บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1433

บทที่ 1433 เซวียนหยวนพั่วเซียว

บทที่ 1433 เซวียนหยวนพั่วเซียว

เฉินซีส่ายหน้าพร้อมกับตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีอะไร”

การหักแขนคนไม่ได้มีความหมายอันใดสำหรับเฉินซีในยามนี้ เพราะแม้จะต้องฆ่าอีกฝ่าย เขาก็ไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้น

แต่ถึงอย่างนั้น ก็เห็นได้ชัดว่าคำตอบของเฉินซีไม่สามารถตอบข้อสงสัยของอาซิ่วได้ ด้วยเหตุนี้นางจึงหันไปถามผู้ดูแลที่อยู่ด้านข้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

มีหรือที่ผู้ดูแลจะจำองค์หญิงน้อยแห่งตระกูลเซวียนหยวนไม่ได้ เขาตอบนางถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทันทีด้วยความเคารพ

“นี่พวกเจ้า… พวกเจ้าสั่งให้เสี่ยวอวี่มารับแขกอย่างนั้นหรือ?” เมื่ออาซิ่วรู้เรื่องทั้งหมด นางก็จับจ้องไปยังบ่าวรับใช้ก่อนจะพูดด้วยความโกรธ “ใครเป็นคนสั่ง?” เสียงของนางคล้ายกับกำลังประณามใครสักคน

หัวใจของผู้ดูแลสั่นระริก เขากลัวจนพูดไม่ออก

ก่อนหน้านี้เฉินซีเองก็สงสัยว่าเหตุใดชีเซียวอวี่จึงถูกลดสถานะลงมาเป็นบ่าวรับใช้ ในเมื่อเขาส่งนางมาอาศัยอยู่ในตระกูลเซวียนหยวาน และหากเรื่องนี้เป็นความจริง แน่นอนว่าในฐานะพี่ชายย่อมรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง

ชีเซียวอวี่อธิบายเสียงแผ่ว “มันไม่ใช่ความผิดของพวกเขาหรอกเจ้าค่ะ ข้าเห็นว่าตอนนี้ในจวนกำลังขาดคนต้อนรับแขกจึงได้เข้ามาช่วย อีกอย่างตอนนี้ข้าเองก็ว่างด้วยไม่มีสิ่งใดต้องทำ แต่เพราะข้าไม่รู้ว่าข้าควรจะทำเช่นไร เรื่อง… เรื่องก็เลยเป็นเช่นนี้”

เฉินซีเข้าใจได้ในทันที ชายหนุ่มยื่นมือออกไปตบไหล่หญิงสาวเบา ๆ รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “เจ้าน่ะใจดีเกินไปแล้ว ต่อไปอย่าทำเช่นนี้อีก” เขาว่าพลางถอนหายใจ

ชีเซียวอวี่รีบพยักหน้า

แต่ถึงอย่างนั้นเฉินซีก็ยังตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะพาชีเซียวอวี่และหลิ่วเจี้ยนเหิงไปด้วยเมื่องานเลี้ยงสิ้นสุดลง และจะจัดสถานที่ไว้ให้พวกเขาภายในหม้อกลั่นเก้าทวีปศักดิ์สิทธิ์ ด้วยวิธีนี้ พวกเขาทั้งสองจะสามารถพบกับคนอื่น ๆ ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง และไม่จำเป็นต้องอาศัยใต้ชายคาของผู้อื่นอีกต่อไป

“จั่วชิวถิงช่างใจกล้าเสียเหลือเกิน บังอาจมาสร้างปัญหาในอาณาเขตตระกูลเซวียนหยวนของข้า ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะต้องคิดบัญชีกับเขาในภายหลังอย่างแน่นอน!” อาซิ่วยังคงโมโหไม่หาย นางอุตส่าห์เป็นคนเชิญเฉินซีให้มางานเลี้ยงด้วยตัวเอง แต่กลับมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นในพื้นที่ที่อยู่ใต้อำนาจของนางเช่นนี้ แล้วจะไม่ให้โมโหได้อย่างไร?

“ช่างเถิด นี่เป็นงานวันเกิดของท่านผู้อาวุโสเซวียนหยวนพั่วเซียว อย่าปล่อยให้เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้มาทำลายความสุขของเจ้าสิ” เฉินซีอดไม่ได้ที่จะปลอบอาซิ่วด้วยรอยยิ้มอบอุ่น

หญิงสาวร่างบางทำเสียงฟึดฟัดสองสามครั้งก่อนจะยอมลดแรงโทสะลง

ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้มลายหายไปในพริบตา

เฉินซีพาชีเซียวอวี่และอาซิ่วไปนั่งยังด้านหนึ่งของห้องโถง พวกเขาทั้งสามดื่มสุราและจิบชาอย่างสบายอารมณ์

อย่างไรก็ตาม เฉินซียังคงสังเกตเห็นว่ามีสายตามากมายภายในห้องโถงกำลังจับจ้องมาที่ตน การจ้องมองเหล่านี้หาได้มีเจตนาร้ายอันไร หากเป็นแต่เพียงความสนใจใคร่รู้เท่านั้น

