บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1324

สรุปบท บทที่ 1324 ดีใจไม่หยุด: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

บทที่ 1324 ดีใจไม่หยุด – ตอนที่ต้องอ่านของ บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

ตอนนี้ของ บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1324 ดีใจไม่หยุด จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 1324 ดีใจไม่หยุด

บทที่ 1324 ดีใจไม่หยุด

ทะเลอนันตรา

คลื่นอันน่าเกรงขามพัดคลั่งขึ้นท้องนภา ฟ้าดินเต็มไปด้วยสายฟ้าฟาด เมฆดำม้วนตัว สายฟ้าสว่างวาบพุ่งกรีดฟ้า ออกจะสลายลงมากลายเป็นแสงสีซีดน่ากลัว

ห้วงเวลาที่นี่ตกอยู่ในความโกลาหล แปรเปลี่ยนเป็นลมพายุกวาดไปทั่วฟ้า ก่อนจะพังทลายลงแล้วกลายเป็นรอยแยกแคบ ๆ สีดำอันหนาแน่น

เหตุการณ์นี้น่าหวาดกลัวเป็นยิ่งนัก!

หากเป็นเซียนทองคำที่เคลื่อนย้ายมิติได้ เซียนทองคำผู้นั้นก็คงไม่กล้าก้าวเข้ามาในสถานที่นี้ เพราะพายุห้วงมิติสามารถกลืนทุกสิ่งอย่างได้ภายในพริบตา

ที่นี่คือเขตเหนือสุดของภพเซียนทะเลวายุที่อยู่ติดกับเมืองอนันตรา

วิ้ง~

คลื่นความผันผวนบังเกิดขึ้น จากนั้นปรากฏสองเงาร่าง คือเตียนเตี้ยนกับเฉินซี

ตอนนี้ทั่วร่างเตียนเตี้ยนเต็มไปด้วยวงรัศมีดวงตามากมายนับไม่ถ้วน โอบล้อมทั้งร่างของนางและร่างของเฉินซีไปพร้อมกัน ทั้งสองยืนอยู่เหนือมหาสมุทรแสนอันตราย แต่กลับไร้ผลกระทบใด

“นี่น่ะหรือทะเลอนันตรา? น่ากลัวจริง…” เฉินซีกวาดตามองรอบกาย ในใจรู้สึกตกตะลึงยิ่ง

หลังจากสังหารผู้เฒ่าเกออวิ๋นแล้ว เตียนเตี้ยนก็พาเขาเคลื่อนมิติออกจากเมืองคนบาปมาที่นี่ จากที่เตียนเตี้ยนว่าไว้ หลังจากผ่านพื้นที่อันตรายนี้และผ่านกำแพงมิติไปได้แล้ว พวกเขาก็จะเดินทางถึงซากโบราณสถานแรกกำเนิดในตำนาน

“กฎแห่งเต๋าสวรรค์ที่นี่แตกสลาย เพราะไม่มีพลังพิภพคอยดึงมันเข้าด้วยกัน ทำให้ที่นี่มีสภาพการณ์รุนแรง แต่ไม่ต้องห่วง ข้าพาเจ้าผ่านไปย่อมไม่เกิดเรื่องอะไรแน่” พูดจบ ร่างก็หายแวบไปพาเฉินซีมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของทะเลอนันตรา

นางไม่ได้ใช้วิชาเคลื่อนมิติ เห็นได้ชัดว่าพายุห้วงมิติที่นี่รุนแรงเกินไป กระทั่งตัวตนขอบเขตราชันเซียนเช่นนางยังไม่กล้าประมาท

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

ยามเตียนเตี้ยนมุ่งหน้าต่อไปเรื่อย ๆ พายุและสายฟ้าอีกทั้งยังมีพายุห้วงมิติก็พุ่งเข้ามาตามทาง ซัดเข้ากับเกราะแสงที่คุ้มกายพวกเขาไว้ เกิดเป็นเสียงปะทะดังสะท้าน

