บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1387

บทที่ 1387 รุกคืบไปทีละก้าว

บทที่ 1387 รุกคืบไปทีละก้าว

“กู่เยวหรู?”

เฉินซีสัมผัสได้ว่า หลิงชิงอู๋และกู่เยวหรูดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีนัก บางทีอาจเป็นเพราะการแข่งขัน หรือเป็นความแค้นระหว่างกัน?

โดยไม่รอช้า เฉินซีเป็นผู้นำและทะยานไปในอวกาศ

เยี่ยถังและหลิงชิงอู๋ติดตามไปติด ๆ

เพียงชั่วพริบตา กลุ่มของพวกเขาก็ได้มาถึงหน้าอุกกาบาตลูกแรกบน ‘ทางเดินดาวหาง’

โอม~

อุกกาบาตเต็มไปด้วยข้อจำกัดที่ผันผวนจนทำให้ใจสั่นสะท้าน กลิ่นอายของมันพลุ่งพล่านดั่งมหาสมุทรที่เปี่ยมล้นด้วยพลังของเต๋าแห่งปราชญ์วารี ทั้งยังมีกลิ่นอายอันศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่กระจายอยู่ภายในนั้น

หลังจากที่พวกเขามาถึงที่นี่ เฉินซีดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นคนละคน ใบหน้าหล่อเหลาสงบและเคร่งขรึม เช่นเดียวกับดวงตาสีดำลุ่มลึกก็สะท้อนด้วยอักขระยันต์ที่ลึกลับมากมาย

ดาวหางที่ส่งเสียงหวีดหวิวขณะพุ่งมาจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว และอุกกาบาตที่ล่องลอยไปมาอย่างไร้จุดหมาย ล้วนถูกชายหนุ่มเมินเฉยโดยสิ้นเชิง เพราะในสายตาของเขามีเพียงข้อจำกัดเท่านั้น!

“หืม?”

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง หลิงชิงอู๋และเยี่ยถังก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในท่าทางของเฉินซี ประหนึ่งเซียนกระบี่ผู้ไร้เทียมทานได้กลายร่างเป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระสูงสุด ซึ่งมีทักษะในการอนุมานอันยอดเยี่ยมในบัดดล

ท่าทางที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงนี้ ทำให้ทั้งคู่รู้สึกเชื่อมั่นในตัวเฉินซีอย่างไม่มีเหตุผล

ฟิ่ว! ฟิ่ว! ฟิ่ว!

แต่พวกเขาก็ไม่มีเวลามาคำนึงถึงเรื่องนี้ได้อีกต่อไป เพราะไม่นานหลังจากที่ทุกคนมาถึงที่นี่ ฝูงดาวหางที่ลุกไหม้ก็พุ่งทะลวงมาจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว และพุ่งเข้าหาด้วยพลังทำลายที่น่าเกรงขาม!

ดาวหางแต่ละดวงมีขนาดมหึมาดุจภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่สูงตระหง่าน และมีกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ทั้งยังไม่ด้อยไปกว่าการโจมตีเต็มกำลังของเซียนปราชญ์ ฝูงดาวหางต่างพุ่งเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งสร้างความกดดันในหัวใจของทุกคนอย่างมาก

ตูม!

การกระทำของหลิงชิงอู๋นั้นเรียบง่ายมาก นางควักผนึกบรรลัยสวรรค์ที่ระยิบระยับไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงเข้มออกมา ก่อนที่จะฟาดมันขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างดุเดือด ทุกครั้งที่ปะทะกันส่งผลให้ดาวหางแตกสลายเป็นผุยผง ทำให้นางดูทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อเทียบกับหลิงชิงอู๋ วิธีการของเยี่ยถังกลับมีชั้นเชิงมากกว่า เขาใช้พลังของขอบเขตเซียนดาบ แต่ไม่ได้ปะทะเข้ากับดาวหางโดยตรง แต่ใช้พลังเพื่อเบี่ยงวิถีของดาวหางออกไปทางด้านข้างอย่างง่ายดาย

นี่เป็นหลักการที่คล้ายคลึงกับวิธีการ ’หยิบยืมพลัง’ ของไท่จี๋ แม้ไม่ได้เผชิญหน้ากับดาวหางโดยตรง ก็สามารถรับมือกับการโจมตีเหล่านี้ได้

นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะเยี่ยถังเป็นเพียงเซียนทองคำและยังไม่บรรลุขอบเขตเซียนปราชญ์ ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะพึ่งพาการบ่มเพาะในเต๋าแห่งดาบ เพื่อจะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จได้

สิ่งนี้ทำให้เขานั้นด้อยกว่ามากเมื่อเปรียบเทียบกับหลิงชิงอู๋อย่างชัดเจน ท้ายที่สุดแล้ว คนหนึ่งบดขยี้ดาวหางเหมือนหญ้าแห้ง ในขณะที่อีกคนใช้ทักษะ ดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้จึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

