บทที่ 1444 ปฏิบัติการจากมหาอำนาจทั้งหลาย
บทที่ 1444 ปฏิบัติการจากมหาอำนาจทั้งหลาย
เมื่อเหมิงซิงเหอพูดจบ เขาก็นั่งลงขัดสมาธิ กำลังจะเริ่มทำสมาธิบ่มเพาะพลัง เป็นจังหวะนั้นที่ในใจพลันเกิดการเคลื่อนไหวแปลกประหลาดขึ้น จนเข้าสมาธิไม่ได้อยู่นาน
เขาขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วลืมตา สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด มีร่องรอยความหนักใจ
“ใจเต้นขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่อาจสงบใจได้เลย โชคดีมาพร้อมกับความวิบัติเสมอ หรือที่นี่จะมีตัวแปรอื่นอยู่ด้วย?” เหมิงซิงเหอลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินออกไปด้วยสองมือไพล่หลัง นัยน์ตาลุ่มลึกเต็มไปด้วยแววแห่งปัญญา หากจ้องตาให้ดี ก็จะเห็นประกายความลึกล้ำส่องระยับอยู่ภายใน ราวกับกำลังคาดคะเนเรื่องบางอย่างอยู่
“ความวิบัตินี้น่าแปลก ข้าไม่อาจอ่านมันออก!” ผ่านไปนาน เหมิงซิงเหอก็หยุดเดิน นัยน์ตามีสายฟ้าซัดวาดผ่าน เส้นแสงศักดิ์สิทธิ์มากมายแผ่กระจายออกมา คล้ายกับจะมองลึกเข้าไปในห้วงมิติและกาลเวลา
“ความวิบัติ! ความวิบัติเอ๋ย! ความวิบัติ! ในเมื่ออนุมานไม่ได้ เช่นนั้นก็คงต้องไปเองแล้ว!” เมื่อมีพลังบ่มเพาะอย่างเหมิงซิงเหอ ความคิดก็เชื่อมถึงกันกับใต้หล้า เข้าใจห้วงเวลาได้เป็นอย่างดี สามารถคาดคำนวณความเปลี่ยนผันในสามภพได้ และรู้ดีว่าสัญญาณผิดปกติใดก็ตามมักมีความลับน่าเกรงกลัวซ่อนอยู่เบื้องหลัง
หากไม่ใช่ความวิบัติ โชคลาภ ผลกรรม ก็เป็น… จิตสังหาร!
เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงตัดสินใจออกเดินทางทันที!
แต่จังหวะที่เหมิงซิงเหอกำลังจะออกเดินทาง เขาก็หยุดชะงักในพลัน ใบหน้าฉายแววตกตะลึงขึ้นมา จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ดูท่าจะไม่ต้องเดินทางไปแล้ว เรามีแขกผู้มีเกียรติมาเยือน”
พูดจบ เงาร่างผอมก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นภายในดินแดนเร้นลับเหมือนดวงแสงอันเยือกเย็น เผยให้เห็นชายหนุ่มในชุดปัก ปากแดงฟันขาว และมีเสน่ห์อย่างเป็นธรรมชาติ
…
แดนอำนาจเทวะ
ภูเขาไฟขนาดใหญ่ปะทุคำราม พ่นหินหลอมเหลวออกมาไม่หยุดหย่อน และยังคงตั้งอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
ณ ยอดภูเขาไฟ ซุ่ยเหรินถิงกำลังนั่งขัดสมาธิ ทั่วร่างโอบล้อมไปด้วยกระแสแสงคล้ายเปลวเพลิงนับไม่ถ้วน มันเผาผลาญท้องฟ้าด้วยแรงพลังอันน่าเกรงขาม
“ท่านบรรพบุรุษ ศิษย์เคลื่อนเก้าหมากหลักและหกสิบเก้าหมากรองในภพเซียนแล้ว อีกก้าวหนึ่งก็จะสำเร็จ!” เว่ยซิงที่จั่วชิวเฟิงมองเหมือนมือขวาคุกเข่าลงแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคารพนบนอบ
“หึ! โอหังนัก! กล้าใช้หมากหลักที่เจ้านิกายเป็นคนวางไว้ในภพเซียนกับมืออย่างนั้นเลยหรือ!” ซุ่ยเหรินถิงลืมตาขึ้น นัยน์ตาลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ พลางเหลือบมองเว่ยซิงด้วยสายตาเย็นชา เขาย่อมรู้ดีว่าหมากรองทั้งหลายล้วนเป็นขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นที่นิกายอำนาจเทวะวางไว้ในภพเซียน!
หมากหลักทุกตัวเป็นเจ้านิกายอำนาจเทวะที่คอยจัดการมานานหลายปี กระทั่งซุ่ยเหรินถิงยังไร้อำนาจยุ่งเรื่องนี้ เพราะอย่างไรพวกเขาก็เป็นราชันเซียนที่ทรงพลัง หากตัวตนถูกเปิดเผยก็แทบจะทำให้ภพเซียนในตอนนี้ตกตะลึงกันไปทั่วได้แล้ว!