ทว่าเฉินซีกลับไม่รู้สึกกังวลใจ เพราะเมื่อเกราะแสงโคจรพลัง ก็จะสามารถสลายการโจมตีที่ซัดเข้ามาได้ มันแกร่งเหมือนเหล็ก ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจทำอันตรายคนด้านในได้เลย

อีกทั้งดูจากท่าทางผ่อนคลายของเตียนเตี้ยนแล้ว สภาพแวดล้อมที่อันตรายเช่นนี้ดูไม่เป็นภัยต่อนางเลย

หลังจากผ่อนคลายลงแล้ว เฉินซีจึงนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แล้วถามขึ้นว่า “ใช่แล้ว เหตุใดเจ้าถึงไม่ลงมือกำจัดพวกคนชั่วในเมืองอนันตราไปเสียเลยเล่า?”

“ฆ่าไม่ได้หรอก” เตียนเตี้ยนอธิบายเสียงสบาย ๆ

จากที่นางว่ามานั้น เมืองคนบาปเป็นเหมือนคุกธรรมชาติ แม้จะไม่มีใครคอยเฝ้า แต่หากมีคนชั่วหนีเข้าไปแล้ว การจะหนีออกมาก็คงทำได้แค่ฝัน

เพราะนักล่าเซียนจะมาล่าพวกคนชั่วทุกวันในเขตรอบนอกเมืองอนันตรา กลายเป็นว่าพวกเขาทำหน้าที่เป็นเหมือนยามเฝ้าคุกไปโดยปริยาย

อีกทั้งเมืองอนันตราติดกับทะเลอนันตรา แต่กลับขาดทรัพยากรยิ่ง ดังนั้นหนทางรอดเดียวของพวกวายร้ายจึงเป็นการมุ่งหน้าไปยังทะเลอนันตราเพื่อหาทรัพยากรต่าง ๆ

แม้ว่าทะเลอนันตราจะอันตราย เข้าไปแล้วมีโอกาสรอดน้อย แต่ก็มีทรัพยากรอยู่มากจนคาดไม่ถึง ไม่ขาดดินแดนเร้นลับ โลกที่แตกสลาย และโลกรองที่ซ่อนเร้นอยู่ในมหาสมุทร

หนทางเดียวที่พวกคนชั่วจะเอาชีวิตรอดได้คือการเสี่ยงชีวิตไปหาทรัพยากรที่นั่น ซึ่งเป็นการช่วยเปิดเขตแดนใหม่ ๆ ให้กับภพเซียน

นี่ก็คือจุดมุ่งหมายเบื้องหลังของการมีอยู่ของเมืองคนบาป ทำทีราวกับว่าไม่ได้ไล่ล่าคนชั่วเหล่านั้นแล้ว แต่ก็เหมือนผลักตัวเองเข้าคุก อีกทั้งยังต้องใช้ชีวิตและเลือดเนื้อช่วยภพเซียนเปิดดินแดนเร้นลับและโลกที่ซ่อนอยู่ในทะเลอนันตราอีกต่างหาก

แน่นอนว่าหากต้องการทำลายเมืองคนบาป ขุมพลังทั้งหลายในภพเซียนย่อมทำได้ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ แต่หากทำเช่นนั้น นักโทษจากทั้งสี่พันเก้าร้อยทวีปในภพเซียนก็จะท่องไปทั่วแดน ในเมื่อไม่มีที่อยู่คุ้มกะลาหัว ย่อมต้องสร้างความเดือดร้อนให้ภพเซียนหนักกว่าเดิมแน่

เรื่องราวจึงเป็นเช่นนี้ เฉินซีพลันเข้าใจในที่สุด ได้แต่ถอนหายใจออกมา เขารู้ดีว่าคงกำจัดคนชั่วเหล่านั้นไปให้หมดไม่ได้ จะยับยั้งก็ไม่ได้ เพราะมีคนชั่วพวกใหม่เกิดขึ้นทุกวัน

แต่การมีอยู่ของเมืองคนบาปเป็นเหมือนสถานที่ไว้ให้คนพวกนั้นหนีไปอาศัยอยู่ได้ แต่ก็เป็นวิธีสุดยอดในการแก้ปัญหาเช่นกัน เป็นเมืองที่มีความหมายไม่ธรรมดาเลย

กรร!!!

