บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1366

บทที่ 1366 เสือผู้หญิง

บทที่ 1366 เสือผู้หญิง

ทวีปรัตติกาล

เมืองสารท

ทั่วทั้งเมืองเต็มไปด้วยต้นเฟิงเก่าแก่ ใบเฟิงมีสีแดงเพลิงสดใสเหมือนหมู่เมฆยามอัสดง เป็นทิวทัศน์งดงามน่าดูชม

ภายในภัตตาคารทรงโบราณแห่งหนึ่ง

เฉินซี มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ และเตียนเตี้ยนนั่งอยู่ริมหน้าต่างบนภัตตาคารสูง มองเห็นใบเฟิงสีแดงเต็มสายตา ราวกับยามอาทิตย์อัสดง เป็นภาพที่งดงามตระการตายิ่ง

เดิมทีตามแผนของเฉินซีแล้ว เขาตั้งใจจะมุ่งหน้ากลับสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าเลย ทว่าระหว่างทางมาที่นี่ เตียนเตี้ยนที่บาดเจ็บหนักจนไม่ได้สติพลันฟื้นขึ้นมา หลังคุยกันเล็กน้อยแล้ว พวกเขาจึงเปลี่ยนเส้นทางไปทวีปรัตติกาลแทน

เตียนเตี้ยนมีฉายาว่าราชันเซียนรัตติกาล ฉะนั้นทวีปรัตติกาลย่อมเป็นเขตแดนของนาง

เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ก็อยากออกไปตามหาอาจารย์ของตน นักพรตเต๋าเซวี่ย และคนอื่น ๆ ทว่าเฉินซีกลับขอให้มายังภัตตาคารเพื่อกินมื้ออาหารสั่งลากันเสียก่อน

“ไม่ต้องห่วง ข้าหาอาจารย์และคนอื่นพบเมื่อไหร่ ข้าจะส่งข่าวมาบอก” มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ยกจอกเหล้าขึ้นดื่มแล้วลุกขึ้น “ไม่มีเวลาแล้ว ข้าขอตัวก่อน”

เฉินซีรู้ว่ามหาปราชญ์ย่ำสวรรค์เป็นห่วงความปลอดภัยนิกายตน จึงไม่ได้หยุดยั้ง รีบลุกขึ้นยืนส่งเขาทันที

“เจ้าเป็นอะไร?” เมื่อเฉินซีกลับมาก็สังเกตเห็นเตียนเตี้ยนกำลังใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่าง บรรยากาศดูเปราะบางยิ่ง

ถึงตอนนี้จะตื่นขึ้นมาแล้ว แต่เพราะบาดแผลยังสาหัสนัก นางจึงได้แต่คงสติไว้ จากที่เฉินซีเดา ราชันเซียนคนใดก็คงสามารถเอาชีวิตเตียนเตี้ยนตอนนี้ได้อย่างง่ายดาย

แต่แน่นอนว่า ไม่ว่าเตียนเตี้ยนจะอ่อนแอถึงเพียงใด แต่ด้วยกฎแห่งราชันเซียนที่นางมี ผู้ที่มีพลังบ่มเพาะต่ำกว่าคงไม่อาจต่อกรกับนางได้

“ข้าไม่เป็นไร” เตียนเตี้ยนยิ้ม นัยน์ตาสีดำกระจ่างใสยังคงทอดสายตามองไปไกล แล้วพึมพำออกมา “ข้าไม่ได้มาเมืองสารทนานมากแล้ว จำได้ว่าสมัยยังเด็กที่นี่เคยเป็นป่าต้นเฟิง มีเพียงกระท่อมไม่กี่หลังเท่านั้น ข้าเติบโตมาที่นี่…” น้ำเสียงนางไพเราะรื่นหู เคล้าแววระลึกย้อนถึงอดีต

นางสวมชุดสีม่วงอ่อน ปล่อยผมยาวสลวยให้ทิ้งตัวลงมาดั่งน้ำตก นัยน์ตากระจ่างดูฉ่ำน้ำเล็กน้อย ผิวหน้าเนียนดั่งหยกขาวดูงดงามจรรโลงใจ ทั่วร่างปลดปล่อยกลิ่นอายความเกียจคร้านเปราะบางออกมา เป็นความงามเฉพาะตัวรูปแบบหนึ่ง

ตอนนี้นางไม่ดูเหมือนราชันเซียนผู้อยู่เหนือใต้หล้าแล้ว ดูเหมือนแม่นางน้อยผู้อ่อนโยนคนหนึ่งที่กำลังรำลึกถึงอดีตมากกว่า

เฉินซีนั่งลงที่อีกฝั่งหนึ่งแล้วตกอยู่ในภวังค์เช่นกัน

เขาเพิ่งรู้ว่าเมืองสารทเป็นบ้านเกิดที่เติบโตมาของเตียนเตี้ยน

“ข้าเติบโตมาในภพมนุษย์ บ้านเกิดอยู่ในแคว้นแห่งหนึ่งในโลกเล็ก ๆ ใบนั้น มีชื่อว่าเมืองหมอกสน ในเมืองเต็มไปด้วยต้นสนโบราณ พอมืดเมื่อไหร่ทั้งเมืองก็จะถูกปกคลุมไปด้วยหมอกใบสน…” เฉินซียิ้มเอ่ย ในบรรยากาศเงียบสงบเช่นนี้ ทำให้เขานึกย้อนถึงอดีตของตนเองเช่นกัน

