลางคนตกใจจนตัวสั่นและหุบปากสนิท ทว่าสายตาที่ขุ่นเคืองยังคงจ้องเขม็งไปที่เซวียนหยวนอวิ่นและเฉินซีไม่ละไปไหน ราวกับรอคอยจังหวะเอาคืนให้สาสมกับความอัปยศที่ตนต้องเผชิญ

“อะไร? พวกเจ้าทุกคนตั้งใจจะต่อต้านข้าหรือ?” จู่ ๆ เซวียนหยวนอวิ่นก็หันกลับมา และกวาดตามองผู้เยี่ยมยุทธ์เซียนลึกลับอยู่รอบ ๆ คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนของพ่อค้าวัยกลางคน มีหน้าที่คอยดูแลทาสในบริเวณนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงรีบเข้าไปทันทีเมื่อเห็นพ่อค้าวัยกลางคนถูกทุบตี

“สามหาว! เจ้าไม่รู้ว่าเราเป็นใคร แต่ยังกล้าโจมตีพวกเราอีกหรือ!”

“ฮึ่ม! ข้าไม่กลัวที่จะบอกเจ้าว่า ไม่มีใครกล้าแตะต้องสินค้าของใต้เท้าหวังถูแห่งเมืองวาตะหลงระเริง!”

“รีบปล่อยเขาซะ! มิฉะนั้น เจ้าทั้งคู่อย่าได้ฝันว่าจะออกจากเมืองวาตะหลงระเริงได้!”

ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับกว่ายี่สิบคนมีสีหน้าเหี้ยมเกรียม พลางตะโกนเสียงดัง เนื่องจากพ่อค้าวัยกลางคนยังคงอยู่ในมือของเซวียนหยวนอวิ่น พวกเขาต้องยิ่งระมัดระวัง ไม่กล้าที่จะผลีผลามแม้แต่น้อย

“พี่เซวียนหวยวน ช่วยทำให้พวกมันหุบปากที” เฉินซีมีท่าทางสงบ ขณะสั่งด้วยเสียงอันแผ่วเบา เขาไม่รอช้าพุ่งขึ้นไปบนเวทีอย่างรีบร้อน สะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง ทำให้กรงเหล็กที่กักขังหญิงสาวกลายเป็นผุยผง

ในขณะเดียวกัน จิตวิญญาณของเซวียนหยวนอวิ่นก็รู้สึกสดชื่นขึ้นทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่เฉินซีกล่าว ใบหน้าแข็งกร้าวและมั่นคงเผยประกายเย็นยะเยือก แล้วตะโกนด้วยเสียงทุ้มลึกว่า “คุกเข่า!”

พร้อมกับเสียงนี้ คือแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่งของเซียนทองคำ มันกวาดไปทั่วบริเวณโดยรอบ ทำให้เกิดเสียงกระแทกดังก้อง ร่างของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับทั้งยี่สิบคนสั่นสะท้าน และคุกเข่าลงอย่างควบคุมไม่ได้!

พวกเขาพยายามลุกขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว แต่ไม่สามารถทำตามที่ใจต้องการได้ อยากจะกรีดร้อง แต่ลำคอกลับเหมือนถูกมือไร้รูปร่างจับไว้แน่น ทำให้ลมหายใจติดขัดจนใบหน้าแดงก่ำ ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้แม้แต่คำเดียว

นี่คือตรอกกล้วยไม้ และเป็นช่วงเวลาที่คึกคักที่สุดของวัน กระแสของผู้คนจึงหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย และเมื่อเห็นภาพที่น่าประหลาดใจนี้ มันจึงทำให้เกิดความแตกตื่นโกลาหลทันที

“สวรรค์! นั่นไม่ใช่บริวารของเซียนทองคำหวังถูหรอกหรือ? หวังถูควบคุมการค้าทาสเกือบครึ่งหนึ่งในเมืองนี้ ครอบครองอำนาจมหาศาล แล้วจะมีคนกล้าหาเรื่องใส่ตัวจริง ๆ หรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]