บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1356

บทที่ 1356 วิญญาณมารโกลาหล

บทที่ 1356 วิญญาณมารโกลาหล

เหตุผลที่เฉินซีถามเช่นนี้ เป็นเพราะภายใต้การจ้องมองด้วยเนตรเทวะแห่งความจริง เขาสังเกตเห็นแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องประกายระยิบระยับอยู่ภายในหมอกโกลาหลได้อย่างชัดเจน

มันมีทั้งสีชาด สีน้ำเงินคราม สีเขียวเข้ม สีแดงเข้ม หรือแม้แต่สีส้ม… แสงศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ ประหนึ่งเทพธิดาที่กำลังเริงระบำอยู่ภายในหมอกโกลาหลซึ่งล่องลอยไปมาอย่างไร้กำหนด เป็นความงดงามที่พิเศษ

แต่เฉินซีก็ไม่กล้ายืนยันว่าดวงแสงเหล่านั้นคือผลวิญญาณเต๋าหรือไม่ เพราะพวกมันเป็นเปล่งประกายและเจิดจ้าเกินไป จนไม่สามารถเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของมันได้

สืออวี๋กำลังจะตอบ แต่ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง และตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ระวัง! อย่าขยับ!”

โครม!

ก่อนที่เสียงจะดังก้องไปในอากาศ ทันใดนั้นคลื่นพลังผันผวนก็ระเบิดขึ้นมาจากหมอกโกลาหลที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง พร้อมกับเสียงกัมปนาทที่ก้องกันวาน ลำแสงสีดำพุ่งเข้าใส่สื่ออวี๋อย่างดุเดือด!

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป และปฏิกิริยาของเฉินซีก็ไม่อาจตอบสนองได้ทันท่วงที นับประสาอะไรกับเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของผู้ที่โจมตี

ชิ้ง!

สืออวี๋ฟันกระบี่เทพลึกลับในมือออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งแฝงด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์อันไร้ขอบเขตขณะที่ปะทะกับลำแสงสีดำนั้นอย่างดุร้าย

ตู้ม!

คลื่นพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ขยายออกไป

สืออวี๋ยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่ขยับ ในขณะที่แสงสีดำเจิดจ้าถูกสะท้อนกลับไป จากนั้นมันก็หันพุ่งหายเข้าไปในหมอกโกลาหลและหายไปอย่างไร้ร่องรอย

สืออวี๋ไม่ได้ไล่ตามมัน เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของเฉินซี เขาเกรงว่าตนจะถูกล่อออกไป เปิดทางให้เฉินซีถูกทำร้ายแทน

“เมื่อครู่นี้คืออันใดกัน?” เฉินซีกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ เพราะเขาไม่คาดคิดว่าแม้แต่ที่ยอดของเทวาคารก็ยังไม่ปลอดภัยเช่นกัน

“วิญญาณมารโกลาหล วิญญาณที่มีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับราชันเซียน มันเกิดมาพร้อมกับผลวิญญาณเต๋า” สืออวี๋รีบอธิบายอย่างรวดเร็ว

ปรากฏว่าวิญญาณมารโกลาหลเหล่านี้ เป็นสิ่งมีชีวิตที่คอยปกป้องผลวิญญาณเต๋า พวกมันไม่มีสติปัญญามากนัก เมื่อใดที่พวกมันสังเกตเห็นว่ามีใครคิดหมายปองผลวิญญาณเต๋า พวกมันจะฆ่าคนผู้นั้นด้วยทุกวิถีทาง

เนื่องจากวิญญาณเหล่านี้เกิดมาพร้อมกับผลวิญญาณเต๋า พวกมันจึงมีความแข็งแกร่งเทียบได้กับขอบเขตราชันเซียน และหากใครไม่จัดการกับพวกมันอย่างระมัดระวัง ก็อาจถูกพวกมันฆ่าตาย และร่างกายก็จะถูกช่วงชิงจนคนผู้นั้นกลายเป็นหุ่นเชิดมาร!

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งครั้ง ผู้เยี่ยมยุทธ์เหล่านี้ไม่ระมัดระวังในขณะที่ค้นหาผลวิญญาณเต๋า และร่างกายถูกแย่งชิงโดยวิญญาณมารโกลาหล ทำให้พวกเขากลายเป็นหุ่นเชิดมาร ที่มนุษย์ไม่ใช่ สัตว์ประหลาดก็ไม่เชิง

“หุ่นเชิดมาร?” เฉินซีรู้สึกตะลึง

“ใช่ มันไม่ต่างจากการบังคับฉกชิงร่างของผู้อื่น หลังจากที่วิญญาณมารโกลาหลยึดครองร่างของราชันเซียนจนกลายเป็นหุ่นเชิดมาร พวกมันจะสามารถดูดซับผลวิญญาณเต๋าและกลายเป็นเทพ!” สืออวี๋กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ

