บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1269

บทที่ 1269 ใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด

บทที่ 1269 ใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด

อากาศภายในห้องส่วนตัวยังคงมีร่องรอยของกลิ่นหอมเย็นเฉียบและกลมกล่อมจากสุรา ชวนให้เคลิบเคลิ้ม

เซวียนหยวนอวิ่น วิปลาสหลิ่ว และชีเซียวอวี่ต่างก็มึนงงเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น? ร่างที่ก่อตัวขึ้นจากอากาศนั้นอยู่ที่ใด? ไยถึงหายไปแล้ว?”

“นางจากไปแล้ว” เฉินซีอธิบายสั้น ๆ ที่จริงแม้แต่เขาก็ไม่รู้แน่ชัดว่าหญิงสาวที่เรียกตัวเองว่าเตียนเตี้ยนใช้ความสามารถอะไรในการแยกประสาทสัมผัสของเซวียนหยวนอวิ่นและคนอื่น ๆ

“นางจากไปแล้วหรือ?” เซวียนหยวนอวิ่นตกตะลึง และกำลังอ้าปากเพื่อกล่าวบางอย่าง แต่เมื่อเห็นเฉินซีขมวดคิ้ว เขาก็หุบปากเงียบทันที เพราะสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งที่ไม่ควรถาม

“ไปกันเถอะ”

เฉินซีหมดความสนใจในอาหารมื้อนี้แล้ว และไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป

เซวียนหยวนอวิ่น วิปลาสหลิ่ว และชีเซียวอวี่ไม่คัดค้าน พวกเขาลุกขึ้นยืนและออกจากห้องรับรองส่วนตัวพร้อมกับเฉินซีทันที

ทว่าเมื่อพวกเขาก้าวออกจากห้อง ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินปรี่ตรงมา

บุคคลที่เป็นผู้นำคือชายหนุ่มร่างสูงที่สวมชุดคลุมธรรมดาหลวม ๆ เส้นผมยาวสลวยถึงไหล่ รูปลักษณ์หยาบกร้าน ย่างก้าวอย่างทรงพลัง และมีประกายสายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวในดวงตาอย่างไม่มีใครเทียบได้

น่าแปลกที่กลุ่มของเมิ่งถงกำลังตามหลังชายผู้นั้นมาอย่างกระชั้นชิด พวกเขาทั้งหมดมีใบหน้าฟกช้ำและสีหน้าเศร้าหมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเห็นกลุ่มของเฉินซีเดินออกจากห้องรับรองส่วนตัว สายตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

“หืม?” ชายผู้นั้นหยุดก้าวเดิน พลางกวาดสายตาไปทางเฉินซีราวกับสายฟ้าเยียบเย็น คล้ายจำเฉินซีได้ ทำให้คิ้วที่หนาและดำสนิทขมวดเข้าหากัน

เซวียนหยวนอวิ่นก็ตกใจเช่นกัน เขารีบกล่าวผ่านกระแสปราณไปหาเฉินซีว่า “คนผู้นี้คือเมิ่งฉี อยู่อันดับที่สามสิบในเทียบอันดับตราดาราม่วงของสำนักฝ่ายใน เมื่อครู่เราได้ทุบตีสหายของเขา ดังนั้นเขาน่าจะมาเพื่อล้างแค้น”

ตอนนั้นเองที่เฉินซีตระหนักได้อย่างฉับพลัน เมื่อเพ่งสายตาไปทางเมิ่งฉี จึงสังเกตเห็นว่า คนผู้นั้นมีกลิ่นคาวเลือดหนาแน่น เห็นได้ชัดว่าเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดาและผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน

“ศิษย์สายในเหล่านี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ กลิ่นอายดังกล่าวก็เป็นสิ่งที่ไม่มีศิษย์สายนอกคนใดเทียบเคียงได้” เฉินซีดูเหมือนจะจมอยู่กับความคิด

ทว่าเมิ่งฉีไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำให้เฉินซียำเกรงได้ ชายหนุ่มจึงตั้งใจที่จะจากไปทันที

“นี่เจ้าคิดจะหนีหรือ? หยุดอยู่ตรงนั้นซะไอ้บัดซบ!”

“พี่ใหญ่เมิ่งฉี เป็นเพราะคนพวกนี้ ถ้าพวกมันไม่หยุดเรา เราคงจับหัวขโมยน้อยนั่นได้นานแล้ว!”

“บัดซบ! เจ้าหัวขโมยนั่นดันขโมยไหสุราที่เราตั้งใจจะมอบให้พี่ใหญ่เมิ่งฉีโดยเฉพาะ เราเกือบจับตัวหัวขโมยนั่นได้แล้ว แต่คนพวกนี้กลับทำมันพัง!”

