บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 147

บทที่ 147 อักขระสยบวิญญาณ

บทที่ 147 อักขระสยบวิญญาณ

ภายในชั้นหยินหยางของเจดีย์บำเพ็ญทุกข์

ทันทีที่เฉินซีปรากฏตัวขึ้น เขาก็เห็นผู้พิทักษ์จิตอสูรทั้ง 32 คนกำลังรายล้อมเขาอยู่ห่าง ๆ และทันใดนั้นเอง พวกมันก็โจมตีอย่างรุนแรงโดยปราศจากคำพูดใด

พวกมันเกือบทุกคนมีการบ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลขั้นดาราที่แปดและการฝึกฝนในเต๋าแห่งการต่อสู้อยู่ที่ระดับเต๋ารู้แจ้ง ซึ่งตัวจ้านคงเองก็มีการบ่มเพาะที่ขอบเขตตำหนักอินทนิลขั้นสมบูรณ์แบบ และอยู่ห่างจากการบรรลุไปสู่ขอบเขตเคหาทองคำอีกเพียงก้าวเดียว

ดังนั้น กองกำลังร่วมของสามสิบสองคนนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำลายล้างผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง!

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ลำแสงของศัสตราวิเศษที่เป็นประกายเจิดจรัสอยู่มากมายได้พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และทุกชิ้นต่างก็เป็นศัสตราวิเศษระดับมนุษย์ขั้นสุดยอด ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของคนทั้งสามสิบสองคน ศัสตราวิเศษเหล่านี้เป็นดั่งพายุที่โหมกระหน่ำลงมาจากทุกสารทิศ อานุภาพของมันทำให้ท้องฟ้าต้องสั่นสะเทือนจนเกิดเสียงหวีดหวิว ขณะที่พวกมันดำดิ่งลงมาราวกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุด้วยแรงกระตุ้นที่น่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง

พวกมันไร้คำพูด ปราศจากการลังเล และโจมตีด้วยพลังทั้งหมด ซึ่งจะไม่หยุดยั้งจนกว่าพวกมันจะฆ่าเฉินซีได้ เห็นได้ชัดว่าผู้พิทักษ์จิตอสูรเหล่านี้ได้ตัดสินใจที่จะกำจัดเฉินซีด้วยการโจมตีในครั้งนี้!

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เฉินซีไม่อาจลังเลได้อีกต่อไป จากนั้นจึงรีบโคจรปราณจ้าววิญญาณภายในร่าง ก่อนที่จะซัดฝ่ามือขวาออกไปอย่างดุเดือด!

โอม!

แม้แต่สวรรค์และโลกยังต้องสั่นสะท้าน เมื่อฝ่ามือขนาดมหึมาที่ปกคลุมพื้นที่ถึงร้อยยี่สิบจั้งปรากฏขึ้นกลางอากาศ เสมือนมือข้างเดียวก็สามารถปิดซ่อนสวรรค์ได้

ฝ่ามือนั้นอาบไปด้วยลำแสงทั้งห้าสี อันได้แก่ สีเหลืองสดใส สีเขียวหยก สีทองอร่าม สีแดงเลือดหมู และสีดำทะมึน ลำแสงเหล่านี้ต่างก็ส่งเสียงหวิดหวิวขณะที่มันหมุนวนไปรอบ ๆ ฝ่ามือจนเปล่งรัศมีแห่งสวรรค์ และบนลายเส้นของฝ่ามือเองก็มีดวงดาวพร่างพรายโคจรอย่างไร้ที่สิ้นสุด ขณะที่พวกมันกะพริบแสงระหว่างสว่างและสลัว

