บทที่ 1262 เซียนปราชญ์มาถึงแล้ว
บทที่ 1262 เซียนปราชญ์มาถึงแล้ว
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เซียนทองคำที่บาดเจ็บสาหัสทั้งสามคน ถูกกระแทกลงมาจากกลางอากาศเหมือนกระสอบทราย ทำให้ฝุ่นผงฟุ้งกระจายไปในอากาศ เสียงร้องโหยหวนดังก้องไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พวกเขาไม่สามารถคืบคลานขึ้นมาได้อีก และมีสภาพที่น่าสังเวชอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้ พวกเขาดูน่าเกรงขามขณะทะยานผ่านอากาศ แต่ชั่วพริบตาต่อมา พวกเขากลับนอนกองอยู่บนพื้นเหมือนสัตว์ร้ายใกล้ตาย และร้องระงมด้วยความเจ็บปวด เมื่อนำช่วงเวลาทั้งสองนี้มาเปรียบเทียบกัน มันสร้างผลกระทบทางสายตาอย่างที่สุด และทำให้ทุกคนตกตะลึงจนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
เพราะมันน่าตกใจและเหลือเชื่อเกินไป
ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาคือเซียนทองคำสี่คนจากตำหนักราชันเซียน ซึ่งล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในทวีปเซียนสายหมอก แต่ตอนนี้กลับพ่ายแพ้ต่อเงื้อมมือของเฉินซีในไม่กี่อึดใจ!
“จะ…เจ้าเป็นใครกันแน่!?” หวงหลงและคนอื่น ๆ รู้สึกหวาดกลัว ในฐานะเซียนทองคำ พวกเขาตระหนักได้อย่างชัดเจนว่า ชายหนุ่มที่สามารถเอาชนะพวกตนได้อย่างง่ายดาย จะต้องมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
แต่ไม่ว่าจะเค้นสมองครุ่นคิดเพียงใด ก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่า ตั้งแต่เมื่อใดที่บุคคลร้ายกาจเช่นนี้ปรากฏตัวในทวีปเซียนสายหมอก!
“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ สิ่งสำคัญก็คือ พวกเจ้า…ทำให้อาจารย์ของข้าขุ่นเคือง” เฉินซียืนอยู่กลางอากาศ ขณะหลุบตามองหวงหลงและคนอื่น ๆ อย่างเฉยเมย พร้อมกับชี้ไปทางวิปลาสหลิ่ว
“อาจารย์หรือ?”
สายตาของหวงหลงและคนอื่น ๆ จับจ้องไปที่วิปลาสหลิ่ว มองร่างที่เหี่ยวแห้งและซีดเซียว ซึ่งสวมเสื้อผ้ามอมแมมและเต็มไปด้วยรอยแผล… ใบหน้าก็กลายเป็นไม่น่าดูอย่างยิ่งในทันที
เพราะใครจะจินตนาการได้ว่าผู้ละทิ้งสวรรค์ที่ต่ำต้อย ซึ่งถูกคุมขังอยู่ที่นี่ กลับมีศิษย์เป็นถึงเซียนทองคำ!
ไม่ใช่แค่หวงหลงและเซียนทองคำคนอื่น ๆ แม้แต่ผู้ละทิ้งสวรรค์ที่ยังไม่หลบหนีก็ตกตะลึง เพราะมันน่าตกตะลึงจนไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
“ปะ…เป็นไปได้อย่างไรกัน! เขาเป็นเพียงผู้ละทิ้งสวรรค์ เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะเป็น…” หวงหลงตกตะลึง นัยน์ตาขยายออก และไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่เห็น
คนอื่น ๆ ก็เช่นกัน
มันช่วยไม่ได้ ความแตกต่างนั้นมากเกินไป เพราะในภพเซียนทั้งหมด อันที่จริงไม่มีใครเคยเห็นศิษย์ที่มีการบ่มเพาะและพลังฝีมือที่เหนือกว่าอาจารย์ของตนมากกว่าหนึ่งขอบเขต!
การถูกจ้องมองราวกับเป็นตัวประหลาดเช่นนี้ ไม่ได้ทำให้เฉินซีรู้สึกถึงความสำเร็จใด ๆ ในทางกลับกัน เขาหวนนึกถึงประสบการณ์ที่น่าขมขื่นและน่าสังเวชของวิปลาสหลิ่ว
เนื่องจากเมื่อหลายปีก่อน ครั้งที่อยู่ในสมรภูมิบรรพกาล ถ้าไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือตน แล้ววิปลาสหลิ่วจะถูกปิงซื่อเทียนเปิดโปงว่าเป็นผู้ละทิ้งสวรรค์ และถูกกระชากเข้าสู่ภพเซียนได้อย่างไร
หากไม่ถูกกระชากเข้าสู่ภพเซียน แล้ววิปลาสหลิ่วจะทุกข์ทรมานกับความยากลำบากอันขมขื่นและน่าสังเวชเช่นนี้ได้อย่างไร?
