บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1445

สรุปบท บทที่ 1445 การต่อสู้ที่สิ้นหวัง: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

อ่านสรุป บทที่ 1445 การต่อสู้ที่สิ้นหวัง จาก บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones

บทที่ บทที่ 1445 การต่อสู้ที่สิ้นหวัง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย novelones อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 1445 การต่อสู้ที่สิ้นหวัง

บทที่ 1445 การต่อสู้ที่สิ้นหวัง

ตึง! ตึง!

ภายในทะเลทรายเนตรสวรรค์ เพลิงกาฬแห่งสงครามเดือดพล่านจากการปะทะกันของสมบัติอมตะจำนวนมากบนอากาศ รัศมีเซียนทั้งหลายปะทุคลั่งในขณะที่พลังซึ่งเป็นผลพวงจากแรงโจมตีได้เปลี่ยนให้พื้นที่มิติกลายเป็นผุยผง ความรุนแรงของมันทำลายแม้แต่ฟ้าดินให้พังทลาย คลื่นแห่งความโกลาหลซัดสาด ผืนปฐพีทั่วระแหงตกอยู่ใต้เงามืด

การต่อสู้ที่ดุเดือดดำเนินไปกว่าสามวันสามคืน ทั่วทุกพื้นที่ของทะเลทรายเนตรสวรรค์อาบนองไปด้วยโลหิตเซียน พวกมันย้อมแผ่นฟ้าให้กลายเป็นสีแดงสดคล้ายกับตกอยู่ใต้แดนชำระล้าง พื้นที่โดยรอบกำจายซ่านไปด้วยกลิ่นอายแห่งสงคราม เลือด และความตาย

หากการต่อสู้ระหว่างสุดยอดผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งภพเซียนนี้เกิดขึ้นในโลกภายนอก มันคงจะทำลายดินแดนนับไม่ถ้วนและกวาดล้างผู้บริสุทธิ์จนแทบหมดแผ่นดิน

โชคดีที่ที่นี่คือทะเลทรายเนตรสวรรค์ซึ่งมีพื้นที่ทอดไกลกว่าสิบล้านลี้ สภาพแวดล้อมของมันเลวร้ายอย่างยิ่ง ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้มีไม่มากนัก ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าการต่อสู้จะรุนแรงหรือเลือดสาดมากเพียงใด มันก็จะไม่ส่งผลกระทบออกไปยังภายนอก

แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อการต่อสู้ที่สั่นสะเทือนไปทั้งโลกานี้ปะทุขึ้น ทั่วทั้งทะเลทรายเนตรสวรรค์ก็พลันถูกทำลายด้วยไฟแห่งสงคราม และเสื่อมสลายไปจากโลกด้วยถูกเปลี่ยนสภาพให้กลายเป็นห้วงแห่งซากปรักรกร้าง

กาลเวลาผ่านไปถึงสามวันเต็ม!

ที่ด้านนอกสนามรบ จั่วชิวเฟิง ผู้นำตระกูลจั่วชิวทอดมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสายตาเยือกเย็นตลอดสามวัน กระทั่งการต่อสู้มาถึงจุดที่พลังหลักของฝ่ายจั่วชิวเฟยหมิงถูกทำลายไปจนใกล้จะหมดสิ้น ในตอนนี้พวกเขาเหลือเพียงกลุ่มคนเล็ก ๆ ที่กำลังต่อสู้ด้วยความสิ้นหวัง

ผิดกับฝ่ายของจั่วชิวเฟิงที่แม้จะสูญเสียกำลังสำคัญไปมากเช่นกัน แต่หากเทียบกันแล้ว มันยังเป็นความสูญเสียในระดับที่ยังยอมรับได้

อย่างไรก็ตาม เขากลับไม่มีความปีติยินดีใดปรากฏขึ้นในห้วงใจแม้แต่น้อย เหตุผลน่ะหรือ ง่ายมาก การต่อสู้ครั้งนี้อย่างไรก็เกิดจากความขัดแย้งภายในของตระกูลจั่วชิว ไม่ว่าจะฝั่งของตนหรือคู่ตรงข้ามก็ล้วนแต่เป็นคนของตระกูลจั่วชิวทั้งสิ้น เลือดที่นองท่วมพื้นก็เป็นเลือดของตระกูลจั่วชิว จะมีใครที่ไหนยินดีจากเบื้องแท้ของใจที่ได้ฆ่าคนในตระกูลกันเล่า?

พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าหากจั่วชิวเฟิงไม่ถูกสถานการณ์บีบคั้น เขาก็คงไม่เลือกใช้วิธีการที่รุนแรงและป่าเถื่อนเช่นนี้แน่!

แต่มันก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อสหายเต๋าเหล่านี้เป็นผู้บีบให้ข้าต้องทำ!

จั่วชิวเฟิงกวาดมองยังสมรภูมิที่อยู่ห่างไกลออกไปทั้งสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีแม้แต่ร่องรอยแห่งความเวทนาใดปรากฏในยามที่เสียงครวญไห้กระทบโสตประสาท นับแต่อดีตกาลจนถึงตอนนี้ ผู้ที่ประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ล้วนแล้วแต่ต้องโหดเหี้ยม ป่าเถื่อน และไร้เมตตาทั้งสิ้น!

ดั่งคำกล่าวที่ว่า กองทัพไม่อาจบัญชาด้วยความปรานี

จั่วชิวเฟิงเชื่อว่าหากใครสักคนต้องขึ้นมาอยู่จุดเดียวกับตน คนผู้นั้นก็คงจะต้องเลือกวิธีการที่โหดร้ายไม่ต่างกัน แน่นอน ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อความมั่นคงภายในของตระกูลจั่วชิว และเขาคือคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ของผู้นำตระกูล

เขามีแต่ต้องทำมันเท่านั้น!

หากจะโทษใครสักคน ก็จงโทษตัวเองเถิดที่กล้ามาต่อกรกับข้า แม้ว่าหากบรรพชนตระกูลจั่วชิวตื่นขึ้นมาจากหลุม พวกเขาก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะเอาผิดข้าได้… จั่วชิวเฟิงพึมพำกับตัวเองในใจ

“รายงานท่านผู้ประมุข ตอนนี้ศัตรูเหลืออยู่เพียงสิบเจ็ดคนเท่านั้น กบฏจั่วชิวเฟยหมิงยังคงปฏิเสธที่จะยอมจำนนต่อความตายและยังคงดิ้นรนด้วยความสิ้นหวัง ในขณะเดียวกัน ฝ่ายของพวกเราสูญเสียราชันเซียนครึ่งขั้นไปหกคน ส่วนราชันเซียนครึ่งขั้นอีกสามสิบห้าคนและท่านบรรพบุรุษหวงหลินยังคงอยู่ในการต่อสู้ นับว่าพวกเราอยู่จุดที่ยังได้เปรียบขอรับ” ตอนนั้นเอง บุรุษวัยกลางคนร่างกำยำก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางอากาศเบาบางและประสานมือคำนับระหว่างที่รายงานสถานการณ์ต่อจั่วชิวเฟิง

จั่วชิวเฟิงตกอยู่ในภวังค์ความคิดลึกซึ้ง เขายังคงพูดเช่นเดิม “กดดันคนพวกนั้นต่อไป อย่าให้ใครหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”

“รับทราบ!” ชายวัยกลางคนรับบัญชาด้วยความเคารพก่อนจะหายไปในทันที

“ฮ่า ๆ ๆ! ขอแสดงความยินดีกับประมุขจั่วชิว ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ผลลัพธ์คงกระจ่างในอีกไม่เกินหนึ่งชั่วยาม!” ทันทีที่เว่ยซิงได้ยินเช่นนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาและรีบแสดงความยินดีกับอีกฝ่าย

จั่วชิวเฟิงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยจากเบื้องลึกของจิตใจต่อคำพูดเหล่านั้น กระนั้นเขาก็ยังคงตอบเว่ยซิงด้วยเสียงเรียบเฉย “ทั้งหมดนี้เป็นเพราะการช่วยเหลือของใต้เท้าเว่ย”

ขณะที่จั่วชิวเฟิงพูด เขาก็มองไปที่ด้านหลังของเว่ยซิงโดยไม่ได้ตั้งใจ

ดวงตาสะท้อนภาพของคนเก้าคนที่สวมผ้าคลุมสีดำ คนเหล่านั้นเปี่ยมไปด้วยรัศมีที่สลัวรางอย่างยิ่ง แม้แต่ผ้าคลุมก็อัดแน่นไปด้วยพลังประหลาดที่ทำให้ผู้คนไม่อาจตั้งตัวถึงการมาถึงของพวกเขาได้ ช่างเป็นกลุ่มคนที่ดูลึกลับไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม จั่วชิวเฟิงนั้นตระหนักดีว่าร่างลึกลับในผ้าคลุมทั้งเก้าคนนั้นอยู่ในขอบเขตราชันเซียน! พวกเขาคือหมากหลักที่นิกายอำนาจเทวะวางไว้ให้เป็นสุดยอดขุมพลังแห่งภพเซียนมาตลอดหลายปีที่ผ่าน!