เมื่อฝ่ามือมหึมาปรากฏขึ้น กระแสพลังที่หนักแน่น มหาศาล รุนแรงและกว้างใหญ่จนน่าสะพรึงกลัวได้ก่อตัวขึ้นบนใจกลางของฝ่ามือ ก่อนที่จะกระจายออกไปบริเวณโดยรอบอย่างดุเดือด ซึ่งทำให้ท้องฟ้าต้องสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนเกิดระลอกคลื่นอากาศ แม้แต่ก้อนหินบนพื้นก็ยังถูกรัศมีนี้กดทับจนแตกทีละนิด ๆ และพังทลายลง

เมื่อมองจากระยะไกล ฝ่ามือมหึมานี้เปี่ยมไปด้วยพลังของธาตุทั้งห้าและพลังดาราจักร ซึ่งดูคล้ายกับมือของเทพในสมัยโบราณที่มีกลิ่นอายน่าเกรงขาม!

ในขณะที่ฝ่ามือขนาดมหึมาปรากฏขึ้นกลางอากาศ มันได้ตะครุบออกไปอย่างดุเดือด นิ้วทั้งห้ากำศัสตราวิเศษเหล่านั้นจนแน่นก่อนจะเกิดการระเบิดดังกึกก้อง

ศัสตราวิเศษระดับมนุษย์ขั้นสุดยอดจำนวนมากพังทลายและแตกสลายเป็นชิ้น ๆ โดยที่พวกมันไม่อาจต้านทานแม้แต่น้อย เพียงชั่วพริบตา พวกมันก็สลายกลายเป็นฝุ่นผงกระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้า ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ในตอนนี้เฉินซีได้บรรลุการแปรสภาพร่างกายสู่ขอบเขตตำหนักอินทนิลขั้นดาราที่ห้าแล้ว และหลังจากที่ฝ่ามือมหาดาราของเขาหลอมรวมเข้ากับปราณจ้าววิญญาณดาราขั้นปฐพีที่ห้า ปราณจ้าววิญญาณดาราขั้นพฤกษาที่สอง ปราณจ้าววิญญาณดาราขั้นทองคำที่เจ็ด ปราณจ้าววิญญาณดาราขั้นอัคคีที่สามและปราณจ้าววิญญาณดาราขั้นวารีที่เก้า ก็ดูเหมือนว่าพวกมันได้เกิดใหม่ ซึ่งพลังของมันก็เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมถึงสิบเท่า และยังบรรลุถึงขั้นที่ห้าของฝ่ามือมหาดารา

ต้องรู้ว่าเมื่อครั้งที่การบ่มเพาะของเฉินซีอยู่ที่ขอบเขตตำหนักอินทนิลขั้นสองดารา ในยามที่ฝ่ามือมหาดาราถูกใช้ออกไป มันสามารถทำลายล้างผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำทั้งสี่คนได้อย่างง่ายดาย แต่ในตอนนี้ฝ่ามือมหาดาราได้ก้าวข้ามถึงสามขั้น พลังของมันจึงเพียงพอที่จะบดขยี้ศัสตราวิเศษระดับล้ำลึกได้

ดังนั้นไม่ว่าศัสตราวิเศษระดับมนุษย์ขั้นสุดยอดจะแข็งแกร่งถึงเพียงใด แต่เมื่อเผชิญหน้ากับฝ่ามือมหาดารา พวกมันก็ยังเปราะบางราวกับกระดาษ และก็แตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ทันทีที่ฝ่ามือบีบแน่น

ตูม! ตูม! ตูม!

เมื่อศัสตราวิเศษของพวกมันถูกทำลาย เหล่าผู้พิทักษ์จิตอสูรซึ่งมีจ้านคงเป็นผู้นำต่างก็ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก และกระอักเลือดออกมา จนทำให้สีหน้าของพวกมันซีดลงอย่างรวดเร็ว

“มันเป็นไปได้อย่างไร? เวลาผ่านไปเพียงครึ่งวัน หลังจากที่พวกเราเห็นมันใช้ฝ่ามือขนาดมหึมาทำลายล้างศิษย์ของตระกูลซู เหตุใดความแข็งแกร่งของมันจึงเพิ่มขึ้นอีกแล้ว!”

