บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1394

บทที่ 1394 สามวันสุดท้าย

บทที่ 1394 สามวันสุดท้าย

รูปภาพลึกลับอันยิ่งใหญ่และเก่าแก่จำนวนมากถูกจารึกไว้ในลักษณะเดียวกันที่ด้านข้างของโลงศพเซียนยมโลก

มีฉากที่คนรุ่นก่อนถวายเครื่องสักการบูชา เหล่าเทพไล่ตามดวงอาทิตย์ สัตว์ร้ายทะยานผ่านฟากฟ้า การเคลื่อนคล้อยของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ผืนแผ่นดินที่มาบรรจบกัน สรรพสิ่งในโลกล้วนเติบโต… มันมีฉากต่าง ๆ อยู่มากมาย และมันพรรณนาถึงฉากโบราณในช่วงเริ่มต้นของโลกที่ความโกลาหลเพิ่งถูกแยกออกจากกัน

แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเฉินซีและคนอื่น ๆ นั้นตั้งอยู่ตรงกลางของแผนภาพ จักรวาลที่กำลังลุกไหม้ ในขณะที่ดวงดาวมากมายบนนั้นราวกับเปลวไฟ และทางเดินของอุกกาบาตทอดยาวไปสู่จักรวาลที่กำลังลุกไหม้ ซึ่งนำไปสู่ส่วนลึกที่ไร้ขอบเขตของมัน… น่าตกใจที่มันเป็นฉากภายในทางเดินดาวหาง!

“เราคง… ไม่ได้ทะลวงผ่านข้อจำกัดที่อยู่ภายในโลงศพเซียนยมโลกไปก่อนหน้านี้ ใช่หรือไม่?” จงหลีหลัวกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ทั้งยังเต็มไปด้วยความตกใจ

คนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน พวกเขาคาดเดาได้ราง ๆ ว่า บางทีสิ่งที่จงหลีหลัวกล่าวอาจเป็นเรื่องจริง และบางทีทุกสิ่งที่พวกเขาประสบก่อนหน้านี้ อาจจะเป็นโลกที่อยู่ในโลงศพเซียนยมโลก

โลกนี้คือทางเดินดาวหาง!

นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจจริง ๆ แม้จะมีแผนภาพที่ลึกลับและยิ่งใหญ่ไม่ต่ำกว่าพันภาพบนพื้นผิวของโลงศพเซียนยมโลก แต่ทางเดินดาวหางกลับเป็นหนึ่งในโลกที่อยู่ภายในนั้น ซึ่งนี่ไม่ได้หมายความว่าสมบัติอันศักดิ์สิทธิ์อย่างโลงศพเซียนยมโลก นั่นมีโลกที่คล้ายคลึงกันมากกว่าหนึ่งพันโลกหรอกหรือ

เรื่องนี้ไม่ได้บันทึกไว้ในแผ่นหยก

ดังนั้นแม้เฉินซีและคนอื่น ๆ จะสงสัย แต่พวกเขาก็ไม่กล้าสรุปไปเอง

“เราควรใช้โอกาสนี้พักผ่อนกันก่อน ข้าได้ยินมาว่า หลังจากที่เราผ่านโลงศพเซียนยมโลกและเข้าสู่สระโลหิตอดีตชาติ การทดสอบภายในนั้นจะอันตรายยิ่งกว่าสุสานแห่งราชันนิรันดร์และทางเดินดาวหางเสียอีก” เยี่ยถังนั่งขัดสมาธิบนพื้นและหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่เขาจะเริ่มควบคุมลมหายใจ

เขาเพิ่งบรรลุขอบเขตเซียนปราชญ์ ดังนั้นความกดดันที่เผชิญบนทางเดินดาวหางจึงมากที่สุดในบรรดาคนทั้งหมด จิตใจและร่างกายอยู่ในสภาวะตึงเครียดมาโดยตลอด และในตอนนี้ที่ได้ผ่อนคลาย ร่างกายก็รู้สึกอ่อนแรงและไม่อาจยืนหยัดได้อีกต่อไป

ไม่ใช่แค่เยี่ยถังเท่านั้น แต่คนอื่น ๆ ก็เช่นกัน

“ใช่แล้ว จากบันทึกของแผ่นหยก การทดสอบที่สระโลหิตอดีตชาตินั้นง่ายมาก แต่มันก็อันตรายมากเช่นเดียวกัน ในตอนนี้เราได้ใช้พละกำลังไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงควรคว้าโอกาสนี้เพื่อฟื้นฟูพละกำลังของเรา” เฉินซีนั่งสมาธิบนพื้นทันที และปรับลมหายใจอย่างสงบ เขาได้พิชิตข้อจำกัดทั้งสามพันประการติดต่อกัน และมันทำให้พลังดวงใจถูกใช้ไปอย่างมาก จนใกล้แห้งเหือด

“เฉินซี เราไม่ได้วางแผนที่จะมุ่งหน้าไปยังสระโลหิตอดีตชาติ” ด้วยความประหลาดใจของเฉินซี จู่ ๆ เนี่ยซิงเจินก็กล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน และตัดสินใจถอนตัวจากการทดสอบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น การตัดสินใจครั้งนี้ได้รับการยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์จากกู่เยวหรูและจงหลีหลัวแล้ว

