บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1397

บทที่ 1397 แสงสนธยา

บทที่ 1397 แสงสนธยา

เฉินซีกระอักเลือดจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว สิ่งนั้นทำให้หัวใจของหลิงชิงอู๋และเยี่ยถังปวดแปลบด้วยความกังวลยิ่ง

น่าเสียดายที่พวกเขาไม่อาจเข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ได้ ความกังวลใจจึงกลายเป็นเพียงเรื่องไร้ประโยชน์เท่านั้น ยังไม่ทันได้ฟื้นจากอารามตกใจ หุ่นเชิดศึกภพอดีตก็เริ่มโจมตีเฉินซีอีกครั้ง หมัดสีแดงเลือดของมันโปร่งแสงวับวาบราวอัญมณี ทว่าเมื่อฟาดฟันลงมา ความน่ากลัวของมันก็ยิ่งสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์เป็นไหน ๆ

กำปั้นนี้เต็มไปด้วยสายใยของปราชญ์เต๋าแห่งโลหิต ทั้งทรงพลังและไร้เทียมทานเกินกว่าใครจะเทียบได้

สีหน้าของเฉินซีบัดนี้เคร่งขรึมลงอย่างมาก แสงอันไพศาลแห่งปราณเซียนพิสุทธิ์แผ่ซ่านไปทั่วเรือนกาย กระบี่เซียนนภาม่วงอาบไล้ด้วยกระแสน้ำนับอนันต์ ขณะที่มันเคลื่อนตัวออกไปราวแม่น้ำแห่งดวงดาวที่โหมกระหน่ำ ก่อนจะเข้าปะทะกับพลังหมัดสีแดงวาวโรจน์ด้วยความรวดเร็ว

โครม!

เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ขนาดมหึมาปะทุขึ้นระหว่างพลังทั้งสอง มันยิ่งใหญ่กว่าการปะทะเมื่อก่อนหน้าเป็นไหน ๆ คล้ายกับฟ้าจะถล่ม ดินจะทลาย เศษฝุ่นละอองควันทั้งหลายลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าราวถูกฉุดกระชาก ส่งผลให้พื้นที่โดยรอบแสนลี้ตกอยู่ภายใต้ความโกลาหลครั้งใหญ่

อ๊อก!

การโจมตีครั้งนี้ทำให้เฉินซีกระอักเลือดอีกครั้ง ร่างสูงสง่าเซถลาพร้อมกับเสื้อผ้าที่แหว่งเว้าด้วยรอยขาดหลายแห่ง

ในอีกด้านหนึ่ง หุ่นเชิดศึกภพอดีตเองก็ไม่ได้มีสภาพที่ดีไปกว่ากันนัก แขนข้างหนึ่งของมันขาดวิ่นด้วยปราณกระบี่ ส่งผลให้ทั่วทั้งกายอาบชโลมด้วยเลือดแดงฉาน ทว่ามันกลับไม่มีท่าทีว่าจะเจ็บปวดใด ๆ จากการโจมตีครั้งนี้เลย กลับกัน มันพุ่งเข้ามาเพื่อโจมตีเฉินซีอีกครั้งด้วยอย่างว่องไว

ครืด!

ทันทีที่ร่างทั้งสองปะทะกัน พื้นปฐพีพลันแตกระแหงเป็นหมื่นเสี่ยง พวกเขาต่อสู้กันจนถึงจุดที่ฟ้าดินตกอยู่ภายใต้เงามืด ทั้งดวงตะวันและจันทราหม่นแสงลงในพลัน เหลือแต่เพียงราตรีนิรันดร์ที่คงอยู่ท่ามกลางสนามรบอันร้อนระอุ

หากการต่อสู้นี้เกิดขึ้นที่โลกภายนอก มันคงจะทำให้ทั้งมิติเซียนตกอยู่ภายใต้ความหวาดผวาอย่างแน่นอน

