บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1385

บทที่ 1385 ทะลวงข้อจำกัด

บทที่ 1385 ทะลวงข้อจำกัด

กองทัพที่น่าเกรงขามก่อตัวขึ้นเป็นมวลหนาแน่นซึ่งปกคลุมไปทั้งฟ้าดินราวคลื่นยักษ์ พวกมันเต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาลที่ชวนให้ผวาหวาด

ร่างของหลิงชิงอู๋ลอยอยู่กลางอากาศอย่างเด็ดเดี่ยวขณะที่เคลื่อนตัวผ่านกองทัพอันกว้างใหญ่นั้น รัศมีศักดิ์สิทธิ์เปล่งประกายจากเรือนกายของนางราวกับสตรีผู้ทรงพลังเกินว่าใครจะหยุดยั้ง

ในยามนี้ นางหาได้เหมือนคนที่กำลังต่อสู้ไม่ หากแต่คล้ายคนที่กำลังเดินทอดน่องในสวนอย่างเกียจคร้าน ทุกที่ที่นางเยื้องย่าง เลือดจะพลันสาดกระเซ็นพร้อมกับกองศพที่สูงพะเนิน ราวกับกำลังสร้างเส้นทางที่เต็มไปด้วยซากศพและเลือดเนื้อด้วยการย่างก้าวเพียงเท่านั้น

ช่างเป็นเหตุการณ์ที่น่าประหลาดใจยิ่ง

ละอองเลือดแดงฉานอาบไล้ทั้งฟ้าดินเช่นเดียวกับรัศมีแห่งความดุร้ายที่กระจายไปโดยรอบ ทว่าหลิงชิงอู๋ยังคงเป็นเหมือนดอกบัวแห่งความโกลาหล บริสุทธิ์ไร้ซึ่งมลทินจากเลือดและสิ่งโสมมทั้งปวง มีเพียงความงดงามอย่างเหนือชั้นเท่านั้นที่โอบล้อมรอบกายของนาง

เมื่อเฉินซีและเยี่ยถังมาถึง พวกเขาทันได้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวพอดี ทั้งสองสบตากันด้วยความเข้าใจโดยที่ไม่ต้องพูดด้วยซ้ำ

ใช่แล้ว พวกเขาไม่คิดว่าหลิงชิงอู๋จะต่อสู้กับกองทัพขนาดมหึมาได้เยี่ยมยอดถึงเพียงนี้ ทั้งยังไม่มีผู้ใดในบรรดากองทัพเหล่านั้นที่สามารถต้านทานต่อการโจมตีที่รุนแรงของนางได้ เพราะกำลังพลเหล่านั้นก็เป็นถึงกองทัพของผู้เยี่ยมยุทธ์จากภพเซียนและยมโลกซึ่งล้วนมีพลังอันน่าเกรงขามอย่างยิ่ง ในบรรดาคนเหล่านั้นล้วนอยู่ในขอบเขตเซียนทองคำขึ้นไปทั้งสิ้น แม้แต่ขอบเขตเซียนปราชญ์ก็มีให้เห็นอยู่ในนั้นประปราย

ทว่าภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว พวกเขากลับไม่อาจสร้างความระคายให้แก่หลิงชิงอู๋ได้แม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของนางทรงพลังเพียงใด

“ศิษย์พี่หลิงสร้างกฎปราชญ์เต๋าของนางขึ้นมาได้แล้วอย่างแน่นอน” เฉินซีคล้ายจมดิ่งลงในห้วงคิด เขาเองก็อยู่ในขอบเขตเซียนปราชญ์เช่นเดียวกัน ดังนั้นมองเพียงแวบเดียวก็สามารถสัมผัสได้ว่าทุกย่างก้าวของหญิงสาวนั้นเต็มไปด้วยรัศมีอันยิ่งใหญ่ของปราชญ์เต๋า ซึ่งส่งผลให้ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของนางน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก

