บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1287

สรุปบท บทที่ 1287 ชื่อเสียงที่น่าสะพรึงกลัว: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

อ่านสรุป บทที่ 1287 ชื่อเสียงที่น่าสะพรึงกลัว จาก บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones

บทที่ บทที่ 1287 ชื่อเสียงที่น่าสะพรึงกลัว คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย novelones อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 1287 ชื่อเสียงที่น่าสะพรึงกลัว

บทที่ 1287 ชื่อเสียงที่น่าสะพรึงกลัว

เหล่าผู้ดูแลตั้งใจจะลงมือ แต่พวกเขากลับถูกชายชราที่สวมชุดคลุมปักลวดลายห้ามไว้

ชายชราขมวดคิ้วพลันเหลือบมองหลิงไป๋ที่ไร้ท่าทีเกรงกลัว แล้วเลื่อนสายตาไปทางอาหมานและไป๋คุยที่ไม่เคยสนใจผู้ใดตั้งแต่ต้น และด้วยเหตุผลบางอย่าง จู่ ๆ ลางร้ายก็ผุดขึ้นในใจของเขา

เนื่องจากเจ้าตัวประหลาดน้อยทั้งสามนี้ ดูมั่นใจมากเกินไป และหากมีอะไรผิดพลาด จะต้องเกิดเรื่องร้ายแรงอย่างแน่นอน ดังนั้นชายชราจึงต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะอีกฝ่ายอาจมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา

“บอกข้าว่ามันเกิดอะไรขึ้น?” สายตาของชายชราจับจ้องไปยังเสี่ยวเอ้อร์ที่ถูกอาหมานนั่งทับอยู่

ใบหน้าของเสี่ยวเอ้อร์บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดและมีน้ำลายฟูมปาก เขาร้องออกมาด้วยเสียงที่บ้าคลั่งทันที “ผู้จัดการจ้าว สามคนนี้สั่งอาหารโดยไม่ได้พกศิลาอมตะมาด้วย ข้าจึงขอให้พวกเขาออกไป แต่กลับทำร้ายข้าเช่นนี้ ช่างอวดดีเหลือเกิน… อ๊าก!!”

ในตอนท้ายของประโยค จู่ ๆ เขาก็ร้องโหยหวนออกมาอีกครั้ง เพราะอาหมานขยับก้นของมัน และทำให้ซี่โครงของเสี่ยวเอ้อร์หักอีกสองสามซี่

การกระทำดังกล่าว ได้กระตุ้นความโกรธของผู้ดูแลภัตตาคารเซียนเสน่หาที่อยู่ใกล้เคียงทันที และถ้าไม่ใช่เพราะชายชราห้ามไว้ พวกเขาคงโจมตีและสังหารไอ้ตัวเล็กทั้งสามไปแล้ว

“พวกเจ้า… มีอะไรจะอธิบายหรือไม่?” ชายชราขมวดคิ้ว พลางจดจ้องหลิงไป๋ด้วยสีหน้าดุร้าย ถ้ามันเป็นความจริง เขาจะไม่สนต่อสิ่งใด ๆ และจะจัดการกับคนเหล่านี้ทันที

ในขณะนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่ในภัตตาคารถูกดึงดูดด้วยเสียงวุ่นวายที่เกิดขึ้น ดังนั้น หากยังไม่จัดการกับปัญหานี้ มันก็จะส่งผลกระทบต่อการค้าในปัจจุบันอย่างแน่นอน และผลที่ตามมาก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาแบกรับไหว

ตึง!

หลิงไป๋ควักหินสีเทาออกมา แล้วโยนมันลงบนโต๊ะ “เป็นเรื่องจริงที่เราไม่มีศิลาอมตะ แต่สมบัตินี้คงเพียงพอให้เรากินดื่มที่นี่เป็นเวลาสามปี”

“กินดื่มเป็นเวลาสามปี!?”

ทุกคนตกตะลึงและแทบไม่เชื่อในหูของตัวเอง “ช่างมั่นใจเสียจริง! พวกเขาคิดว่าภัตตาคารเซียนเสน่หาเป็นร้านอาหารเล็ก ๆ ธรรมดาหรือ?”

เมื่อผู้คนเห็นหินที่หลิงไป๋โยนออกมาบนโต๊ะชัด ๆ พวกเขาก็โกรธและหัวเราะอย่างดูแคลน “ศิลาต้นกำเนิดวายุทมิฬ? สิ่งนี้มีค่าอย่างมากก็แค่ศิลาอมตะแปดสิบก้อน นับประสาอะไรจะดื่มกินอยู่ในภัตตาคารเป็นเวลาสามปี แม้แต่น้ำสักแก้วก็ยังซื้อไม่ได้!”

“นี่พวกเขาตั้งใจจะใช้ศิลาต้นกำเนิดวายุทมิฬธรรมดา ๆ แทนศิลาอมตะจริง ๆ หรือ? ไอ้ตัวเล็กทั้งสามนี้หาเรื่องใส่ตัวชัด ๆ!”