เป็นไปไม่ได้เลยที่จะล่วงรู้ถึงตัวตนของพวกเขา

จั่วชิวเฟิงไม่เห็นความสำคัญใดที่จะต้องสนใจถึงตัวตนภายใต้ชุดคลุมของคนซึ่งอาศัยอยู่ในภพเซียน แต่กระนั้นใจของเขาก็อดไม่ได้ที่จะคลางแคลง พูดกันตามตรง ตั้งแต่ที่เว่ยซิงนำหมากหลักเหล่านี้มาด้วย มันก็ทำให้ใจของเขาบังเกิดความระแวงอย่างยิ่ง

ตอนนี้เว่ยซิงมีร่างลึกลับใต้ผ้าคลุมอยู่เก้าคน ไม่เพียงเท่านั้น เขายังมีราชันเซียนครึ่งขั้นจำนวนหกสิบเก้าคนอยู่ในฝั่งของตน ยอดฝีมือเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สวมผ้าคลุมสีดำทั้งสิ้น พวกเขาคือหมากที่นิกายอำนาจเทวะวางไว้ในภพเซียนอย่างแน่นอน

กล่าวโดยสรุป บรรดายอดฝีมือทั้งหลายที่เว่ยซิงเป็นผู้นำมานั้นประกอบไปด้วยผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตราชันเซียนเก้าคน และขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นหกสิบเก้าคน หากพลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ประสานกันเป็นหนึ่งแล้วละก็ มันก็เพียงพอจะกวาดล้างกองกำลังขนาดใหญ่ในภพเซียนได้มากมายเลยทีเดียว!

เมื่อต้องเผชิญกับพลังเช่นนี้ มีหรือที่จั่วชิวเฟิงจะไม่นึกระแวง?

“รายงานท่านประมุข ตอนนี้เหลือศัตรูเพียงเก้าคนเท่านั้น พวกเขาถูกท่านบรรพบุรุษหวงหลินและคนอื่น ๆ ล้อมไว้อย่างแน่นหนาแล้ว! จะให้พวกข้าทำเช่นไรต่อดีขอรับ? เชิญท่านประมุขบัญชา!” ครั้นเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป ชายวัยกลางคนร่างกำยำคนก็เดินกลับมารายงานสถานการณ์ต่อจั่วชิวเฟิงอีกครั้ง

ในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึง… ความขัดแย้งภายในที่ดำเนินมาหลายร้อยปีถึงคราวสิ้นสุดลง! จั่วชิวเฟิงรู้สึกสดชื่นขึ้นไม่น้อย เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะโบกมือสั่ง “มาเถอะ ไปดูคนพวกนั้นกัน!

สิ้นเสียงพูด เขาก็หายตัวไปพร้อมกับชายวัยกลางคนผู้นั้นทันที

“ตามพวกเขาไป!” แววตาของเว่ยซิงทอประกายแสงวาวโรจน์ พลางส่งกระแสปราณไปยังคนอื่น ๆ ก่อนจะพาร่างในผ้าคลุมสีดำตามจั่วชิวเฟิงไป

ณ ส่วนลึกของทะเลทรายเนตรสวรรค์

ท่ามกลางการต่อสู้ที่ยุติลง

ผู้อาวุโสของตระกูลซึ่งนำโดยจั่วชิวหวงหลินยืนล้อมจากทุกสารทิศ พวกเขาสร้างค่ายกลที่แน่นหนาล้อมรอบจั่วชิวเฟยหมิงและคนอื่น ๆ เอาไว้อย่างสมบูรณ์ ไม่มีทางใดที่ศัตรูจะล่าถอยออกไปได้

“น้องสาม เจ้าควรจะพอได้แล้ว ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เลือดของตระกูลจั่วชิวหลั่งนองมากเกินไปแล้ว หันไปทางไหนก็มีแต่คนของเราที่ตายตก เจ้าควรรู้ตัวได้แล้วว่าที่เรื่องมันเลวร้ายเช่นวันนี้ก็เป็นเพราะความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงของเจ้า” จั่วชิวหวงหลินยืนเอามือไพล่หลังพลางถอนหายใจ

