บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 129

บทที่ 129 การยอมรับและความชื่นชม
บทที่ 129 การยอมรับและความชื่นชม

ญาณศักดิ์สิทธิ์!

เฉินซีเข้าใจอย่างถ่องแท้ทันทีว่าก่อนหน้าจิตวิญญาณของเขาได้แปรสภาพไปสู่อีกระดับแล้วอย่างสิ้นเชิง

ผู้บ่มเพาะขอบเขตสร้างรากฐานจะสามารถควบคุมประสาทสัมผัสในร่างกาย

ขณะที่ผู้บ่มเพาะขอบเขตก่อกำเนิดจะมีญาณรับรู้บังเกิดขึ้น

ส่วนผู้บ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลสามารถแปรเปลี่ยนญาณรับรู้ให้เป็นญาณตระหนักรู้และทำให้สามารถควบคุมศัสตราวิเศษระดับสูงได้

ในเวลาเดียวกัน ผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำจะสามารถหล่อหลอมญาณตระหนักรู้ขึ้นไปสู่ญาณจิตและทำให้เกิดความเข้าใจในเต๋าแห่งสวรรค์ขึ้นอีกขั้น

ผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางจะมีการผสมผสานและเชื่อมโยงกับพลังหยินและพลังหยาง และเมื่อหยินและหยางบรรจบกันสมบูรณ์มันจะก่อให้เกิดญาณศักดิ์สิทธิ์

ในขณะที่ขอบเขตจุติและขอบเขตที่สูงกว่าจะแปรเปลี่ยนญาณสัมผัสของตนเองให้กลายเป็นจิตสัมผัสเทพซึ่งเป็นขั้นสูงสุดของญาณสัมผัสที่มีในบันทึกไว้ ส่วนระดับที่เหนือกว่านั้นมีเพียงข่าวลือซึ่งไม่อาจยืนยันได้ว่ามันถูกเรียกว่าสิ่งใดหรือทำอะไรได้บ้างเพราะผู้ที่สามารถสำเร็จเป็นเซียนสวรรค์ ตั้งแต่กาลก่อนจนถึงตอนนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นและผู้คนเหล่านั้นต่างเป็นตัวตนลึกลับที่ไม่ได้ทิ้งข้อมูลไว้สักเท่าใด

‘ตอนนี้ข้าอยู่ในขั้นตำหนักอินทนิลแต่ความแข็งแกร่งของญาณศักดิ์สิทธิ์เทียบเท่ากับของผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง อีกแค่ก้าวเดียวข้าก็จะถึงขั้นจิตสัมผัสเทพแล้ว ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ’

เฉินซีสูดลมหายใจขณะที่ค่อย ๆ เผยอเปลือกตาขึ้นทว่าเมื่อมองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏตัวที่ด้านข้างเป่ยเหิง เฉินซีถึงกับสะดุ้งเฮือกพลันรู้สึกตัวราวกับตื่นขึ้นจากความฝัน ขณะเดียวกันเขาเริ่มเข้าใจว่าอะไรที่เกิดขึ้นก่อนหน้า

‘ทั้งหมดเป็นเพราะสตรีนางนี้!’

เฉินซีไม่อาจระงับความรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงจนอกกระเพื่อม

ความสามารถในการทำให้ผู้อื่นเกิดสภาวะหยั่งรู้โดยใช้กลิ่นอายแผ่กระจายออกจากร่างกาย …สตรีนางนี้บรรลุไปถึงขอบเขตการบ่มเพาะใดแล้วกัน!?