…ปัจจุบัน การบ่มเพาะของท่านอาจารย์นั้นด้อยกว่าข้ามาก ทั้งยังกลายเป็นนักโทษด้วยซ้ำ ยิ่งกว่านั้น สถานการณ์ที่เขาเผชิญอยู่ ไม่มีวันที่จะได้เห็นแสงตะวันอีกครั้ง มันน่าสังเวชอย่างยิ่ง แต่ทั้งหมดนี้ มิใช่เป็นเพราะข้าหรอกหรือ?
ยิ่งเขาครุ่นคิดมากเท่าใด เฉินซีก็ยิ่งรู้สึกโกรธแค้นและรู้สึกเจ็บช้ำมากขึ้นเท่านั้น นัยน์ตาที่ลึกราวกับก้นบึ้งพลันเบิกโพลงด้วยความรวดร้าว… และจิตสังหารที่พวยพุ่ง
เมื่อสวรรค์ปลดปล่อยจิตสังหาร ดวงดาวก็เคลื่อนคล้อย เมื่อปฐพีปลดปล่อยจิตสังหาร มังกรก็ทะยานขึ้นมาจากพื้นดิน เมื่อมนุษย์ปลดปล่อยจิตสังหาร สวรรค์และพสุธาก็พลิกคว่ำ… เมื่อผู้เป็นเซียนปลดปล่อยจิตสังหาร ทุกสรรพสิ่งก็หายไป!
ในขณะนี้ จิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวปะทุขึ้น และปกคลุมฟ้าดินที่กว้างใหญ่นี้ มันทำให้อากาศที่ว่างเปล่าแตกเป็นเสี่ยง ๆ ในขณะที่มันกดดันหวงหลงและคนอื่น ๆ จนสีหน้าซีดเผือดทันที แม้แต่การหายใจก็ยังรู้สึกติดขัด ผิวหนังบนร่างกายรู้สึกราวกับถูกเฉือนด้วยใบมีดคมกริบ ความหวาดกลัวและความสิ้นหวังที่ไม่อาจพรรณนาพลุ่งพล่านอยู่ในใจ
“ไม่…!”
“อย่าฆ่าพวกเรา เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ถ้าเรารู้ย่อมไม่มีทางแตะต้องแม้แต่ปลายผมของอาจารย์เจ้าอย่างแน่นอน ต่อให้เราจะขวัญกล้าเทียมฟ้าเพียงใดก็ตาม!!”
“ใต้เท้า ใต้เท้า โปรดเมตตาและไว้ชีวิตพวกเราด้วย…”
ภายใต้แรงกดดันแห่งความตาย หวงหลงและเซียนทองคำคนอื่น ๆ เพิกเฉยต่อความภาคภูมิของตน และคุกเข่าลงพร้อมกับร้องขอความเมตตา ตอนนี้พวกเขาไม่ต่างอะไรกับคนขี้ขลาดที่หวาดกลัวต่อความตาย
สิ่งนี้พิสูจน์ได้ว่า ยิ่งคนยิ่งใหญ่เท่าไร คนคนนั้นก็จะยิ่งหวาดกลัวเมื่อเผชิญกับความตายเท่านั้น ซึ่งโดยปกติแล้ว คงจะไม่มีใครกล้าเผชิญกับภัยพิบัติเพื่อลากองค์จักรพรรดิลงจากหลังม้า
นอกจากความรู้สึกเพลิดเพลินจากการดูฉากนี้แล้ว รอยยิ้มเยาะเย้ยก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของวิปลาสหลิ่วอย่างอดไม่ได้ “นี่น่ะหรือเซียนทองคำ? ฮ่า ฮ่า…”
“ข้ากล่าวไปก่อนหน้านี้ เมื่อกระทำผิดไปแล้ว ก็ไม่สามารถให้อภัยได้” คำพูดนี้ไม่ต่างอะไรจากการมอบโทษประหารแก่พวกเขา
ใบหน้าของหวงหลงและคนอื่น ๆ กลายเป็นซีดเผือดอย่างน่าสยดสยอง แล้วพยายามร้องขอความเมตตาอีกครั้ง แต่เฉินซีกลับเงื้อมือขึ้น พลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมาจากกาย ทำให้หวงหลงและคนอื่น ๆ ไม่สามารถกล่าวแม้แต่คำเดียว
สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า พยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง แต่คล้ายกับคนจมน้ำและใกล้จะตาย มันเปล่าประโยชน์และไร้พลังโดยสิ้นเชิง
โครม!
ฝ่ามือของเฉินซีเหยียดออก นิ้วประคองดวงแสงอันศักดิ์สิทธิ์ มันเหมือนกับหัตถ์ของสวรรค์กำลังทุบลงมา
ฟิ่ว!
ทว่าทันใดนั้นเอง อากาศที่ว่างเปล่าก็สั่นสะเทือนราวกับเศษผ้าที่ถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ร่างอันทรงพลังพลันปรากฏออกมาจากอากาศธาตุ
คนผู้นั้นมีคิ้วหนา ดวงตาเบิกกว้าง ดูสง่าผ่าเผย สวมชุดคลุมสีม่วงเข้มที่ปักด้วยลวดลายของงูหลาม ทุกการเคลื่อนไหวเปล่งรัศมีอันศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังแผ่กลิ่นอายสูงส่งและสง่างามออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...