“เหอะ! พี่รอง ท่านลืมไปแล้วหรือว่าเหตุใดหลายปีก่อนพี่ใหญ่จึงตกตาย? ใช่แล้ว มันเป็นเพราะนิกายอำนาจเทวะ! จนถึงตอนนี้ พวกท่านก็ยังปฏิเสธที่จะเรียนรู้ความผิดพลาดของตัวเองและพึ่งพาพลังของนิกายอำนาจเทวะเพื่อสังหารคนในตระกูลตัวเอง! พวกท่านทุกคนสมควรตาย!” จั่วชิวเฟยหมิงตะโกนก้องอย่างเกรี้ยวกราด ร่างอาบชโลมไปด้วยเลือด มันเป็นสีแดงเช่นเดียวกับดวงตาที่คั่งแค้นไปด้วยความโกรธ เขาในตอนนี้เป็นเหมือนกับสัตว์ร้ายจนตรอกที่พร้อมจะสู้ยิบตา

ผู้อาวุโสระดับสูงของตระกูลจั่วชิวที่ยังเหลืออยู่อีกแปดคนสุดท้ายต่างก็มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวไม่ต่างกัน มันเต็มไปด้วยความชิงชังอันไร้ที่สิ้นสุด สหายส่วนใหญ่ถูกสังหารอย่างไร้ความปรานีในช่วงตลอดสองสามวันที่ผ่านมา มันทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความเกลียดชังอย่างรุนแรงขึ้นภายในจิตใจ

“เรื่องเมื่อหลายปีก่อนนั้นเป็นความผิดพลาดของพี่ใหญ่เอง ข้าไม่อยากมาเสียเวลาเถียงกับเจ้าว่าใครถูกใครผิดหรอกนะ อย่างไรพวกเราก็เป็นสายเลือดเดียวกัน ข้าย่อมต้องให้โอกาสเจ้าได้แก้ไขความผิดพลาดอย่างแน่นอน ตราบใดที่พวกเจ้าสำนึกต่อความผิดที่ได้ทำลงไป แน่นอนว่าข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า” จั่วชิวหวงหลินทอดมองผู้เป็นน้องชายและคนอื่น ๆ ด้วยความเวทนา หากแต่สุ้มเสียงกลับเจือไปด้วยความเหนือกว่าในชัยชนะ

“ท่านบรรพบุรุษหวงหลินพูดถูก ตราบใดที่พวกท่านยอมจำนน ข้าในฐานะประมุขแห่งตระกูลจั่วชิวก็ขอสาบานไว้ชีวิตพวกท่านอย่างแน่นอน ที่ข้าทำเช่นนี้ก็เพราะข้าทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นตระกูลจั่วชิวของเราต้องเผชิญกับความขัดแย้งอีกต่อไป และนี่เป็นวิธีเดียวที่จะให้ตระกูลจั่วชิวของเราไม่กลายเป็นตัวตลกในสายตาคนภายนอก” ตอนนั้นเอง จั่วชิวเฟยก็มาถึง เขาพูดด้วยน้ำเสียงเข้มงวด

ไม่ใช่แค่จั่วชิวเฟิงเท่านั้น เว่ยซิงก็ได้นำกองกำลังของตนมาที่นี่ด้วย เขายืนอยู่ด้านข้างขณะที่จ้องมองจั่วชิวเฟยหมิงและคนอื่น ๆ ด้วยสายตาเย้ยหยัน ราวกับเป็นนกแร้งหิวกระหายผู้ไร้ความปรานีที่ตามเกาะติดเหยื่อของมันอย่างไม่ลดละ

“ยอมจำนนอย่างนั้นหรือ? ฮ่า ๆ ๆ! พวกเจ้าคิดว่าข้าจะยอมเป็นสุนัขรับใช้ของพวกนิกายอำนาจเทวะเหมือนพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ?” จั่วชิวเฟยหมิงกวาดตามองจั่วชิวหวงหลิน จั่วชิวเฟิง เว่ยซิง และคนอื่น ๆ ท่ามกลางสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ท่ามกลางกลิ่นเลือดและความตาย ชายชราแทบจะสิ้นสติด้วยความโศกศัลย์ และไม่อาจอดกลั้นตัวเองไม่ให้ระเบิดเสียงหัวเราะอันเปี่ยมไปด้วยแรงโทสะนี้ได้เลย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]