เฉินซีรู้สึกว่าแค่วันนี้ก็มีเรื่องที่ทำให้ตนเองต้องตกอกตกใจอยู่หลายครั้งหลายหน กล่าวรวม ๆ แล้วอาจมากกว่าสิบเจ็ดปีของชีวิตที่ผ่านมาเสียด้วยซ้ำ อย่างแรกการเผชิญหน้ากับเหวินเสวี่ยนผู้ที่อยู่ในขอบเขตสถิตกายา จากนั้นก็ได้พบกับบรรพจารย์สูงสุดเป่ยเหิง ระดับการบ่มเพาะของชายชราผู้นี้สูงยิ่งกว่าขอบเขตสถิตกายาด้วยซ้ำ และตอนนี้สาวงามที่ลึกลับและน่าเกรงขามยิ่งก็ปรากฏตัวออกมา ทุกสิ่งประหนึ่งคลื่นยักษ์ที่ถาโถมเข้ามาทีละระลอก แต่ความสูงของคลื่นจะเพิ่มขึ้นและน่าตกตะลึงยิ่งขึ้นทุกครั้ง

ทันทีที่เฉินซีลืมตามอง สตรีผู้งดงามก็ชี้ไปทางเหวินเสวี่ยนซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก “เอาล่ะ เจ้าออกไปก่อน”

โดยไม่ต้องถามอาจารย์ของตนเอง เหวินเสวี่ยนก็ค้อมตัวลงต่ำคำนับสตรีผู้งดงาม ก่อนจะหันหลังกลับขณะทำท่าจะออกไปนั้นเอง พลันเขากลับชะงักหยุด

“จริงสิ พาเจ้าคนที่อยู่บนหลังเขาไปด้วย ข้ามีผลดอกบัววิญญาณเพลิง เมื่อใดก็ตามที่เขาฝึกฝนตามแนวทางใจหลอมรวมกระบี่แล้ว ผลดอกบัววิญญาณเพลิงจะช่วยให้เขาสร้างกายาขึ้นมาได้ใหม่” สตรีผู้งดงามกล่าวพร้อมกับยิ้มให้กับเฉินซี จากนั้นจึงชี้ไปยังเฉินฮ่าวบนหลังชายหนุ่ม พลันบนฝ่ามือบอบบางของสตรีผู้นั้นปรากฏผลดอกบัววิญญาณเพลิงเปล่งแสงร้อนแรง ผลไม้มีขนาดเท่ากำปั้นเด็กทารกก็จริง ทว่าเปลวไฟสีแดงเข้มนั้นลุกโชติช่วงราวกับไร้จุดสิ้นสุด อีกทั้งยังปรากฏกระแสความร้อนพวยพุ่งขึ้นไปในอากาศอย่างน่าอัศจรรย์

“ผลดอกบัววิญญาณเพลิง!” เฉินซีและเหวินเสวี่ยนโพล่งออกมาพร้อมกันอย่างไม่ตั้งใจ

“ถูกแล้ว ถึงเขาจะเป็นผู้ฝึกกระบี่ แต่ในห้าธาตุหลัก ด้วยคุณสมบัติอันรุนแรงของธาตุไฟจะเหมาะกับการสร้างกายาใหม่ของเขามากที่สุด” สตรีผู้งดงามผงกศีรษะให้พลางอมยิ้มมุมปาก

เฉินซีเชื่อว่าสตรีงามพูดจริง แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือการที่นางยอมยกผลดอกบัววิญญาณเพลิงให้เพื่อช่วยเหลือน้องชายของเขา เพราะที่สุดแล้วสิ่งนี้ก็เป็นสมบัติล้ำค่าหายากแห่งฟ้าดิน การจะได้มันมาครอบครองขึ้นอยู่กับโชควาสนาของแต่ละคนเท่านั้น จะมีผู้ไร้เทียมทานสักกี่คนที่ไม่ปรารถนาอะไรมากไปกว่าต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสมบัติชิ้นนี้

‘นาง…เหตุใดจึงดีกับข้านัก’

เฉินซีรู้สึกขึ้นมาบ้างว่าหลายอย่างที่ตนเองเผชิญมาในวันนี้ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับสตรีผู้งดงามที่ยืนอยู่เบื้องหน้านี่เอง มิฉะนั้นด้วยสถานะของเหวินเสวี่ยนและเป่ยเหิง ทั้งสองคงไม่มีทางนอบน้อมแก่เขาเป็นแน่

“ไม่ต้องกังวล ด้วยผลดอกบัวผลนี้ การบ่มเพาะของน้องชายเจ้าจะค่อย ๆ กลับมาแข็งแกร่งอย่างแน่นอน อีกทั้งต่อไปจะให้ผลสัมฤทธิ์อย่างดีเยี่ยมทีเดียว” เหวินเสวี่ยนส่งยิ้มมาให้เฉินซี จากนั้นก็รับตัวเฉินฮ่าวขึ้นไปไว้บนหลังของตัวเองก่อนจะหมุนตัวเดินกลับออกไป