การแสดงออกของทุกคนดูไม่เป็นมิตรในทันที แววตาก็เต็มไปด้วยความโกรธ นอกจากนี้ ยังจ้องพวกหลิงไป๋อย่างกินเลือดกินเนื้อ

เมื่อเห็นสิ่งนี้ หลิงไป๋กลับส่ายหน้าอย่างดูถูก แววตาเต็มไปด้วยร่องรอยของความสมเพช ราวกับเยาะเย้ยคนเหล่านี้ว่าโง่เขลาเบาปัญญาเสียยิ่งกว่าลา

ชายชราขมวดคิ้วเมื่อสังเกตเห็นสิ่งนี้ จึงหยิบหินสีเทาเข้มขึ้นมาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง

ก้อนหินนี้มีขนาดเท่ากำปั้นทารก มีสีเทาเข้ม และไร้ความแวววาว แต่กลับมีน้ำหนักมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งจากประสบการณ์ของชายชราและสายตาที่เฉียบแหลม หินก้อนนี้คือศิลาต้นกำเนิดวายุทมิฬไม่ผิดแน่

ความมั่นใจนี้ทำให้คิ้วของเขาขมวดแน่นยิ่งขึ้น ในขณะที่สีหน้าค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นมืดมน พลางมองกลุ่มของหลิงไป๋ด้วยเจตนาฆ่าฟัน

ในทางกลับกัน หลังจากสังเกตเห็นสีหน้าของชายชราที่เปลี่ยนไป เหล่าผู้ดูแลก็ยิ่งแสดงสีหน้าโหดเหี้ยมยิ่งขึ้น ได้รับคำสั่งเมื่อใด พวกเขาก็พร้อมจะโจมตีโดยไม่ยั้งมือแม้แต่น้อย

บรรยากาศรอบข้างเริ่มตึงเครียด

หลิงไป๋เลิกคิ้วและมองไปทางอาหมาน หมีขนสีทองยกยิ้ม พยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจ

“ช้าก่อน ขอข้าดูสมบัติชิ้นนั้นได้หรือไม่?” ทันใดนั้น เสียงที่ชัดเจนและอบอุ่นพลันดังก้อง ทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดจากการเผชิญหน้า ก็คลายลงเล็กน้อย

ชายชราขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่เมื่อเห็นคนผู้นั้นชัด ๆ เขาก็ตกใจ และเผยรอยยิ้มเคารพนบนอบ “ที่แท้ก็เป็นนายน้อยหลัวเซวียนนี่เอง โปรดอภัยให้กับการเสียมารยาทของข้าก่อนหน้านี้ด้วย”

ชายหนุ่มผู้นี้มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ดวงตาเปล่งประกายราวกับดวงดาว และท่าทางสง่างาม เขาคือหลัวเซวียน ศิษย์สายในผู้ที่ครองอันดับเก้าในเทียบอันดับทองคำตราดาราม่วง ผู้มีสมญานามว่า ‘เทพบุตรหน้าหยกแห่งความมั่งคั่ง’

เมื่อพวกเขาเห็นหลัวเซวียน ลูกค้าหลายคนก็จำชายหนุ่มผู้นี้ได้ ดังนั้นจึงแตกตื่นทันที ราวกับไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนอย่างหลัวเซวียนจะมาที่นี่จริง ๆ

อย่างไรก็ตาม หลิงไป๋เพียงเหลือบมองหลัวเซวียนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะละสายตาออก

หลัวเซวียนเพียงยิ้มเบา ๆ ก่อนจะเดินตรงไปข้างหน้า จากนั้นก็หยิบก้อนหินขึ้นมา และตรวจสอบมันอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็ส่องประกาย “น้องชาย นี่คือเหล็กทมิฬแก่นแท้หิมะใช่หรือไม่?”

ทันทีที่สิ้นคำ หัวใจของทุกคนก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง “เหล็กทมิฬแก่นแท้หิมะ? นั่นคือสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในหลอมสร้างสมบัติอมตะระดับว่างเปล่า! มันเป็นสิ่งที่จะได้มาโดยวาสนา ทั้งยังแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพบมันในภพเซียน!”

“เป็นไปได้อย่างไรกัน!? เห็นได้ชัดว่ามันคือศิลาต้นกำเนิดวายุทมิฬชัด ๆ!” ชายชราร้องโพล่งออกมาด้วยความตกใจและไม่เชื่อ เพราะเห็นกันอยู่ว่ามันเป็นเพียงก้อนหินธรรมดาไร้ค่า แต่จู่ ๆ กลับมีคนบอกว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่าเสียอย่างนั้น

หลัวเซวียนเพียงยิ้มเบา ๆ และไม่ได้อธิบายใด ๆ พลางมองไปทางหลิงไป๋

คิ้วของชายชราขมวดเข้าหากันแน่น จากนั้นจ้องเขม็งไปที่เสี่ยวเอ้อร์ที่นอนอยู่บนพื้น “นี่เป็นความผิดพลาดของภัตตาคารเซียนเสน่หาจริง ๆ ข้าหวังว่าน้องชายจะยกโทษให้เรา”

“ยกโทษให้เจ้าเหรอ?” หลิงไป๋ไม่ให้อภัยพลันกล่าวว่า “ถ้าข้าไม่ได้ควักเหล็กทมิฬแก่นแท้หิมะออกมา พวกเจ้าก็คงทุบตีพวกเราไปแล้วกระมัง?”

