บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 144

บทที่ 144 รุดหน้าอย่างมีชัย

บทที่ 144 รุดหน้าอย่างมีชัย

“สามคนนั้นมันเป็นใคร! โหดเหี้ยมอะไรเช่นนี้!”

“ดูเหมือนจะไม่ใช่พวกศิษย์ของกองกำลังในเมืองทะเลสาบมังกร หรือว่าพวกเขาเป็นผู้บ่มเพาะจากที่อื่น”

“โหดเหี้ยมนัก! เคลื่อนไหวแต่ละครั้งหมายถึงชีวิต! เคล็ดวิชาบ่มเพาะของทั้งสามอยู่ในขั้นสูงมากจริง ๆ แต่ไยข้าจึงถึงไม่เคยได้ยินชื่อพวกเขามาก่อนเลย?”

“นั่นสิ ที่ผ่านมาเจดีย์บำเพ็ญทุกข์จะใช้เพื่อฝึกฝนโดยตลอด ไม่ใช่สถานที่ที่สังหารผู้อื่นเป็นว่าเล่นเช่นนี้ เจ้าสามคนนั่นโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”

เสียงเอะอะอึกทึกดังขึ้นรอบเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ ผู้คนต่างพากันตกตะลึงพรึงเพริดไปกับภาพเหตุการณ์นองเลือดที่บังเกิดขึ้นเป็นอันมาก ในงานเทียบอันดับมังกรซ่อนครั้งที่ผ่าน ๆ มาเคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เสียที่ไหน

นี่เป็นการประลองกำลังกัน ถ้าทักษะของใครด้อยกว่าคนคนนั้นก็สามารถทำลายยันต์เคลื่อนย้ายเพื่อกลับออกไป พฤติกรรมน่ารังเกียจและไร้ความปรานีของคนทั้งสามด้วยการลอบจู่โจมซ้ำสังหารทุกกรณี เจตนาของพวกเขาคือ ไม่ยอมให้ใครรอดชีวิตกลับไป!

เวลานี้การประมือในเจดีย์ระหว่างเฟยเหลิ่งชุ่ยและชิวเหลิ่งได้ทำให้ผู้บ่มเพาะพลังเกือบห้าร้อยคนสนใจที่จะเฝ้าดูอย่างใจจดใจจ่อ ผลจากการที่คนทั้งสามลอบจู่โจมตีในครั้งนี้ แค่เพียงเวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูปก็มีคนถูกสังหารไปแล้วกว่าหกสิบคน ยิ่งกว่านั้นจำนวนคนตายยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และถ้าขืนมันยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ผู้บ่มเพาะที่อยู่ที่นั่นจะไม่ถูกฆ่าตายจนหมดหรือ?

เมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขนาดนี้ แม้แต่ผู้นำของกองกำลังทรงอำนาจต่าง ๆ ที่อยู่บนแท่นหยกก็ไม่อาจใจเย็นอยู่ได้

“สหายเต๋าทั้งหลาย พวกท่านมีใครจำได้บ้างว่าคนสามคนนี้เป็นใครมาจากไหน” หลิงคงจื่อ ประมุขแห่งนิกายกระบี่เมฆาพเนจร ถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ตอบไม่ได้”

“ข้าไม่รู้”

“น่าแปลก ข้าไม่เคยพบเจอหรือได้ยินเกี่ยวกับเคล็ดวิชาที่สามคนนี้ใช้มาก่อนเลย ข้าข้องใจเหลือเกินว่าพวกเขาไปรับถ่ายทอดมาจากที่ใด”

สีหน้าของคนระดับผู้นำหลายคนหมองคล้ำและเคร่งเครียด พวกเขาต่างพากันส่ายหน้าอย่างต่อเนื่อง

ส่วนใหญ่ผู้บ่มเพาะที่ถูกลอบสังหารเป็นคนที่มาจากนิกายของพวกเขา ที่ร้ายยิ่งกว่า ผู้ที่สามารถเข้าไปสู่เจดีย์ชั้นที่สองได้ล้วนเป็นศิษย์ที่มีทั้งพรสวรรค์และความสามารถไม่ธรรมดา ทุกครั้งที่ศิษย์ต้องมาตายลงเช่นนี้นับเป็นหายนะครั้งยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขาทีเดียว

“ในเมื่อสามคนนี้ไม่ใช่ศิษย์จากกองกำลังที่อยู่ในเมืองทะเลสาบมังกร ถ้าเช่นนั้นพวกเขาก็ต้องเป็นผู้บ่มเพาะจากดินแดนอื่น และถ้าเป็นคนจากนอกเมืองที่มาเข้าร่วมในงานเทียบอันดับมังกรซ่อนก็ต้องมีการลงชื่อกับผู้พิทักษ์วิญญาณแห่งราชวงศ์ซ่งและรับตราคำสั่งไปเก็บไว้”

หลิงคงจื่อหันไปสั่งชายวัยกลางคนด้วยเสียงทรงอำนาจ “ชิงฉวนเจ้ารีบไปที่ผู้พิทักษ์วิญญาณแห่งราชวงศ์ซ่ง ไปค้นหามาให้ได้ว่าคนสามคนนี้เป็นใครมาจากไหนแล้วกลับมารายงานข้า”

“รับทราบ” ชายวัยกลางคนที่ชื่อชิงฉวนรู้ถึงสถานการณ์เร่งด่วนเป็นอย่างดี จึงน้อมรับคำสั่งและผลุนผลันออกไปทันที