เป็นธรรมดาที่เฉินซีจะไม่ปฏิเสธ เดิมทีเขาตั้งใจที่จะใช้ผลดอกบัวจิตทองคำที่อยู่ในตันเถียนของตนเองมาช่วยสร้างร่างกายของเฉินฮ่าวขึ้นใหม่ ทว่าตอนนี้ไม่เพียงเขาจะได้รักษาผลดอกบัวจิตทองคำไว้เท่านั้น แต่ยังได้รับผลดอกบัววิญญาณเพลิงมาอย่างไม่คาดฝัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการบ่มเพาะของเฉินฮ่าวต่อไปด้วย เรื่องที่ดียิ่งอย่างนี้เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร

เมื่อเหวินเสวี่ยนคล้อยหลังไปแล้ว สาวน้อยเงยหน้าขึ้นมองเฉินซี อย่างพิจารณาด้วยความพึงพอใจราวกับว่านางกำลังชื่นชมสมบัติล้ำค่ากระนั้น สตรีมองมาด้วยสายตาระมัดระวัง แววตาคู่นั้นอ่อนโยนจนทำให้คนที่ถูกมองรู้สึกเหมือนถูกอาบไปด้วยสายลมกลางฤดูร้อนและไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกอึดอัดหรือความคิดที่จะต่อต้านนาง

ผ่านไปไม่นาน จู่ ๆ สตรีผู้งดงามก็คลี่ยิ้มก่อนที่จะมีเสียงผ่านทางกระแสปราณดังขึ้นว่า “ไม่เลว เจ้าทำให้การมาของข้าและได้พบกันในครั้งนี้ไม่เสียเปล่า เอาล่ะ ก่อนไปข้าจะมอบของบางอย่างให้แก่เจ้า” ขณะที่พูดจบ ลำแสงสีดำพลันพุ่งเข้าสู่ห้วงจิตสำนึกของเฉินซีอย่างรวดเร็ว สิ่งของรูปร่างประหลาดที่มีขนาดเท่าฝ่ามือแลดูคล้ายแผ่นกระดองเต่าที่แตกออกเป็นเสี่ยง

เฉินซีจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าของชิ้นนี้คือชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก!

เป็นดั่งที่คิด ภายหลังจากการปรากฏของชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากชิ้นนี้ ต่อมาเศษของแผนภาพวารีหลากที่ลอยล่องอยูู่ในห้วงจิตสำนึกของเขาก็แตกออกเป็นพลังบังคับด้วยแรงดูด จากนั้นมันก็หลอมรวมเข้ากับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากที่ซึมซาบเข้าสู่ห้วงจิตสำนึกของเขาในตอนนี้ทันที ก่อนจะกลายเป็นรูปจันทร์เสี้ยวซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นถึงสองเท่า

นอกจากนั้น เฉินซียังพบว่ารอบนอกของชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากที่หลอมรวมเข้าด้วยกัน ปรากฏภาพเงาสีดำขึ้นมาเป็นชั้น ภาพเงาแบ่งเป็นชิ้นส่วนรูปร่างแปลกประหลาดจำนวนเจ็ดชิ้น และเมื่อมองผ่าน ๆ ก็จะเห็นได้ว่าหากปะติดปะต่อเงาทั้งเจ็ดเข้าด้วยกันก็จะได้แผนภาพทรงกลมเกือบสมบูรณ์

‘น่าจะเป็นแผนภาพวารีหลากที่ครบถ้วนสมบูรณ์ เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากถูกละทิ้งอยู่ในโลกอีกเจ็ดชิ้น?’ เฉินซีเกิดฉุกคิดขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน จากนั้นเขาก็ครุ่นคิดกับตนเองในใจ ‘หรือว่าคนผู้นั้นจะรู้มานานแล้วว่าข้ามีชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากอยู่ในตัว?’

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]