เฉินซีไม่สนใจเรื่องเหล่านี้มานานแล้ว แม้จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับการเป็นเป้าสายตา

อย่างไรนั่นก็เป็นผลมาจากชื่อเสียงอันโด่งดัง โดยเฉพาะหลังจากที่เฉินซีสังหารจั่วชิวคงเมื่อหลายปีก่อน และตัดขาดจากตระกูลจั่วชิวซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลเก่าแก่ ในยามนั้น ชื่อเสียงของเขาในภพเซียนก็ขจรไกลไปถึงจุดที่เรียกได้ว่าไม่ต่างอันใดกับดวงตะวันที่แผดจ้า ไม่มีใครในแผ่นดินนี้ที่ไม่รู้จักนามของตน

เมื่อคนทั้งหลายเห็นเขาปรากฏตัวขึ้นในงานเลี้ยงวันเกิดของเซวียนหยวนพั่วเซียว มีหรือที่ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศจะไม่ให้ความสนใจ?

สำหรับบางคนนั้น พวกเขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเป็นเพราะความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างเฉินซีและตระกูลจั่วชิวหรือไม่ ที่ทำให้เฉินซีฉวยโอกาสนี้ในการสร้างความอับอายให้จั่วชิวถิง

แน่นอนว่าความคิดนั้นเฉินซีไม่อาจยอมรับ

“ถึงเวลาแล้ว!!!” ไม่นานนัก เสียงที่กังวานก็ดังขึ้นอย่างชัดเจนภายในห้องโถง ทันทีที่เสียงนี้สิ้นสุดลง คนกลุ่มหนึ่งก็ค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้นทีละคนจากด้านข้างของห้องโถง กลายเป็นเหตุการณ์ที่ดึงดูดความสนใจของทุกคนได้ในเวลาอันรวดเร็ว

คนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคือชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างผอมสูง คิ้วดกดำและตวัดขึ้นเหมือนกระบี่ สายตาที่จับจ้องยังที่ต่าง ๆ ทรงพลังดุจสายฟ้า เขาสวมเสื้อคลุมสีดำที่ตัดเย็บอย่างเรียบง่าย หากทุกย่างก้าวกลับเปี่ยมไปด้วยรัศมีแห่งความทระนงและเด็ดเดี่ยวซึ่งส่งให้คนผู้นี้ดูน่าเกรงขามยิ่ง

แน่นอน เขาคือผู้อาวุโสแห่งตระกูลเซวียนหยวนผู้มีสมญานามว่าราชาเหล็กโลหิต เซวียนหยวนพั่วเซียว!

เมื่อเขาปรากฏตัว สีหน้าของแขกเหรื่อทุกคนก็ดูจะจริงจังมากขึ้น และอดทอดพินิจอีกฝ่ายด้วยความระมัดระวังไม่ได้

มองเผิน ๆ แขกเหล่านี้ล้วนมาที่นี่เพื่ออวยพรวันเกิดให้แก่เซวียนหยวนพั่วเซียวในวันเกิดของเขา แต่แท้จริงแล้วพวกเขาต่างก็มาด้วยต้องการค้นหาคำตอบว่าเหตุใดเซวียนหยวนพั่วเซียวที่ปิดด่านฝึกวิชามาตลอดแปดพันปีถึงได้เชิญแขกเหรื่อมาในงานวันเกิดของตนมากมายถึงเพียงนี้

ใช่ ชายผู้นี้ได้บรรลุขอบเขตราชันเซียนแล้ว… ในกลุ่มคนมากมาย ดวงตาของชายวัยกลางคนในชุดตัวบนสีเหลืองหรี่ลง เขาอดไม่ได้ที่จะหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความฉงน ในที่สุดเซวียนหยวนพั่วเซียว เซวียนหยวนพั่วเทียน และเซวียนหยวนพั่วจวิน ราชันเซียนสามพี่น้องก็ปรากฏตัวขึ้น หากเรื่องแพร่ออกไป แน่นอนว่ามันต้องทำให้หลาย ๆ คนในภพเซียนต้องตกตะลึงเป็นแน่

ชายวัยกลางคนในชุดสีเหลืองผู้นี้มีนามว่าจงหลีเฉิน เป็นผู้อาวุโสจากตระกูลจงหลี หนึ่งในเจ็ดตระกูลเก่าแก่ที่ยิ่งใหญ่ วันนี้เขามาเพื่ออวยพรให้แก่เซวียนหยวนพั่วเซียว

ไม่ใช่แค่จงหลีเฉินเท่านั้น หากแต่ยังมีตัวตนผู้ยิ่งใหญ่มากมายที่มาร่วมงานซึ่งมีนัยเป็นการประกาศว่าเซวียนหยวนพั่วเซียวได้บรรลุขอบเขตราชันเซียนแล้วหลังจากปิดด่านบ่มเพาะมาร่วมแปดพันปี!

บทที่ 1433 เซวียนหยวนพั่วเซียว 1

บทที่ 1433 เซวียนหยวนพั่วเซียว 2

บทที่ 1433 เซวียนหยวนพั่วเซียว 3

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]