บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1367

สรุปบท บทที่ 1367 ผู้น้อยอวดดี: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

ตอน บทที่ 1367 ผู้น้อยอวดดี จาก บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1367 ผู้น้อยอวดดี คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ที่เขียนโดย novelones เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 1367 ผู้น้อยอวดดี

บทที่ 1367 ผู้น้อยอวดดี

ลู่ชิวเยี่ยไม่ใช่คนโง่และคนอื่น ๆ ก็เช่นกัน

ทว่าเหตุผลที่พวกเขากล้าที่จะทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ เพราะได้รับการสนับสนุนจากราชันเซียนแห่งทวีปรัตติกาล ลู่ชิวปิน และไม่เคยคิดเลยว่า สตรีผู้มีท่าทางบอบบางอ่อนแอคนนี้… จะเป็นราชันเซียนรัตติกาล

ท้ายที่สุดแล้ว เป็นเพราะอาการบาดเจ็บของเตียนเตี้ยนนั้นรุนแรงเกินไป และกังวลว่าตัวตนของนางจะถูกเปิดเผย ดังนั้นนางจึงจงใจปกปิดรัศมีอันสง่างามของตน ส่วนเฉินซี เขาก็เป็นเพียงเซียนปราชญ์เท่านั้น

ในทางกลับกัน ราชันเซียนน้อยที่มีผู้ติดตามขอบเขตเซียนปราชญ์สองคนอยู่ข้างเคียง อีกฝ่ายจึงย่อมไม่ใส่ใจทั้งสองคนอย่างจริงจังอยู่แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่คือทวีปรัตติกาล และด้วยฐานะของบิดา ราชันเซียนน้อยผู้นี้จึงมีเส้นสายที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นแม้จะก่อปัญหา แต่ก็ยังมีคนกระโจนออกมาตามเก็บกวาดเรื่องยุ่งเหยิงที่เขาก่ออยู่ดี นั่นคือเหตุผลที่เขามีนิสัยหยิ่งยโส เจ้ายศ และผยองเช่นนี้

เมื่อเผชิญกับการจ้องมองอย่างคุกคามนี้ เฉินซีเพียงไหวไหล่และพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าคิดว่าหากพวกเจ้าทุกคนยังไม่หลีกทาง ผลที่ตามมาก็คงจะนับเป็นสิ่งเกินจินตนาการได้แล้ว”

น้ำเสียงราบเรียบแฝงการเยาะเย้ย ทำให้ใบหน้าของลู่ชิวเยี่ยและคนอื่น ๆ มืดลงไปทันที เด็กคนนี้คงเหนื่อยกับการมีชีวิตอยู่มากสินะ ถึงได้กล้าที่จะคุกคามพวกเขาเช่นนี้!

“ดูเหมือนสหายผู้นี้ ไม่กล้าคิดที่จะเผชิญหน้ากับนายน้อยคนนี้เสียแล้ว?” ลู่ชิวเยี่ยหัวเราะเสียงเย็นในขณะที่ส่งสายตาให้ผู้ติดตามที่อยู่ข้าง ๆ

“ไอ้ตัวบัดซบไม่รู้ที่ต่ำที่สูง! รีบไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ!” ลูกน้องเข้าใจเจตนาของลู่ชิวเยี่ยทันที พลางเผยรอยยิ้มดุร้าย พร้อมเหยียดแขนออก นิ้วมืองอเล็กน้อยขณะหวดฉีกผ่านช่องว่างแล้วคว้าลำคอของเฉินซีอย่างรวดเร็ว

การคว้าครั้งนี้มีแรงมหาศาลและรวดเร็วราวกับสายฟ้า นอกจากนี้ นิ้วทั้งห้ายังเต็มไปด้วยพลังแห่งกฎที่แข็งแกร่ง แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเซียนปราชญ์ผู้นี้อย่างชัดเจน

เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนต่างจ้องมองเฉินซีด้วยความสงสาร พวกเขารู้ดีว่าผู้ติดตามคนนี้ลงมือได้โหดเหี้ยมเพียงใด อีกฝ่ายเป็นถึงแม่ทัพที่น่าเกรงขามภายใต้บังคับบัญชาของตำหนักราชันเซียน ผู้ถูกเรียกว่า หยู่เหวินตง ซึ่งโหวไร้พันธนาการลู่ชิวปิน ชื่นชมความสามารถของคนผู้นี้อย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น ตราบใดที่ได้เผชิญหน้ากับหยู่เหวินตง เหยื่อของเขาก็ล้วนแต่ถูกทำให้พิการหรือโดนสังหารทิ้งอย่างไม่มีข้อยกเว้น

ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าดูเหมือนจะอยู่ที่ขอบเขตเซียนปราชญ์ ซึ่งมากพอให้ภาคภูมิใจแล้วสำหรับคนธรรมดาทั่วไป ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหยู่เหวินตงผู้มีประสบการณ์การต่อสู้นองเลือดนับไม่ถ้วน มันก็ไม่มีค่าอะไรเลย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพวกเขาเห็นเฉินซีนิ่งไม่ขยับราวกับกลัวจนตัวแข็งทื่อเมื่อเผชิญกับการโจมตีครั้งนี้ ทุกคนก็ดูถูกเหยียดหยามเฉินซีมากยิ่งขึ้น สหายน้อยผู้นี้ดูน่าประทับใจ แต่จริง ๆ กลับเป็นเพียงขยะขี้ขลาด!

เฉินซีไม่ขยับ และยังคงรักษาท่าทาง ปล่อยให้เตียนเตี้ยนจับแขนไว้อย่างนั้น มีเพียงมือขวาที่สะบัดออกไปในอากาศอย่างเรียบง่าย

ปัง!

เสียงดังก้อง แทงทะลุบริเวณโดยรอบราวกับฟ้าร้อง

เฉินซียืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับไหว สงบนิ่งไร้กังวล

กลับเป็นหยู่เหวินตงที่ซวนเซถอยไปหลายก้าว ใบหน้าขาวซีดขึ้นทุกขณะ และเมื่อถอยไปถึงก้าวที่เก้า สีหน้าของเขาก็ซีดเซียวอย่างน่าสยดสยอง หน้าอกสั่นกระเพื่อมก่อนจะอ้าปากและกระอักเลือดออกมา ก่อนที่กลิ่นอายของเขาจะอ่อนลงในทันที

ผู้เฝ้ามองต่างพากันตกตะลึง รูม่านตาขยายออก ร่องรอยความดูถูกและสมเพชที่มุมปากแข็งค้าง ทำหน้าราวกับเห็นผีก็ไม่ปาน

ฉากนี้เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดและทำให้พวกเขาประหลาดใจเกินไป ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนเลยว่าหยู่เหวินตงที่น่าเกรงขาม ดุร้าย ไร้ความปรานีผู้นั้น จะได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว

ขวับ!

มีคนปฏิเสธที่จะเชื่อในเรื่องนี้ และกระโจนขึ้นไปในอากาศก่อนที่จะชกหมัดใส่หัวของเฉินซีอย่างรวดเร็ว หมัดนั้นรุนแรงราวกับมังกรคำราม และเต็มไปด้วยพลังแห่งกฎอันน่าสะพรึงกลัว

นี่คือเซียนปราชญ์อีกคนในกลุ่มผู้ติดตามของลู่ชิวเยี่ย เขาถูกเรียกว่าหยู่เหวินเป่ย เป็นน้องชายของหยู่เหวินตง ทั้งสองแข็งแกร่งพอ ๆ กัน ทั้งยังโหดเหี้ยมและเด็ดขาดไม่แพ้กัน

“เจ้าประเมินความแข็งแกร่งของตัวเองสูงเกินไป” คราวนี้เฉินซีทำตัวสบาย ๆ มากกว่าเดิม ชายหนุ่มสะบัดแขนเสื้อ ปราณเซียนพิสุทธิ์ส่งเสียงดังก้องขณะที่มันพัดกวาดออกไปราวกับคลื่นพายุ และส่งหยู่เหวินเป่ยให้กระเด็นไปปะทะกำแพงอาคารอย่างแรง จากนั้นก็ร่วงลงที่ด้านนอกร้านอาหารด้วยเสียงดังสนั่น

ฉากที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก

พวกเขาอ้าปากค้าง ขณะที่จ้องมองเฉินซีราวกับว่ากำลังมองสัตว์ประหลาด ยิ่งไปกว่านั้น หัวใจยังรู้สึกถึงความหนาวเหน็บและสะพรึงกลัว

สหายผู้นี้คือใครกันแน่?