“ทำไมหรือ?” เฉินซีไม่คิดที่จะนั่งสมาธิอีกต่อไป และกล่าวด้วยท่าทางที่งุนงง

“ถือว่าเรานั้นโชคดีแล้วที่มาได้ถึงขนาดนี้ หากว่าเรายังเดินหน้าต่อ มันจะกลายเป็นเรานั้นประเมินความสามารถของตัวเองสูงไป” เนี่ยซิงเจินกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขามีสีหน้าที่สงบและไม่มีความรู้สึกเศร้าโศกหรือสูญเสียใด ๆ

“ข้าพอใจแล้วหลังจากได้รับรัศมีปราชญ์เต๋ามากมายขนาดนี้ สำหรับสระโลหิตอดีตชาติ เจ้าทั้งสามควรไปขัดเกลาที่นั่น” จงหลีหลัวก็กล่าวเช่นกัน ในขณะนี้ เขาดูเหมือนกลายเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง ไม่ได้ดูมืดมน ไม่พอใจ และโกรธเหมือนเมื่อก่อน เหตุผลนั้นง่ายมาก หลังจากได้ร่วมทางกับเฉินซี ทุกการเคลื่อนไหวที่เฉินซีทำก็ทำให้ใจของเขายอมแพ้โดยสมบูรณ์ จึงไม่มีคิดตั้งตัวเป็นศัตรูกับเฉินซีเหมือนก่อนหน้านี้

ยิ่งไปกว่านั้น หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเฉินซี ก็คงไม่มีทางผ่านทางเดินดาวหางมาจนถึงที่แห่งนี้ได้แน่

แม้ว่าจงหลีหลัวจะเป็นคนที่ทะนงตัว แต่เขาก็รู้จักแยกแยะผิดถูก และรู้จักตอบแทนบุญคุณ ดังนั้นเขาย่อมไม่แข่งขันกับกลุ่มของเฉินซีเพื่อชิงมรดกของจักรพรรดิเต๋าอีกต่อไป

“นั่นคือสิ่งที่ข้าคิดเช่นกัน มีเพียงสามคนเท่านั้นที่จะได้รับมรดกของจักรพรรดิเต๋า และเราไม่ต้องการที่จะแข่งขันกับพวกเจ้า ดังนั้นการหยุดอยู่ที่นี่จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” กู่เยวหรูไม่ได้ปิดบังความคิดของตนและกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

ขณะที่มองดูท่าทางที่หนักแน่นและเด็ดเดี่ยวของทั้งสาม เฉินซีก็รู้ทันทีว่าไม่อาจโน้มน้าวพวกเขาได้ และเสี้ยวความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ก็พลุ่งพล่านอยู่ในใจ

บางครั้ง เมื่อคราวต้องแข่งขันกับผู้อื่น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องต่อสู้จนตัวตาย และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลายเป็นศัตรูกัน หรืออาจกลายเป็นศัตรูเพียงเพราะใครคนหนึ่งใฝ่ฝันที่จะได้รับโชคลาภโดยบังเอิญ

การเลือกระหว่างความดีและความชั่วมักขึ้นอยู่กับอุปนิสัยของแต่ละบุคคล

อย่างน้อยที่สุด ความคิดเห็นของเฉินซีในตอนนี้ เนี่ยซิงเจิน กู่เยวหรูและจงหลีหลัว ผู้ซึ่งเป็นศิษย์ฝ่ายในอาวุโส ล้วนมีลักษณะนิสัยและศีลธรรมที่ได้รับความชื่นชมจากทุกคน

แน่นอนว่านี่เป็นเพราะพวกเขาทั้งหมดเป็นศิษย์ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า และไม่มีความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างกัน ดังนั้น แม้พวกเขาจะไม่ได้สนิทคุ้นเคยกัน แต่หลังจากที่ผ่านการต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ ย่อมเปลี่ยนจากคนแปลกหน้าให้กลายเป็นสหายร่วมรบโดยไม่รู้ตัว

เหมือนสุภาษิตที่ว่า มิตรภาพเติบโตจากการแลกหมัด

ในห้องโถงที่ว่างเปล่า โลงศพเซียนยมโลกวางอยู่ตรงกลาง

เฉินซี เยี่ยถัง และหลิงชิงอู๋นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น พวกเขาต่างใช้เวลาอย่างเต็มที่เพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่ง ในขณะที่ เนี่ยซิงเจิน กู่เยวหรู และจงหลีหลัวได้จากไปนานแล้ว

การออกจากแดนโบราณจักรพรรดิเต๋านั้นง่ายมาก เพราะก่อนเข้ามา ทุกคนจะได้รับแผ่นหยก เพียงแค่บดขยี้แผ่นหยกนี้ ก็จะสามารถออกไปได้ทันที

“เหลือเวลาอีกนานแค่ไหนก่อนที่แดนโบราณจักรพรรดิเต๋าจะปิด?” ที่ด้านนอกของแดนโบราณจักรพรรดิเต๋า หัวเจี้ยนคงที่ให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงภายในอย่างต่อเนื่อง พลันเกิดคำถามนี้ขึ้น

“สามวัน” หวังต้าวหลูตอบกลับอย่างรวดเร็ว

“ถึงเวลาที่จะยุติมันแล้ว…” หัวเจี้ยนคงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เนี่ยซิงเจิน กู่เยวหรู และจงหลีหลัว อาจจะได้สัมผัสกับความก้าวหน้าในการบ่มเพาะ และมีโอกาสบรรลุขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น”

เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “สำหรับ เจิ่นลู่ จี้เซวียนปิง จ้าวเมิ่งหลี และอ๋าวจ้านเป่ย พวกเขาแต่ละคนได้รับการเผชิญหน้าโดยบังเอิญมากมาย และจะสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนปราชญ์ได้อย่างแน่นอน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]