เมื่อเห็นว่าเฉินซีกำลังจะจากไป เมิ่งถงและคนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถหักห้ามใจได้ และพุ่งตัวออกไปเพื่อขวางทางอีกฝ่ายไว้ พลางด่าทอด้วยน้ำเสียงดุร้าย

ไหสุราถูกขโมยไป? เฉินซีตกตะลึง จากนั้นเขาก็พึมพำกับตัวเอง “สุราที่เตียนเตี้ยนนำมา คงไม่ใช่สุราที่คนเหล่านี้ตั้งใจมอบให้กับเมิ่งฉีใช่หรือไม่?”

“อะไร? พวกเจ้ายังถูกทุบตีไม่พออีกหรือ? ผิวของพวกเจ้าคงเริ่มคันอีกแล้วกระมัง?” เซวียนหยวนอวิ่นแค่นหัวเราะ ทั้งยังกวาดตามองเมิ่งถงและคนอื่น ๆ ก่อนจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเมิ่งฉี แม้สีหน้าจะเย็นชา แต่ก็เผยท่าทียั่วยุอยู่ราง ๆ

เมิ่งฉีขมวดคิ้วเมื่อเห็นสิ่งนี้ จากนั้นจึงโบกมือเพื่อห้ามคนอื่น ๆ ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็น “ข้าไม่คิดว่าจะมีศิษย์น้องมากินอาหารที่นี่ ดูเหมือนว่าคนของข้าจะเสียมารยาทแล้ว”

“ศิษย์น้อง?” คนอื่น ๆ ที่อยู่ข้างหลังเมิ่งฉีตกตะลึง และมีสีหน้าตกใจเมื่อตระหนักได้ในที่สุด “ที่แท้พวกเขาก็เป็นศิษย์สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ไม่แปลกใจที่พวกเขากล้าอวดดีเช่นนั้น”

“ในเมื่อรู้ว่าตัวว่าเสียมารยาท แล้วทำไมยังยืนอยู่เฉยอยู่อีก? อย่าบอกนะว่าที่พวกเจ้ามาที่นี่อย่างก้าวร้าวก็เพียงเพื่อจะขออภัย?” เซวียนหยวนอวิ่นกล่าวอย่างไร้ปรานี

เมิ่งถงและคนอื่น ๆ พลันโกรธอย่างสุดขีด เพราะแม้ทั้งสามจะมาจากสำนักเดียวกัน แต่ศิษย์น้องที่กล้าพูดจาโอหังกับศิษย์อาวุโสเช่นนี้ ถือว่าอวดดียิ่ง!

ทว่าเมิ่งฉีไม่ใส่ใจต่อท่าทีเช่นนี้ หรือบางทีเขาอาจจะไม่สนใจเซวียนหยวนอวิ่นเลยด้วยซ้ำ จากนั้นก็จ้องมองพินิจเฉินซีอยู่ชั่วครู่ แล้วจึงกล่าวว่า “ข้าได้ยินว่าศิษย์น้องเฉินซีเป็นอันดับหนึ่งของการสอบของเขตฝ่ายใน เมื่อได้พบเจ้า ชื่อเสียงนี้คู่ควรกับเจ้าแล้วจริง ๆ”

เฉินซีพูดเสียงเรียบ “ศิษย์พี่กรุณาเกินไปแล้ว”

เมิ่งฉียังคงสงบนิ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อและกล่าวว่า “ทว่าเขตฝ่ายในไม่เหมือนกับเขตฝ่ายนอก ศิษย์น้องได้ล่วงเกินตระกูลจั่วชิว และในฐานะศิษย์พี่ ข้าขอเตือนเจ้าว่า เจ้าควรระมัดระวังเมื่อเข้าสู่เขตฝ่ายใน เพราะหากต้นไม้ยิ่งเติบโตสูงเท่าใด มันก็ยิ่งล้มลงยากขึ้นเท่านั้น”

ทันทีที่กล่าวจบ เขาก็เหลือบมองเฉินซีอย่างลึกซึ้ง ก่อนที่จะหันหลังกลับและจากไป

เมิ่งถงและคนอื่น ๆ ตกตะลึง ไม่คาดคิดว่ามันจะจบลงเช่นนี้ สิ่งนี้ทำให้พวกเขาไม่พอใจอย่างมาก แต่เมื่อได้ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน พวกเขาก็รู้ตัวว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนผู้นี้ จึงทำได้เพียงจ้องเขม็งอย่างไม่พอใจและรีบเดินตามหลังเมิ่งฉีไปติด ๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]