“สหายเต๋าหลิง เมื่อการประลองเริ่มต้นขึ้นแล้ว เจดีย์บำเพ็ญทุกข์ออกมาได้อย่างเดียวไม่อาจเข้าไปได้ หากปล่อยให้สามคนนั่นทำเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าไม่นานศิษย์ของพวกเราทุกคนจะไม่ถูกพวกเขาฆ่าตายหมดเลยหรือ” พลันท่านหญิงซิงอวิ้น…ประมุขแห่งนิกายบุปผาหยกพูด สีหน้าของนางเย็นเยียบดั่งน้ำแข็ง

“อนิจจา…เท่าที่เห็นตอนนี้พวกเราทำได้เพียงหวังว่าศิษย์ที่เหลือในเจดีย์จะสังเกตเห็นเจ้าสามคนนั่นเสียก่อนและร่วมมือกันเท่านั้น” หลิงคงจื่อถอนใจเฮือกอย่างอัดอั้นพลางส่ายศีรษะ

เจดีย์บำเพ็ญทุกข์คือสมบัติระดับตำนาน แม้ว่ามันจะเสียหายและไม่สมบูรณ์ แต่ด้วยความสามารถของพวกเขา ทุกสิบปีจึงจะเปิดประตูขึ้นมาสักครั้งเพื่อส่งศิษย์เข้าไปฝึกฝนฝ่าฟันอยู่ภายใน บัดนี้จะให้เปิดประตูเจดีย์ออกมาอีกครั้ง จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง

“ดูนั่นสิ! คนสามคนกระทำลอบฆ่าผู้บ่มเพาะคนอื่นตรงนั้น! อ๊ะ…โน่นก็ด้วย!” ในขณะนั้นเสียงอุทานด้วยความตกใจก็ดังขึ้นมาท่ามกลางกลุ่มคน

จากนั้นทุกคนจึงได้เห็นว่าอะไรเกิดขึ้นภายในเจดีย์ชั้นสี่สัญลักษณ์ ยังมีคนอีกสองกลุ่มกำลังมุ่งที่จะลงมือคร่าชีวิตศิษย์ของนิกายใหญ่อย่างเงียบ ๆ แต่ละกลุ่มประกอบด้วยคนสามคน และทักษะวิชาของพวกเขาก็เหมือนกับสามคนก่อนหน้าทุกประการ แสดงว่ามีผู้บ่มเพาะที่ไม่คุ้นหน้าอยู่ด้วยกันทั้งสิ้นเก้าคน!

บัดนี้ศิษย์จากกองกำลังต่าง ๆ ที่อยู่ในเจดีย์เริ่มสังเกตเห็นเหตุการณ์อุกอาจเกิดขึ้นแล้ว และทั้งหมดก็หยุดประลองกันเองก่อน จากนั้นจึงผนึกกำลังร่วมต่อสู้กับผู้บ่มเพาะที่ไม่คุ้นหน้าซึ่งจู่ ๆ ก็มาปรากฏตัวเหมือนภูตผีนั้น

แต่ทุกคนก็พบกับความประหลาดใจ ด้วยผู้บ่มเพาะทั้งเก้าใช้เคล็ดวิชาที่แปลกประหลาดทั้งยังแข็งแกร่งอย่างน่าเกรงขามยิ่ง แต่ละคนแทบไม่ด้อยไปกว่าเฟยเหลิ่งชุ่ย อย่างน้อยพลังบ่มเพาะของแต่ละคนก็อยู่ในขอบเขตตำหนักอินทนิลขั้นที่แปด ยิ่งกว่านั้นอาวุธที่แต่ละคนครอบครองก็เป็นสมบัติวิเศษระดับมนุษย์ขั้นสูง แม้ว่าคนเหล่านี้จะแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละสามคน แต่พลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งของพวกเขาก็น่าเกรงขามยิ่ง แล้วยังสามารถต่อสู้และเอาชนะศิษย์อื่นได้อย่างสิ้นเชิง ในช่วงท้าย ศิษย์หลายคนจำต้องทำลายยันต์เคลื่อนย้ายและหลบหนีเอาตัวรอดออกจากเจดีย์ให้เร็วที่สุดเท่านั้น

คนทั้งเก้านี้เป็นใคร?

ในใจของทุกคน ณ ที่นั้นรู้สึกหนักอึ้ง เดิมงานเทียบอันดับมังกรซ่อนที่ถือเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน บัดนี้กำลังจะถูกทาทับไว้ด้วยเงาแห่งหายนะอีกหลายต่อหลายชั้นเสียแล้ว

เฉินซีไม่ได้สังเกตเห็นสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างน่าประหลาดในชั้นสี่สัญลักษณ์แต่อย่างใด เวลานี้ชายหนุ่มกำลังยืนอยู่เหนือยอดเขาสีทองอร่ามที่สูงชันกว่าทุกยอดเขา ขณะนั้นเขาจับจ้องไปยังโลหะที่เปล่งประกายสีทองแพรวพราวด้วยแววตาร้อนแรง

หลังจากที่เหยียบเข้ามาในดินแดนเทพพยัคฆ์ขาว เขาก็สังเกตเห็นร่องรอยของปราณทองคำที่เจ็ดจึงมุ่งหน้ามายังสถานที่นี้ทันที บริเวณนี้ชายหนุ่มมองเห็นหินก้อนใหญ่รูปทรงกลม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]