ทันใดนั้น เสียงคำรามน่าตกใจก็ดังขึ้นจากที่ไกล ก้องกังวานไปทั่วทิศ สั่นสะเทือนไปจนเมฆดำบนท้องฟ้ากระจัดกระจาย

จากนั้นเฉินซีก็เห็นงูขนาดใหญ่ตัวยาวราวหมื่นจั้งอยู่บนผิวน้ำ มันพลันพุ่งขึ้นมาจากมหาสมุทรจนคลื่นกระจายเป็นชั้น ๆ!

ทั่วร่างเต็มไปด้วยเกล็ดสีดำหมึก มีหน้าเป็นมนุษย์ดูโหดเหี้ยม ดวงตาสีแดงเหมือนตะวันเดือด ปากโชกเลือดเปิดออกกว้าง ราวกับสามารถกลืนขุนเขาสูงตระหง่านลงไปได้ในคำเดียว อีกทั้งด้านหลังยังมีปีกสีโลหิตคู่หนึ่ง พวกมันขดอยู่ภายในพลังแห่งกฎซึ่งเผยกลิ่นอายทรงอำนาจออกมา ทันทีที่มันปรากฏตัวขึ้น ก็เหมือนมันเป็นราชันแห่งท้องสมุทร เป็นภาพที่น่าตกใจไม่ใช่น้อย

ไม่นาน สิ่งมีชีวิตดุร้ายจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นจากมหาสมุทรคลั่ง พวกมันมีหัวเป็นสิงห์ ร่างเป็นมังกร ตัวยาวหลายพันจั้ง ร่างกายเป็นสีเหลืองเหลือบน้ำตาล กระดูกสันหลังมีหนามคมประดับเรียงราย มองจากไกล ๆ ดูแล้วมีอสูรดุร้ายเหล่านี้อยู่มากกว่าพันตัว

ฝูงมังกรสิงห์!

พวกมันเองก็เป็นสายพันธุ์โบราณจากซากโบราณสถานแรกกำเนิดเช่นกัน แถมยังเป็นประเภทกระหายเลือด ในช่วงบรรพกาล ครั้งหนึ่งมีผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยเป็นมังกรสิงห์บรรลุเต๋ามาก่อน เขาน่าเกรงขามยิ่ง สามารถฉีกร่างเทพออกเป็นสองส่วนได้

“ฝูงมังกรสิงห์นี่ยังโตไม่พอ ความสามารถเท่ากับเซียนปราชญ์ แต่แก่นโลหิตในหัวใจพวกมันเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการกลั่นสมบัติอมตะระดับวีรบุรุษ เป็นเหมือนตัวเร่งผลในทางยา สามารถดึงเอาความไม่บริสุทธิ์ของสมบัติอมตะออกมาได้” เตียนเตี้ยนคอยชี้แนะเสียงสบาย ๆ

ต่อจากนั้น พวกมหาสมุทรก็เต็มไปด้วยสีเลือด โดยมีซากร่างมังกรสิงห์กองพะเนิน ส่วนแก่นโลหิตในหัวใจของพวกมันก็ถูกเก็บไปไหนขวดหยกสีขาวแล้ว

เห็นได้ชัดว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับราชันเซียนอย่างเตียนเตี้ยนผู้ไร้ความเกรงกลัวได้แล้ว ก็เหมือนชะตาถูกลิขิตไว้แล้วเช่นกัน

และก็เหมือนเคย เฉินซีได้แก่นโลหิตจากหัวใจมังกรสิงห์มาหนึ่งพันจิน ในภพเซียนนั้น จำนวนเท่านี้ก็สามารถนำไปแลกสมบัติอมตะระดับวีรบุรุษได้หลายชิ้นแล้ว