ตัวอย่างเช่น สิ่งมีชีวิตทุกอย่างในภพเซียนตอนนี้รู้จักสี่ราชันเซียนดี ส่วนเบื้องลึกเบื้องหลังจะมีราชันเซียนอีกมากแค่ไหน มีเพียงไม่กี่คนในกองกำลังใหญ่ที่รู้แน่ชัดเท่านั้น
เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?
ก็ไม่ใช่เรื่องซับซ้อน ราชันเซียนถือว่าเป็นตัวตนที่อยู่จุดสูงสุดของภพเซียน พลังสูงส่งเช่นนั้นเปรียบดั่งเสาหลักของกองกำลังใหญ่ แล้วจะมีใครกล้าเปิดเผยตัวตนง่าย ๆ?
มันเป็นเหมือนไพ่ลับที่ยิ่งลึกลับเท่าไหร่ก็ยิ่งขัดขวางศัตรูได้มากขึ้นเท่านั้น เมื่อเผยไพ่ออกมาก็ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นได้
แต่สำหรับนิกายอำนาจเทวะแล้ว หมากหลัก เป็นสิ่งที่ต้องปิดไว้ให้มิด เพราะส่วนมากมาจากหลากกลุ่มอำนาจใหญ่ในภพเซียนหลายแห่ง มีฐานะสูงส่งเป็นที่นับถือ หากคนอื่นรู้ว่าพวกเขาเป็นหมากให้นิกายอำนาจเทวะจะเกิดอะไรขึ้นเล่า?
เว่ยซิงใจสั่นเมื่อเห็นซุ่ยเหรินถิงยังคงเงียบ เหงื่อเย็นไหลโทรมกาย “บรรพบุรุษ ศิษย์ทำไปก็เพื่อสังหารเฉินซีและนำกระบี่เต๋าวิบัติกับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากกลับมาโดยเร็วที่สุด ไม่ได้คิดท้าทายบรรพบุรุษเลย”
ซุ่ยเหรินถิงฉีกยิ้ม “ข้าเพียงบอกว่าเจ้าโอหัง ไม่ได้บอกว่าเจ้าทำผิดเสียหน่อย”
คาดเดาอารมณ์ไม่ได้เลยเชียว!
เว่ยซิงคิดเช่นนั้น แต่ไม่กล้าพูดออกมา
“สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” ซุ่ยเหรินถิงเก็บรอยยิ้มแล้วถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“คงรู้ผลได้ในสามวัน! ถึงตอนนั้น จั่วชิวเสวี่ยและพวกกบฏตระกูลจั่วชิวก็จะตกอยู่ในการควบคุมของนิกายอำนาจเทวะ ไม่ต้องห่วงเรื่องเฉินซีจะมาหาเราเลยขอรับ” เว่ยซิงรีบตอบ
“สามวัน…” ซุ่ยเหรินถิงพึมพำ จากนั้นก็นึกถึงคำสั่งท่านเจ้านิกายที่ว่าไว้เมื่อหลายวันก่อน ผ่านไปนานแล้วเขาจึงได้สติแล้วมองเว่ยซิงที่หมอบอยู่กับพื้น “เอาละ เจ้ากลับไปได้ รีบทำให้สำเร็จโดยเร็วเถอะ”
“เข้าใจแล้วขอรับ” เว่ยซิงรีบพยักหน้ารับคำทันที
ตู้ม!
ทว่าเมื่อเว่ยซิงลุกขึ้น เสียงฟ้าลั่นก็ดังสนั่น วาบออกมาเป็นแสงสีม่วงสว่างจ้า รูปร่างดูคล้ายมังกร เต็มไปด้วยกลิ่นอายดุดันน่าเกรงขาม
สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์สีม่วงนี้ซัดลงมาอย่างเฉียบพลัน ทำเอาเว่ยซิงตกใจจนร่างสะดุ้งแทบล้มลงกับพื้น เขาเป็นราชันเซียนครึ่งขั้นยังกลัวขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าสายฟ้าเส้นนั้นมีความน่าเกรงขามเพียงใด
แต่สายฟ้าเมื่อครู่ไม่ได้จงใจซัดลงมาใส่เว่ยซิง เพราะเมื่อมันซัดลงมา ก็เปลี่ยนเป็นประกาศิตสีม่วงส่องประกายระยับที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ
สามารถมองเห็นประกาศิตสีม่วงที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์อันทรงพลังได้อย่างเลือนราง อักขระศักดิ์สิทธิ์ภายในบิดม้วนเหมือนตัวหนอน มันเป็นอักขระโบราณที่ดูลึกลับ ปลดปล่อยกลิ่นอายน่าเกรงขามจนฟ้าดินหม่นแสงเมื่อเทียบกัน
ซุ่ยเหรินถิงมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาเมื่อเห็นประกาศิตนั่น เขาลุกขึ้นโค้งคำนับให้ทันใด “ศิษย์ซุ่ยเหรินถิงรอรับคำสั่ง”
“เวลามาถึงแล้ว จงรับป้ายคำสั่งนี้ไปแล้วออกปฏิบัติการได้” น้ำเสียงสง่างามไร้อารมณ์ดังก้องขึ้นทั่วฟ้าดิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...
ไม่ลงต่อแล้วหรือครับ ผมยังรออยู่นะครับ...