แต่อย่างน้อยก็เพียงพอที่จะตั้งหลักบนทางเดินดาวหางนี้ และไม่ว่าพวกเขาจะสามารถผ่านสถานที่แห่งนี้ได้อย่างราบรื่นหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับเฉินซี

“กฎปราชญ์เต๋าแห่งวารี ข้อจำกัดทั้งหนึ่งพันแปดร้อยประการ เทียบได้กับขอบเขตปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระ และด้วยแกนกลางที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายอันศักดิ์สิทธิ์ หากข้าต้องการที่จะทำลายมันล่ะก็…”

เนตรเทวะแห่งความจริงได้เปิดออกที่หว่างคิ้วของเฉินซี ทันใดนั้น ลำแสงสีดำก็ปรากฏขึ้น ในจิตใจของเขา พลังแห่งการอนุมานกำลังไหลเวียนอย่างเต็มกำลัง ทำให้ชายหนุ่มมองเห็นแก่นแท้ของอุกกาบาตลูกแรกที่อยู่ตรงหน้าในทันที

ครู่ต่อมา เขาชี้นิ้วออกไปเบา ๆ ส่งปราณกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวให้พุ่งออกมาอย่างรุนแรง มันเจาะเข้าที่จุดหนึ่งบนอุกกาบาตลูกแรก ทำให้เกิดเสียงกัมปนาทสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ

ทันใดนั้น อุกกาบาตก็หยุดเคลื่อนไหวทันที พลังแห่งข้อจำกัดที่กวาดกระจายไปทั่วบริเวณก็ตกอยู่ในความเงียบงันไปพร้อม ๆ กันในทีเดียว

“เร็วขนาดนี้เลยหรือ?”

“ศิษย์น้องเฉินซี เจ้าช่างไม่ธรรมดาจริง ๆ!”

หลิงชิงอู๋และเยี่ยถังต่างตกตะลึงจนอุทานขึ้นพร้อมกัน ทั้งยังไม่อาจปกปิดอาการตกตะลึงบนใบหน้าได้

“นี่เป็นเพียงข้อจำกัดที่ง่ายที่สุดเท่านั้น เราไปกันเถอะ” เฉินซีเผยยิ้ม จากนั้นทั้งสามก็ก้าวเดินขึ้นไปบนอุกกาบาตลูกแรก

โอม~

ทันทีที่ทั้งสามได้ตั้งหลักอยู่บนอุกกาบาตลูกแรก รัศมีของปราชญ์เต๋าสามสายก็พุ่งเข้าสู่ร่างกายของพวกเขาอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้น เฉินซีก็รู้สึกว่าการหลอมรวมตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุของเขานั้น แท้จริงแล้วแสดงให้เห็นถึงสัญญาณของการทะลวงผ่านอยู่ราง ๆ!

“มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ทุก ๆ ข้อจำกัดที่เราทำลายบนทางเดินดาวหางแห่งนี้ เราจะได้รับรัศมีปราชญ์เต๋าจำนวนหนึ่งเป็นรางวัล ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามันจะเป็นเรื่องจริง” รอยยิ้มอันมีความสุขได้แพร่กระจายไปทั่วมุมปากของหลิงชิงอู๋ เห็นได้ชัดว่านางได้สัมผัสกับประโยชน์ของรัศมีปราชญ์เต๋านั้น

“ฮ่า ฮ่า! รัศมีปราชญ์เต๋าที่ข้าได้รับนั้นถูกเก็บไว้ในร่างกายแล้ว เมื่อใดที่ข้าบรรลุขอบเขตเซียนปราชญ์ มันจะเป็นประโยชน์ต่อการหลอมรวมตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ของข้า!”

เยี่ยถังหัวเราะเสียงดังสนั่น เดิมทีเขาคิดว่าตนเองนั้นเป็นเพียงเซียนทองคำ คงไม่อาจได้รับผลประโยชน์ใด ๆ ทว่าเจ้าตัวกลับได้โชคลาภที่ไม่เคยคาดฝันมาก่อน

“ข้าสงสัยนักว่า หลังจากที่ผ่านทางเดินดาวหางนี้ ข้าจะได้รับรัศมีปราชญ์เต๋าเท่าใด…” ประกายความคาดหวังเล็ก ๆ พลันบังเกิดขึ้นที่หว่างคิ้วของเฉินซี

เดิมทีชายหนุ่มนั้นกำลังกังวลกับวิธีการหลอมรวมตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ต่าง ๆ ที่ตนเชี่ยวชาญได้อย่างรวดเร็ว และโอกาสที่อยู่ตรงหน้านี้ ประหนึ่งหยาดน้ำหวานที่ตกลงมาจากสรวงสวรรค์ มันจึงทำให้เขารู้สึกยินดีอย่างยิ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]