“กฎปราชญ์เต๋าอย่างนั้นหรือ? จริงสิ ศิษย์น้องเฉินซี เจ้าทำสำเร็จแล้วหรือไม่?” เยี่ยถังอดไม่ได้ที่จะถาม

“ข้ายังห่างไกลอยู่มาก” เฉินซีส่ายหน้าเป็นคำตอบ ปัจจุบันเขาหลอมรวมกับตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุได้เพียงเก้าในสิบส่วนเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการสร้างกฎปราชญ์เต๋าเลย เพราะนั่นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อหลวมรวมตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ได้อย่างสมบูรณ์แล้วเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มมั่นใจว่าหากตนอยู่ในจุดเดียวกับหลิงชิงอู๋ ก็สามารถจัดการกองทัพเหล่านั้นได้เช่นเดียวกัน เพราะแม้กองทัพจะมีขนาดใหญ่โตมากเพียงใด ทว่าความได้เปรียบในด้านจำนวนก็หาได้มีผลใด ๆ

“พวกเจ้าสองคนยืนเฉยอยู่ได้ ยังไม่มาช่วยข้าอีก!” เสียงของหลิงชิงอู๋ดังขึ้นจากระยะไกล มันทั้งเย็นชา กังวาน เปี่ยมไปด้วยความเด็ดขาดอันเป็นเอกลักษณ์

เฉินซีและเยี่ยถังชะงัก พวกเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าด้วยนิสัยของหญิงสาว นางจะยอมร่วมมือจากผู้อื่น นี่มันออกจะเกินความคาดหมายของพวกเขาไปมาก

“ในเมื่อศิษย์พี่หลิงออกปากเชื้อเชิญเช่นนี้ มีหรือศิษย์น้องจะกล้าปฏิเสธ” เยี่ยถังหัวเราะลั่นก่อนจะชักดาบสีเขียวออกมา ร่างของเขาก็พริบพร่าง ทะยานเข้าสู่ใจกลางสนามรบด้วยความรวดเร็ว

สหายเต๋าผู้นี้ช่าง… เฉินซีเม้มริมฝีปาก เขานึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าตนมีความประทับใจอันดีต่อหลิงชิงอู๋หรือไม่ ทว่าเขาก็ไม่ได้นึกเกลียดชังนาง อาจเป็นเพราะชายหนุ่มรู้สึกว่านางเป็นพวกเข้าถึงได้ยาก จึงรักษาระยะห่างอยู่เสมอ

ถึงอย่างนั้น ก็ไม่เคยคิดว่าหลิงชิงอู๋จะยอมให้พวกเขาเข้าไปร่วมวงต่อสู้กับนางในตอนนี้

มันอาจจะกะทันหันไปเสียหน่อย แต่เฉินซีก็เลือกที่จะพุ่งตัวไปร่วมสู้เคียงข้างนาง

จำนวนของไพร่พลในกองทัพที่แผ่ไพศาลไปทั้งฟ้าดินนี้มีมากเกินไปจริง ๆ พวกมันก่อตัวกันเป็นมวลหนาแน่นที่ไม่อาจทำลายสิ้นลงได้โดยง่าย แม้จะไม่ได้ขนัดจนไร้ช่องว่าง แต่หากจะกวาดล้างก็นับว่ายากเข็ญไม่น้อย

“นี่คือบททดสอบแรกของแดนโลหิตเซียนยมโลก เพื่อที่จะผ่านบททดสอบนี้ เราจำเป็นจะต้องหาทางออกให้ได้ มิเช่นนั้นต่อให้ฆ่าศัตรูเหล่านี้ไปเป็นร้อยเป็นพันก็ไม่มีวันจบสิ้น” คิ้วเรียวโก่งของหลิงชิวอู๋ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้นางปวดเศียรเวียนเกล้าไม่ต่างกัน ใช่แล้ว สถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างที่นางกล่าวไว้ไม่ผิด ตั้งแต่เข้ามาในแดนโลหิตเซียนยมโลก นางก็มองหาสิ่งที่เรียกว่า ‘ทางออก’ ตลอดเวลา ทว่าจนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่พบมันเสียที นางทำได้เพียงมองหาทางออกพลางสังหารพวกมันไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด…