“ตัวที่เรียกว่าหุ่นเชิดมารซึ่งกลายมาเป็นเทพจึงถูกเรียกว่าเทพมาร แม้ว่าพวกมันจะเทียบไม่ได้กับเทพมารที่ถือกำเนิดจากความโกลาหลในยุคแรกเริ่มของโลก แต่ความแข็งแกร่งของพวกมันก็ไม่ต่างจากเทพ”

จากคำอธิบายของสืออวี๋ เฉินซีเข้าใจได้ทันทีว่า วิญญาณมารโกลาหลนั้นน่ากลัวเพียงใด พวกมันยึดร่างของราชันเซียน ดูดซับผลวิญญาณเต๋า และบรรลุเต๋าจนกลายเป็นเทพมารที่สามารถประชันกับเทพได้!

“เช่นนั้น แม่นางหลีและคนอื่น ๆ จะไม่ตกอยู่ในอันตรายหรือ?” หัวใจของเฉินซีตึงเครียดและกล่าวด้วยความกังวล

“อย่าลืมว่าวิญญาณมารโกลาหลเหล่านี้ไร้สติปัญญาโดยสิ้นเชิง มิฉะนั้นพวกมันคงไม่ต้องยึดร่างของราชันเซียนเสียก่อน จึงจะสามารถดูดซับผลวิญญาณเต๋าได้” สืออวี๋ยิ้ม และใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ “ตราบใดที่เจ้าระมัดระวัง เมื่อรับมือกับไอ้พวกโง่เหล่านี้ ย่อมไม่มีทางที่เหตุร้ายเกิดขึ้น เว้นแต่…”

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะถาม “เว้นแต่อะไร?”

“เว้นแต่เจ้าจะเป็นคนโง่เช่นกัน” สืออวี๋หัวเราะลั่น

เฉินซีถึงกับกล่าวไม่ออก จากนั้นก็ตระหนักถึงบางสิ่ง จึงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว “พี่ใหญ่สืออวี๋ ผลวิญญาณเต๋าทุกผลมีวิญญาณมารโกลาหลคอยปกป้องอยู่หรือไม่?”

สืออวี๋กล่าวอย่างสบาย ๆ “แน่นอน”

เฉินซีตะลึงในใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ และครุ่นคิดในใจว่า ถ้าแสงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่ข้าเห็นก่อนหน้านี้เป็นผลวิญญาณเต๋า นั่นไม่ได้หมายความว่ามีวิญญาณมารโกลาหลในจำนวนที่เท่ากันบนเทวาคารหรอกหรือ?

“อ๊าก!!!! ช่วยข้าด้วย! สหายเต๋าช่วยข้าด้วย!” ในขณะนี้ เสียงร่ำร้องของความหวาดกลัวและความตกใจก็ดังออกมาจากภายในหมอกโกลาหล

มันเป็นเสียงของผางตู่!

สืออวี๋เผยสีหน้าตกตะลึงขณะที่จ้องมองไกลออกไป หลังจากนั้น เขาสังเกตเห็นว่ามีร่างหนึ่งกำลังทะลวงผ่านหมอกโกลาหล และพยายามดิ้นรนหลบหนีมาทางนี้

เนื่องจากหมอกโกลาหลนั้นเต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ จึงทำให้ผางตู่ราวกับกำลังพุ่งผ่านบึงโคลน ซึ่งส่งผลต่อความเร็วอย่างมาก ทั้งยังไม่สามารถทะยานผ่านห้วงมิติ ทำได้เพียงมุ่งไปข้างหน้าทีละก้าวเท่านั้น

มีดวงแสงสีดำสนิทห้าดวงกำลังไล่ตามผางตู่จากทางด้านหลัง!

ณ เวลานี้ ในที่สุดเฉินซีก็มองเห็นรูปลักษณ์ของดวงแสงสีดำสนิทเหล่านั้นอย่างชัดเจน แม้พวกมันจะดูเหมือนโปร่งแสง แต่ร่างกายของพวกมันถูกห่อหุ้มด้วยกลิ่นอายแห่งความโกลาหล ทำให้สังเกตได้ยาก

ชิ้ง!

กระบี่เทพลึกลับในมือของสืออวี๋ส่งเสียงคำราม ในขณะที่เขายืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับเขยื้อน และฟันกระบี่ออกไปทางข้างหน้า เจตจำนงกระบี่พุ่งทะยานไปตามผืนฟ้า ซึ่งสว่างไสวอย่างไร้ขอบเขตและเปี่ยมล้นด้วยพลังของราชันเซียน

ตู้ม!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]