ต้องเข้าใจว่าตอนนี้เฉินซีนั้นน่าเกรงขามอย่างยิ่ง ฐานพลังลึกล้ำกว่าสหายคนอื่น ๆ ถึงร้อยเท่า มิหนำซ้ำยังบรรลุขอบเขตเซียนกระบี่ขั้นสมบูรณ์แล้ว ถึงไม่อาจกล่าวได้ว่าเหนือชั้นกว่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปราชญ์ทั้งหลายที่รุ่นราวคราวเดียวกัน แต่สำหรับในหมู่เพื่อนฝูง เขาถือได้ว่าเป็นบุคคลชั้นยอดที่ไม่อาจมีใครเทียบเทียม ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาพัฒนาไปไกลมากแล้ว

หัวใจของหลิงชิงอู๋และเยี่ยถังเต้นแรง เฉินซีจะสามารถยืนหยัดต่อสู้ได้หรือไม่?

“ตายซะ!” ในสนามรบ เฉินซีแผดเสียงดังก้องไปทั้งแผ่นฟ้า เจตจำนงแห่งการต่อสู้เจิดจ้ายิ่งกว่าแสงตะวันที่แผดผลาญยามทิวา ทั้งแก่นแท้ พลัง และจิตวิญญาณเดือดคลั่งอย่างยิ่งใหญ่ไม่ต่างภูเขาปะทุ บัดนี้ชายหนุ่มหาได้สนใจสิ่งใดนอกไปเสียจากการได้ต่อสู้อย่างสุดกำลัง

ทันใดนั้น ท้องฟ้าทั้งผืนก็ถูกย้อมด้วยสีแห่งเปลวเพลิง ภายใต้แสงสีเพลิงนั้น ร่างของเฉินซีถูกพันธนาการไว้กับการต่อสู้ การโจมตีระหว่างเขาและหุ่นเชิดศึกภพอดีตไม่ว่าครั้งใดก็ล้วนทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน นับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

โครม!

หลังจากนั้นไม่นาน หุ่นเชิดศึกภพอดีตก็แตกออกเป็นชิ้น ๆ ด้วยน้ำมือของเฉินซี!

ทว่าเฉินซีเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างเลวร้ายไม่ต่างกัน ลมหายใจหอบถี่ ดวงหน้าซีดขาวส่งให้เสื้อผ้าที่ย้อมด้วยสีแดงสดเด่นชัดถนัดตา ในที่สุดชายหนุ่มก็ชนะการต่อสู้ในครั้งนี้ นับเป็นการต่อสู้ที่อันตรายที่สุดตั้งแต่บรรลุขอบเขตเซียนปราชญ์เลยทีเดียว

ทว่าสิ่งนี้สำคัญที่สุดก็คือ เรื่องนี้ยังคงไม่จบ!

“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้? มิใช่ว่าถูกทำลายไปแล้วก็จบกันหรอกหรือ…” เยี่ยถังไม่อยากจะเชื่อสายตา การต่อสู้เมื่อครู่นี้แทบจะเกินการปะทะกันของขอบเขตเซียนปราชญ์ไปแล้ว ทว่าตอนนี้ หุ่นเชิดศึกภพอดีตยังคงมีชีวิตอยู่ หากมันสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้อีกครั้ง เขาสงสัยเหลือเกินว่าพลังของมันจะน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน!

ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งน่ากังวลที่สุดคงไม่พ้นว่าสภาพของเฉินซีในตอนนี้นั้นคล้ายจะย่ำแย่อยู่พอสมควร นั่นทำให้เยี่ยถังอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าเฉินซีจะสามารถคว้าชัยชนะในการต่อสู้ครั้งต่อไปได้หรือไม่

“เฉินซี เจ้าไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตไปทิ้งกับอะไรแบบนี้ พวกเราช่างมรดกอะไรนั่นไปก่อนเถิด!” เมื่อหลิงชิงอู๋เห็นว่าเฉินซีได้รับบาดเจ็บสาหัส นางก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟันตะโกนก้อง ด้วยไม่อาจทนดูอีกฝ่ายต่อสู้อย่างไม่เห็นความหวังเบื้องหน้าได้อีกต่อไป การต่อสู้นี้น่าสะพรึงกลัวเกินกว่าจะรับไหว หากเฉินซีไม่โชคดีดังคาด ทุกอย่างก็เพียงจะต้องจบสิ้นลงเท่านั้น

