บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1290

บทที่ 1290 ความโกลาหลที่ปะทุขึ้น

บทที่ 1290 ความโกลาหลที่ปะทุขึ้น

เฉินหลิงจวิน!

คงมีเพียงชื่อนี้ที่สามารถทำให้เฉินซีสูญเสียความเยือกเย็นได้ เพราะมันคือชื่อของบิดา ผู้ชายที่เขาไม่เคยพบหน้า

ในช่วงต้นตอนที่ยังอยู่ที่แดนภวังค์ทมิฬ เฉินซีเพิ่งได้รู้จากประมุขนิกายกระบี่เก้าเรืองรองเวินหัวถิงว่า บิดาของตนได้ใช้พลังของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขนนก และเสี่ยงชีวิตเพื่อลอบเข้าไปในภพเซียน

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่วันนั้น เขาไม่เคยได้ยินข่าวคราวใด ๆ เกี่ยวกับเฉินหลิงจวิน ผู้ซึ่งเป็นบิดาอีกเลยจวบจนบัดนี้

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เฉินซีมักคิดว่าบิดาอยู่สักแห่งในภพเซียน แต่กลับไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับบิดาเลยสักครั้ง

เฉินซีกังวลอยู่เสมอว่า บิดาอาจเพิกเฉยต่อทุกสิ่งเพื่อช่วยเหลือมารดาของตน และตกอยู่ในเงื้อมมือของตระกูลจั่วชิว…

แต่ในเวลานี้ หลิงไป๋กลับบอกว่า เฉินหลิงจวินได้ปรากฏตัวในซากโบราณสถานแรกกำเนิดอันลึกลับ สำหรับเฉินซี นี่เป็นดั่งฟ้าลั่นดังก้องอยู่ในหู ตกใจจนสูญเสียความเยือกเย็น ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจ ตื่นเต้น และหงุดหงิด ทำให้คลื่นอารมณ์ซับซ้อนถึงขีดสุด

แน่นอนว่า เฉินซีไม่เคยนึกเลยว่า ไม่เพียงแต่บิดาจะเข้าสู่ภพเซียนแล้ว แต่ยังเข้าสู่ซากโบราณสถานแรกกำเนิดอันลึกลับอีกด้วย!

“แท้จริงแล้ว… ท่านพ่อตั้งใจจะทำสิ่งใดกันแน่?”

เมื่อตระหนักสิ่งนี้ จิตใจของเฉินซีปลอดโปร่งขึ้นในทันที และรู้สึกลึก ๆ ว่าการกระทำของบิดา อาจเกี่ยวข้องกับแผนการบางอย่าง ส่วนวัตถุประสงค์นั้นจะต้องเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือมารดาอย่างแน่นอน

ในทางกลับกัน แผนการของเฉินหลิงจวินนั้นนับว่าเป็นวิธีการทางอ้อม เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะต่อกรกับตระกูลจั่วชิวเพียงลำพัง ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะ… มุ่งหน้าไปยังซากโบราณสถานแรกกำเนิด เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ตนเอง!

เหตุผลที่เฉินซีคาดเดาเช่นนั้นก็เรียบง่ายมาก เป็นเพราะเฉินซีก็กำลังทำสิ่งที่คล้ายกัน แต่ข้อแตกต่างก็คือเขาเลือกเข้าสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เพื่อตั้งหลักและเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเอง ในขณะที่เฉินหลิงจวินมุ่งหน้าไปที่ซากโบราณสถานแรกกำเนิด

หลังจากนั้น เฉินซีก็หายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ แล้วจึงถามคำถามที่สำคัญกับหลิงไป่ “ในเมื่อเราต้องทำลายม่านพลังที่มีเพียงราชันเซียนครึ่งขั้นเท่านั้น ที่สามารถทะลวงเข้าไปได้ แล้วบิดาข้าเข้าไปในนั้นได้อย่างไร? หรือว่าเขาได้บรรลุขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นแล้ว?”

เมื่อเผชิญกับคำถามนี้ หลิงไป๋ขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถให้คำตอบกับเฉินซีได้ เพราะเขาได้ข้อมูลนี้มาจากมหาปราชญ์ย่ำสวรรค์อีกทอดหนึ่ง ทำให้ไม่ทราบสถานการณ์ที่แน่ชัด

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะผิดหวัง แต่เขารู้ดีอยู่แก่ใจ แม้แต่มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ก็คงไม่สามารถให้คำตอบได้ มีเพียงต้องไปหาเฉินหลิงจวินด้วยตัวเองเท่านั้น

เพราะมหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ก็ได้ยินข่าวมาอีกที หากเขารู้เหตุผลที่แน่ชัด เขาคงไม่ปิดมันกับหลิงไป๋ เพราะรู้ว่าหลิงไป๋จะบอกเฉินซีเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน

“กลียุคของทั้งสามภพใกล้จะมาถึง และสัญญาณของกลียุคได้ปรากฏขึ้นในซากโบราณสถานแรกกำเนิดแล้ว” หลิงไป๋กล่าวถึงความลับอันน่าประหลาดใจ สิ่งนี้ทำให้เฉินซีตกตะลึงเช่นกัน และซักถามโดยละเอียด

“ข้าได้ยินอาจารย์ของพี่ใหญ่มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์กล่าวว่า กลียุคทั้งสามภพจะเริ่มต้นที่ซากโบราณสถานแรกกำเนิดอย่างแน่นอน ณ ปัจจุบัน มีภัยพิบัติเกิดขึ้นทั่วซากโบราณ ในขณะที่พลังแก่นแท้ของโลกภายในนั้นเริ่มแสดงสัญญาณของการล่มสลาย… เร็วที่สุดคือในหนึ่งร้อยปี และอย่างช้าที่สุดคือในหนึ่งพันปี หลังจากนั้นซากโบราณสถานแรกกำเนิดจะพังทลาย และหายไปจากฟ้าดิน…”

หากเป็นดั่งที่หลิงไป๋กล่าว นิกายต่าง ๆ ภายในซากโบราณสถานแรกกำเนิดคงไม่อาจนิ่งนอนใจ และเริ่มค้นหาวิธีเอาตัวรอด เป้าหมายคงไม่พ้นภพเซียน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เนื่องจากภัยพิบัติครั้งใหญ่เกิดขึ้นภายในซากโบราณสถานแรกกำเนิด ผู้สืบทอดของนิกายยุคแรกกำเนิดที่เรียกว่า ‘เซียนโบราณ’ จะกรีธาทัพเข้าสู่ภพเซียน และส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ของภพเซียนอย่างแน่นอน

ท้ายที่สุด แม้ว่าทายาทของนิกายยุคแรกกำเนิดจะมีไม่มาก แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็น่าเกรงขามถึงขีดสุด และมันย่อมไม่ขาดตัวตนอย่างราชันเซียนที่น่าสะพรึงกลัว เมื่อกองกำลังดังกล่าวกรีธาทัพเข้าสู่ภพเซียน มันจะนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่สถานการณ์ในภพเซียนอย่างไม่ต้องสงสัย

ปัจจุบัน ราชันเซียนที่เป็นรู้จักกันดีในภพเซียนนั้น มีเพียงสี่คนเท่านั้น ในขณะที่นิกายยุคแรกกำเนิด ไม่ได้มีราชันเซียนเพียงคนเดียว

กลียุคของทั้งสามภพ!

การล่มสลายของซากโบราณสถานแรกกำเนิด!

นิกายยุคแรกกำเนิดเลือกภพเซียนเพื่อความอยู่รอด!

เฉินซีตะลึงงันกับข้อมูลที่เพิ่งได้รับ

ท้ายที่สุด เนื่องจากซากโบราณสถานแรกกำเนิดสามารถดำรงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน มันจึงต้องเผชิญกับภัยพิบัตินับไม่ถ้วน แต่เมื่อต้องเผชิญกับกลียุคของทั้งสามภพซากโบราณสถานนี้ก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ จึงสามารถอนุมานได้ว่าการทำลายล้างจากกลียุคนั้น ย่อมไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!

“ดูเหมือนเวลาบ่มเพาะของข้า จะยิ่งน้อยลงทุกที… เมื่อเผชิญกับความโกลาหลครั้งใหญ่ เทพและปราชญ์ก็เหมือนต้นหญ้า เซียนและปีศาจก็เหมือนมด ไม่มีใครสามารถหลีกหนีจากชะตากรรมได้ ตราบใดที่ข้าแข็งแกร่งขึ้น บางทีข้าอาจจะมีโอกาสรอด” เฉินซีเคยได้ยินเกี่ยวกับภัยพิบัติต่าง ๆ ที่ปะทุขึ้นในประวัติศาสตร์ ตัวอย่างเช่น ภัยพิบัติจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬและจักรพรรดิมด หรือภัยพิบัติจากเทพอสูรที่เกิดขึ้นเมื่อล้านปีก่อน…

ก่อนที่ภัยพิบัตินี้จะส่งผลกระทบต่อทั้งสามภพ คงไม่มีใครสามารถรอดพ้นได้ ทุกคนต้องทนทุกข์ทรมานกับภัยพิบัตินี้ ดังนั้นมีเพียงต้องแข็งแกร่งเท่านั้น จึงจะมีโอกาสรอด

สำหรับผู้ที่มีฝีมือต่ำต้อย ก็คงถูกฝังอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ และลบเลือนไปตามกาลเวลา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]