ผู้ที่สามารถเอาชนะพี่น้องหยู่เหวินได้อย่างง่ายดายนั้น ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน!

“ไม่เลว แต่ก็ยังโหดเหี้ยมไม่พอ เจ้าควรจะฆ่าพวกเขาเสีย” เตียนเตี้ยนยิ้มขณะที่พูดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงัด ตั้งแต่ต้นจนจบ นางพิงไหล่ของเฉินซีรอราวกับได้คาดไว้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น

และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ

แม้ว่าพี่น้องหยู่เหวินจะเป็นเซียนปราชญ์ แต่พวกเขาไม่ได้หลอมรวมเต๋า และสร้างกฎปราชญ์เต๋าขึ้นมา ดังนั้นแม้ว่าพลังจะน่าเกรงขาม แต่พวกเขาก็ไม่อาจนับเป็นคู่ต่อสู้ของเฉินซีได้

ท้ายที่สุด แม้ว่าเฉินซีจะเพิ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนปราชญ์เมื่อไม่นานมานี้ แต่ด้วยความช่วยเหลือของชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก ชายหนุ่มจึงเชี่ยวชาญกฎแห่งเซียนทองคำทั้งหมดที่ตนครอบครองได้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปราณเซียนของเขานั้นหนาแน่นกว่าคนอื่น ๆ เป็นร้อยเท่า แน่นอนว่าการจัดการกับพี่น้องสองคนนี้ …มันก็ถือเป็นเรื่องง่ายดายมาก

เมื่อได้ยินการล้อเลียนของเตียนเตี้ยน เฉินซีก็ตกใจและอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น “ข้าไม่โหดเหี้ยมพอหรือ? เช่นนั้นข้าควรจะสังหารพวกเขาทั้งหมดหรือไม่?”

เตียนเตี้ยนพูดอย่างจริงจัง “มันควรจะเป็นเช่นนั้น”

เมื่อคนอื่น ๆ ได้ยินทั้งสองคนคุยกันเรื่องชะตากรรมของตนอย่างไม่เกรงกลัว พวกของลู่ชิวเยี่ยต่างหน้าเปลี่ยนสี ทั้งรู้สึกหวาดกลัวและโกรธแค้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แม่นางน้อยของลู่ชิวเยี่ย พวกนางกลัวจนใบหน้าซีดขาว ตัวสั่นไม่หยุด

เฉินซีพูดไม่ออก และในที่สุดก็เข้าใจความตั้งใจของเตียนเตี้ยน

หลังจากที่พวกเขาพูดจบ ทั้งสองก็ตั้งใจจะจากไป ทว่าทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังก้องออกมา “ฮึ่ม! ขอข้าดูหน่อยสิว่าใครกันกล้ารังแกหลานชายแสนดีของข้า!”

เสียงดังกล่าวสะท้อนก้องอยู่ในอากาศ ชายชรารูปร่างแข็งแรงได้โผล่ออกมาจากความว่างเปล่า และปรากฏตัวขึ้นภายในภัตตาคาร เขามีเคราและผมหนา ดวงตาดุร้ายราวกับสายฟ้า ร่างกายเปล่งรัศมีอันทรงพลังที่สูงตระหง่านราวกับขุนเขาและกว้างใหญ่ดุจมหาสมุทร ส่วนระดับการบ่มเพาะนั้นช่างน่าประทับใจ เขาอยู่ในขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น!

“ท่านลุงจูหมิง! มาได้ทันเวลาพอดี เจ้าสองคนนี้มันทำให้ข้าต้องอับอายและทำให้คนของท่านพ่อได้รับบาดเจ็บสาหัส!”