“ข้าไม่เป็นอะไร” เฉินซีสูดลมหายใจเข้าจนสุดปอด ความเด็ดเดี่ยวและความมุ่งมั่นปรากฏผ่านร่องรอยบนหน้าผาก เขามาไกลถึงเพียงนี้ จะให้ยอมถอดใจรับความพ่ายแพ้ไปได้อย่างไร

ยิ่งกว่านั้น ไม่ต้องพูดถึงมรดกของจักรพรรดิเต๋าเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากเพียงชิ้นเดียวเขาก็พร้อมจะต่อสู้อย่างสุดใจ!

ฟึ่บ! ฟึ่บ!

ครู่ถัดมา ร่างของหุ่นเชิดศึกภพอดีตก็ปรากฏตัวขึ้นกลางบ่อเลือดอีกครั้ง ทว่าคราวนี้มันดูแตกต่างออกไปจากครั้งก่อน รัศมีพลังที่เร้นออกมาลึกราวหุบเหว ทอดไกลไม่อาจหยั่งถึง ไม่เพียงเท่านั้น มันยังเอ่อล้นไปด้วยกลิ่นอายอันทรงพลังอันไร้ขอบเขตอย่างสมบูรณ์

เมื่อมองจากที่ไกล มันเหมือนกับราชาผู้อยู่บนจุดสูงสุดของขอบเขตเซียนปราชญ์ แสงสีเลือดส่องพราวอย่างไร้สิ้นสุดยามจรดมองลงบนแผ่นดิน!

ตึง!

ครั้นหุ่นเชิดศึกภพอดีตปรากฏตัวขึ้น ฟ้าดินก็พลันสั่นสะเทือนราวกับว่ามันกำลังก้มหัวสวามิภักดิ์ต่อองค์ราชัน รัศมีอันสง่างามของมันชวนให้รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย

“มันแข็งแกร่งกว่าเดิมเสียอีก…” สีหน้าของหลิงชิงอู๋และเยี่ยถังเคร่งขรึมลง ความเย็นยะเยือกเข้าปกคลุมไปทั้งเรือนกาย พวกเขาคิดว่าหุ่นเชิดศึกภพอดีตในขณะนี้มีความแข็งแกร่งเกินกว่าขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นแล้ว!

“ตายเสียเถอะ!” คราวนี้เฉินซีเป็นฝ่ายเปิดการโจมตี ขณะที่พุ่งตัวออกไป ชายหนุ่มไม่เพียงใช้มรดกขั้นสูงสุดของเต๋าแห่งกระบี่เท่านั้น หากยังใช้พลังของตราศักดิ์สิทธิ์ห้วงมิติประกอบเข้าในการโจมตีครั้งนี้ด้วย

การต่อสู้ปะทุขึ้นอีกครั้ง

ณ ภายนอกแดนโบราณจักรพรรดิเต๋า

“เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งชั่วยามก่อนที่แดนโบราณจักรพรรดิเต๋าจะปิดลง ศิษย์คนอื่น ๆ กลับกันออกมานานแล้ว มีเพียงกลุ่มสามคนของเฉินซีเท่านั้นที่ยังคงอยู่ภายในนั้น เหตุใดป่านนี้พวกเขาจึงยังไม่ออกมาเสียทีเล่า? หรือว่าพวกเขาจะประสบเภทภัยบางอย่างเข้าเสียแล้ว?” หวังต้าวหลูรำพันพลางขมวดคิ้วด้วยความวิตก

“ความแข็งแกร่งของอสูรภพอดีตนั้นน่าเกรงขามยิ่งนัก ทุกครั้งที่มันฟื้นขึ้น ความแข็งแกร่งก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ง่ายเลยที่จะล้มมันลงได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]