“สิ่งนี้มันคือพลังอิทธิฤทธิ์อะไรกัน? มันสามารถบดขยี้ศัสตราวิเศษระดับมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย!”

“บัดซบ! เหตุใดความแข็งแกร่งของมันถึงพุ่งทะยานขนาดนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันปกปิดความแข็งแกร่งมาโดยตลอด?”

เมื่อครั้งที่ผู้พิทักษ์จิตอสูรอยู่ที่ชั้นแปดทิศทางของเจดีย์ พวกมันแทบทุกคนได้ชมการต่อสู้ระหว่างเฉินซีกับศิษย์ของตระกูลซู และพวกมันก็ได้ประเมินความแข็งแกร่งของเฉินซีแล้ว ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้พวกมันมั่นใจที่จะจัดการเฉินซีด้วยการลงมือในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เอง ความแข็งแกร่งของเฉินซีที่ปลดปล่อยออกมากลับเหนือล้ำกว่าตอนที่พวกมันเคยเห็นถึงสิบเท่า ไม่เพียงแต่จะทำให้การโจมตีเต็มกำลังของพวกมันต้องไร้ผล แต่พวกมันยังได้ความรับบาดเจ็บกลับมาในระดับหนึ่ง ดังนั้นพวกมันจะไม่ตกตะลึงได้อย่างไร?

“ไปตายซะ!” ในตอนที่จ้านคงและคนอื่น ๆ กำลังตื่นตระหนกอยู่ในใจ เฉินซีก็ตะโกนออกมาเสียงดังกังวาน ในขณะที่ฝ่ามือมหาดาราฟาดลงมาอีกครั้ง

ปัง! ปัง! ปัง!

ปราณจ้าววิญญาณที่พลุ่งพล่านของธาตุทั้งห้าผสานกับพลังดาราจักรอันลึกล้ำที่กำลังผันผวนอย่างรุนแรง ซึ่งปกคลุมอยู่บนฝ่ามือนั้นพลันพุ่งลงมาอย่างรุนแรง

ทันใดนั้นมีผู้พิทักษ์จิตอสูรกว่าสิบคนที่ไม่สามารถหลบหลีกได้ทัน จึงทำให้พวกมันถูกบดขยี้ลงกับพื้นก่อนจะกลายเป็นกองบ่อเลือดและเศษเนื้อ!

“บัดซบ! ข้าเกรงว่าเราคงไม่อาจทำภารกิจที่ได้รับมาจากหัวหน้าหมู่ตึกฟ่านให้สำเร็จได้ในครั้งนี้” จ้านคงหลบพลังของฝ่ามือด้วยสภาพที่ดูไม่ได้ และสีหน้าของเขาก็เคร่งเครียดเป็นอย่างยิ่ง

“ท่านหัวหน้าจ้าน เราควรทำอย่างไรดี? ศัตรูนั้นทรงพลังเกินไป และเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน!” ลู่ผิงที่อยู่ห่างออกไปร้องออกมาเสียงดัง น้ำเสียงของเขาเผยให้เห็นความหวาดกลัว ต่อให้ไม่ว่าใครก็ตาม เมื่อเห็นสหายของพวกเขากลายเป็นกองเศษเนื้อเหมือนมันบดในพริบตา พวกเขาก็คงจะหวาดกลัวจนสุดขีดเช่นเดียวกัน

“เราควรทำอย่างไรน่ะหรือ? หากเราหลบหนีออกจากเจดีย์ก็ตายอยู่ดี ถึงแม้ว่าพวกเราจะมีชีวิตรอด หัวหน้าหมู่ตึกฟ่านก็จะไม่ปล่อยเราไปอย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนี้ เหตุใดพวกเราจึงไม่พาไอ้เด็กคนนี้ลงนรกไปด้วยกันล่ะ!?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]