หากสภาวการณ์เช่นนี้ยังดำเนินต่อไป หลิงชิงอู๋ก็คงจะถูกหยุดไว้เพียงแค่นี้ และคงไม่มีทางได้รับการยอมรับจากมรดกของจักรพรรดิเต๋าอีกต่อไป

เมื่อเฉินซีและเยี่ยถังได้ฟังคำอธิบายจากหลิงชิงอู๋ ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง แน่นอน สถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้ถูกกล่าวถึงในแผ่นหยกมาเลยสักนิด

“หรือว่าทางออกนั้นจะถูกปิดกั้นด้วยข้อจำกัดบางอย่าง?” เยี่ยถังขมวดคิ้วพร้อมกับมือที่ยังคงสังหารศัตรูโดยไม่ลดละ

“เช่นนั้นก็ไม่ยาก ต้องลองถึงจะรู้” เฉินซียิ้มบาง ๆ เป็นคำตอบ ร่างสูงใหญ่เปล่งประกายและลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ทันใดนั้น ความผันผวนของมิติก็ส่งเสียงเกรียวกราวออกมาจากร่างกายราวกระแสน้ำ ก่อนจะกระจายตัวออกไปยังบริเวณโดยรอบอย่างรวดเร็ว

ตึง!

ฉับพลันนั้น ความผันผวนรุนแรงก็เกิดขึ้นทั่วทุกพื้นที่มิติของฟ้าดิน มันกระเพื่อมและทอดยาวดังกระแสน้ำซัดสาดที่ส่งเสียงคำรามอย่างผืนฟ้ากัมปนาท

ตอนนั้นเอง กองทัพขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่โดยรอบรัศมีแสนลี้ก็คล้ายตกลงสู่หนองน้ำ พวกมันดิ้นรนอย่างไม่ลดละเพื่อต้านทานกระแสน้ำในห้วงมิติ ทว่ากำลังพลเหล่านั้นก็ไม่อาจหลุดพ้นจากพันธนาการ พวกมันหลายตัวถูกโจมตีด้วยพลังมิติและถูกบดขยี้จนย่อยยับ

เพียงพริบตา ธารเลือดก็หลั่งรินลงสู่ผืนน้ำ การเคลื่อนไหวของมันคลอเคล้าไปกับเสียงคร่ำครวญที่ดังระงมไปทั่วทั้งบริเวณ

“กฎแห่งมิติ!” ดวงตางดงามของหลิงชิงอู๋เบิกกว้างในทันที หว่างคิ้วนั้นแต่งแต้มไปด้วยความประหลาดใจ

“ใช่แล้ว ศิษย์น้องเฉินซีเคยเปิดเผยพลังนี้เมื่อครั้งที่มีการถกวิถีเต๋าของเจ็ดสำนัก ถึงอย่างนั้น ข้าก็ไม่เคยคิดเลยว่าความเข้าใจในพลังแห่งห้วงมิติของเขานั้นดีกว่าครั้งก่อนมากนัก” เยี่ยถังถอนหายใจทั้งรอยยิ้มเปื้อนหน้า พัฒนาการของเฉินซีนั้นยอดเยี่ยมเกินไปจริง ๆ นั่นทำให้เขาตระหนักได้อย่างลึกซึ้งถึงช่องว่างระหว่างตนกับเฉินซีที่ค่อย ๆ ห่างกันมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

พื้นที่มิติเกิดความผันผวนขณะที่มันทอดผ่านฟ้าดิน มันทะลวงเข้าไปในกระแสน้ำที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างไม่มีสิ้นสุด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]