เมื่อเห็นชายชราผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ ลู่ชิวเยี่ยที่ถูกทุบตีจนใบหน้าบวมปูดแก้มแดงก่ำ และนั่งเศร้าโศกอยู่บนพื้นก็ฟื้นคืนความกล้ากลับมา ก่อนจะร้องขึ้นด้วยความดีใจ

เฉินซีและเตียนเตี้ยนมองหน้ากัน ทั้งคู่แสดงท่าทีแปลกประหลาดเล็กน้อย เพราะพวกเขาไม่คิดว่าจะมีสหายชราปรากฏตัวขึ้นมาจริง ๆ

“หลานชายที่รักของข้า ใจเย็น ๆ ก่อนเถิด ตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไม่ยอมให้ใครกลั่นแกล้งเจ้าได้เด็ดขาด!”

จูหมิงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและเด็ดเดี่ยว หลังจากนั้นเขาก็หันกลับไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะตวัดสายตาไปทางเฉินซีราวกับสายฟ้า “สหายเต๋า ข้าสงสัยนักว่าหลานชายของข้าผู้นี้ ไปทำสิ่งใดให้เจ้าขุ่นเคืองหรือ… หืม?”

ในตอนท้ายของคำพูด ดวงตาก็เพ่งความสนใจไปที่เตียนเตี้ยนและชะงักค้าง ราวกับจำอะไรบางอย่างได้ แต่ก็ยังไม่กล้ายืนยัน คิ้วจึงขมวดหากันแน่นในทันที

“ท่านลุงจูหมิง เหตุใดจึงต้องเสียเวลาพูดเรื่องไร้สาระกับพวกมันด้วย? ฆ่าเจ้าเด็กนั่นเร็วเข้า!”

เมื่อมีจูหมิงให้พึ่งพา ลู่ชิวเยี่ยก็กลับมามีทัศนคติแบบเดิม เขากุมหน้าบวม ๆ ของตน พลางตะโกนอย่างขุ่นเคือง “ส่วนสาวน้อยคนนี้ โปรดอย่าทำร้ายนาง นายน้อยคนนี้ไม่เชื่อว่า…”

ปัง!

ก่อนที่เขาจะพูดจบ เฉินซีก็เค้นเสียงเย็น พลังกาลอวกาศที่ไร้รูปร่างได้ควบแน่นขึ้นในอากาศบาง ๆ เหมือนกับมือที่มองไม่เห็น ตบลู่ชิวเยี่ยให้ลอยกระเด็นออกไป

ฉากนี้เกิดขึ้นเร็วมากจนจูหมิงไม่สามารถช่วยเหลือลู่ชิวเยี่ยได้ทันเวลา เมื่อเขาตอบสนอง ลู่ชิวเยี่ยก็ถูกโจมตีอย่างหนักจนกระอักเลือด พร้อมกับฟันหลายซี่ที่หลุดกระเด็นออกมาแล้ว

ผลคือลู่ชิวเยี่ยส่งเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูป่าที่ถูกเฉือด ทำให้ทุกคนที่อยู่ใกล้เคียงตกใจอ้าปากค้างจนแทบลืมหายใจ

เพราะนี่คือพลังของกฎแห่งมิติขั้นสูงสุด ที่แม้แต่ตัวตนระดับราชันเซียนครึ่งขั้นอย่างจูหมิงก็ไม่เคยคิดเลยว่า เซียนปราชญ์ผู้หนึ่งจะสามารถเชี่ยวชาญพลังดังกล่าวได้ มันจึงทำให้เขาประหลาดใจจนไม่ทันระวังตัว

“เด็กน้อย เจ้าช่างอวดดีจริง ๆ!” ใบหน้าของจูหมิงมืดลงและไม่น่าดูอย่างยิ่ง เพราะเด็กที่อยู่ตรงหน้าถึงกับกล้าโจมตีลู่ชิวเยี่ยต่อหน้าเขา นี่นับเป็นการดูถูกศักดิ์ศรีอย่างยิ่ง!

ขณะที่พูดและกำลังจะเคลื่อนไหว ทันใดนั้นคลื่นพลังที่น่าสะพรึงกลัวก็พัดมาจากด้านนอกภัตตาคาร ราวกับเมฆดำที่กดทับลงมาปกคลุมเมือง ลุกลามไปทั่วร้านอาหาร

สิ่งนี้… ทำให้สีหน้าของจูหมิงเปลี่ยนไปทันที!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]