ชายชราถูกรุกไล่จนกล่าวสิ่งใดไม่ออก และรู้สึกปวดหัวอย่างมาก ‘ไอ้ตัวเล็กนี้มาจากไหนกัน? เหตุใดถึงรับมือได้ยากปานนี้?’

“แล้วไปเถิด ข้าจะเป็นคนจ่ายค่าอาหารมื้อนี้เอง หวังว่าน้องชายจะคลายความโกรธลง ชื่อเสียงของภัตตาคารเซียนเสน่หาแห่งนี้ก็ไม่ได้แย่นัก ก็แค่เสี่ยวเอ้อร์ที่ไม่มีมารยาทเพียงไม่กี่คน” เป็นหลัวเซวียนที่มาช่วยไกล่เกลี่ยสถานการณ์

“ใช่แล้ว! ภัตตาคารเซียนเสน่หาจะเป็นคนออกค่าอาหารมื้อนี้เอง โปรดรับน้ำใจไว้ด้วย” ชายชราถอนหายใจด้วยความโล่งอก

หลิงไป๋ตะคอกด้วยความขุ่นเคือง “ข้าดูเหมือนคนที่กินดื่มแล้วไม่มีปัญญาจ่ายหรือ? ในเมื่อเจ้าต้องการขอโทษ เช่นนั้นก็จงไปที่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า และตามหาศิษย์ที่ชื่อเฉินซีมา บอกเขาว่าหลิงไป๋เดินทางมาหลายพันลี้เพื่อมาพบเขา แต่ตอนนี้ข้าไม่สามารถแม้แต่จะกินดื่มได้สักมื้อ!”

“เฉินซี!”

เมื่อได้ยินชื่อนี้ ทุกคนที่อยู่ในภัตตาคารต่างตื่นตกใจ ทั้งยังเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา ไม่คาดคิดว่าเจ้าตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้าจะมีความสัมพันธ์กับอัจฉริยะที่โด่งดังไปทั่วใต้หล้าในขณะนี้

“เฉินซี…” ประกายแสงวูบไหวอยู่ในดวงตาของหลัวเซวียน เขาทอดถอนหายใจ “ภัตตาคารเซียนเสน่หาแห่งนี้ดูเหมือนจะเหยียบหางมังกรเข้าแล้ว หากเฉินซีรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ เขาอาจจะทำลายสถานที่แห่งนี้ให้สิ้นซาก”

“เฉินซี?” ใบหน้าของชายชราและเหล่าผู้ดูแลต่างแข็งทื่อ ดวงตาเบิกโพลง ความหนาวเย็นสายหนึ่งแล่นเข้าสู่หัวใจ ‘เจ้าตัวเล็กทั้งสามนี่รู้จักกับเฉินซีจริง ๆ หรือ? ดูจากน้ำเสียงเมื่อครู่ เกรงว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาค่อนข้างใกล้ชิดไม่น้อย…’

ชายชรารู้สึกราวกับถูกท่อนไม้ตีหัว ทั้งมึนงงและสับสนไปหมด

ณ ปัจจุบัน ทุกคนในเมืองเซียนสัประยุทธ์ล้วนรู้จักเฉินซี บุคคลเลื่องชื่อจากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ผู้เป็นเหมือนดวงอาทิตย์ที่แผดเผาในท้องฟ้ายามเที่ยงวัน! ยิ่งกว่านั้น วีรกรรมอันน่าอัศจรรย์ของคนผู้นี้ ได้กลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ร้อนแรงที่สุดในท้องถนนเมืองเซียนสัประยุทธ์

ทว่าตอนนี้…พวกเขาได้ล่วงเกินสหายของเฉินซีเข้าแล้ว!

เมื่อคิดถึงจุดนี้ ชายชราและเหล่าผู้ดูแล ก็แทบจะหลั่งน้ำตาออกมา

เฉินซีเป็นบุคคลที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ในหมู่คนรุ่นเดียวกัน แม้ในแง่ของความแข็งแกร่ง มันยังไม่พอที่จะทำให้ภัตตาคารเซียนเสน่หาซึ่งก่อตั้งอยู่ในเมืองเซียนสัประยุทธ์มาเป็นเวลาหนึ่งหมื่นปีต้องหวาดกลัว แต่ที่น่ากลัวไม่ใช่ความแข็งแกร่ง แต่คือภูมิหลัง!

เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นกับศิษย์ที่โดดเด่นผู้นี้ เหล่าผู้อาวุโสของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าจะนิ่งเฉยได้หรือ?

สรุปก็คือ หากใครกล้าทำร้ายศิษย์อย่างเฉินซีในเมืองเซียนสัประยุทธ์ นั่นก็คงหมายความว่าคนเหล่านั้นคงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]