“อ้อ? หากมีโอกาสข้าก็อยากไปชมบ้าง” เตียนเตี้ยนเหลือบมองเฉินซีแล้วคลี่ยิ้ม

“ยินดีเสมอ” เฉินซีส่งยิ้มบางให้

เป็นตอนนั้นเองที่ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมมาจากทางบันได

ที่มาพร้อมกับเสียงนั้นคือกลุ่มคนที่เดินเข้ามาภายในภัตตาคาร ชายหนุ่มในชุดปักเดินนำกลุ่มนั้นมา เขาสวมชุดดูหรูหรา มีใบหน้าหล่อเหลา ที่มุมปากปรากฏรอยยิ้มเย่อหยิ่งจองหอง

มีแม่นางน้อยใหญ่รายล้อมเหมือนฝูงนกขมิ้น แม่นางแต่ละคนก็มีลักษณะเฉพาะตัวไป นับดูแล้วมากกว่าสิบคน

นอกจากนั้น ข้างกายยังมีเหล่าข้ารับใช้อีกหลายคนติดตามมา ตัวใหญ่ท่าทางมีความสามารถ โดยเฉพาะสองคนที่อยู่ด้านหน้า ถึงขนาดมีพลังบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตเซียนปราชญ์!

คนกลุ่มนี้เดินเข้ามาภายในภัตตาคารด้วยท่าทางน่าเกรงขาม ท่าทีหยิ่งผยอง ทำให้ลูกค้าภายในภัตตาคารหลายคนส่งเสียงลือลั่น

“ ราชันเซียนน้อยแห่งตำหนักราชันเซียน ลู่ชิวเยี่ย!”

“ไม่แปลกที่จะทำท่าทีเช่นนั้น เป็นราชันเซียนน้อยเจ้าของฉายา ‘เสือผู้หญิง’ นี่เอง”

“ได้ยินว่า ราชันเซียนน้อย มีสาวงามถึงสามพันนาง มีความสัมพันธ์รักใคร่ไปทั่วใต้หล้า ไม่รู้ว่าเป็นความจริงหรือไม่”

“ก็ต้องเป็นความจริง บิดาของเขา ลู่ชิวปิน เป็นผู้ครองตำหนักราชันเซียนแห่งทวีปรัตติกาล หนึ่งในสิบท่านโหวแห่งศาลเซียน เจ้าของตำแหน่งโหวไร้พันธนาการ ทำให้เขามีอำนาจสูงมาก อีกทั้งบิดาเองก็เอ็นดูราชันเซียนน้อยคนนี้มากเช่นกัน”

ผู้คนพูดคุยกันเสียงไม่เบานัก สายตาที่มองชายหนุ่มในชุดลายปักเป็นไปด้วยความเคารพนับถือและความชื่นชม

เฉินซีกับเตียนเตี้ยนมุ่นคิ้วขึ้นพร้อมกัน เพราะบรรยากาศเงียบสงบถูกขัดจังหวะไปเช่นนี้ ย่อมทำให้พวกเขาไม่พอใจ

“เป็นเด็กบัดซบคนหนึ่ง สันดานบ้าตัณหา ขนาดข้าเองยังเคยได้ยินเรื่องฉาวที่เขากระทำ หากไม่ใช่เพราะไว้หน้าบิดาเขา ข้าคงจัดการให้พิการไปนานแล้ว” เตียนเตี้ยนมุ่ยปากเอ่ยเสียงเบา

เฉินซีไม่รู้จะพูดอะไร ในเมื่อเตียนเตี้ยนว่ามาเช่นนั้น ก็เห็นได้ชัดว่า ‘เสือผู้หญิง’ ผู้นี้บ้าตัณหาขนาดไหน แต่ในความคิดเขา การที่บ้าตัณหาไม่ใช่สิ่งที่ดีในเรื่องรัก ทว่าเป็นสิ่งโสมม

“สหายเต๋า ขออภัยด้วย แต่ภัตตาคารชั้นนี้ ราชันเซียนน้อยผู้นี้ได้จองเอาไว้แล้ว ได้โปรดไว้หน้าพวกเราแล้วรีบออกไปเสียเถอะ” ข้ารับใช้วัยกลางคนเอ่ยเสียงทุ้ม หมายจะกวาดคนออกจากร้าน เพื่อให้ราชันเซียนน้อยและแม่นางทั้งหลายของเขาได้มีความสุขกันอย่างเป็นส่วนตัว

พูดจบ คนส่วนมากก็ไม่เห็นว่าเป็นอะไร เพราะรู้จักนิสัยราชันเซียนน้อยผู้นี้ดี พวกเขาจึงออกไปทันที แต่ก็มีบางคนที่รู้สึกไม่พอใจ แต่เพราะอิทธิพลและอำนาจของราชันเซียนน้อยผู้นี้ จึงได้แต่ระงับความไม่พอใจนั้นไว้แล้วจากไปแต่โดยดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]