จึงทำให้เฉินซีได้แต่ถอนหายใจแรง ๆ ในสายตาผู้อื่น ทะเลอนันตราแห่งนี้เต็มไปด้วยอันตรายหลากหลายยิ่ง ทำให้พวกเขาไม่กล้าย่างกรายเข้ามา แต่ในสายตาของราชันเซียน ที่นี่ก็เหมือนขุมสมบัติที่เต็มไปด้วยโชคลาภมากหลาย การฉวยโอกาสหาโชคในที่นี้สักหน่อยไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย

สิ่งที่ทำให้เฉินซีรู้สึกว่าตนเองโชคดีมาก ตัดสินใจถูกแล้วที่เดินทางมาที่นี่!

พอเดินทางต่อมาเรื่อย ๆ พวกเขาก็พบกับสายพันธุ์โบราณจากยุคบรรพกาลมากมาย ทุกตัวล้วนแต่เป็นอสูรดุร้ายหายาก แต่ในสายตาเตียนเตี้ยนแล้ว พวกมันก็เหมือนสมุนไพรอมตะในสวนหลังบ้าน ถ้าเห็นว่ามีประโยชน์ต่อเฉินซีก็แค่ไปเก็บมา ถ้าเห็นว่าไร้ประโยชน์ก็ทิ้งไป

“หนังวัวกุยนี้เอาไปทำสมบัติอมตะประเภทกลองได้ ในสมัยบรรพกาล ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งเคยรวบรวมหนังวัวกุยเก้าพันเก้าร้อยชิ้นและนำมากลั่นเป็นสมบัติอมตะขั้นสุดยอด ซึ่งก็คือกลองเซียน ตีเพียงเบา ๆ ก็สะท้านไปถึงฟ้าดิน ทุกสิ่งอย่างในรัศมีไกลถึงล้านลี้เละเป็นผุยผง นับว่าทรงพลังมาก”

“นี่คือกระดูกของหยาหยู่ หยาหยู่เป็นลูกหลานของเทพบรรกาลมังกรอสรพิษ มีความสามารถคือกฎแห่งวารีและเพลิงแต่กำเนิด กระดูกต้นกำเนิดของมันสามารถนำไปทำเป็นสมบัติอมตะธาตุน้ำและไฟได้ นับว่าเป็นของเล่นที่ดีไม่ใช่น้อย”

“นี่คือสมุนไพรอมตะผูเหลา ตามข่าวลือคือมันเกิดขึ้นจากวิญญาณสัตว์เทวะบรรพกาลผูเหลา เสริมแกร่งพลังดวงใจได้ หาได้ยากยิ่ง ต้องเก็บมันไว้ให้ดี เพราะหากไร้พลังดวงใจขอบเขตทารกดวงใจแล้ว เจ้าก็ไม่สามารถขึ้นขอบเขตราชันเซียนได้เลย”

“นี่คือเส้นเอ็นของไป๋เจ๋อ…”

“นี่คือวิญญาณของมังกรปีศาจคำราม…”

ระหว่างทางนั้น เตียนเตี้ยนสังหารอสูรดุร้ายไปเรื่อย จำนวนวัตถุดิบเซียนล้ำค่าทั้งหลายที่เฉินซีได้มาจะยิ่งเพิ่มขึ้น ล้วนแต่เป็นสมบัติล้ำค่าหายากที่ต่อไปจะเป็นประโยชน์ต่อการบ่มเพาะพลังของเขาเป็นอย่างยิ่ง

เรื่องนี้จึงทำให้เฉินซีประหลาดใจไม่หยุด ถึงขั้นที่ภายหลังถึงกับชาไปเลย ช่วยไม่ได้นี่นะ มีสมบัติล้ำค่าอยู่มากมายจริง ๆ เขาเห็นแล้วมึนงงไปหมด ทำให้ตั้งสติไม่ได้อยู่นาน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]