บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1472

บทที่ 1472 เหตุการณ์ในอดีต

……………………………………………………………………..

บทที่ 1472 เหตุการณ์ในอดีต

โอม!

เฉินหลิงจวินสะบัดแขนเสื้อ และเหตุการณ์ก็เปลี่ยนไปทันที ม่านแสงลอยปรากฏขึ้นมา และเหตุการณ์บนนั้นก็เปลี่ยนไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ในม่านแสงเป็นท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ และมีทั้งหมดสามสิบสามชั้น!

ทุกชั้นเป็นตัวแทนของดินแดนเร้นลับอันไร้ขอบเขต ชายชุดเขียวผู้หนึ่งมีสีหน้าสิ้นหวังขณะที่ก้าวเดินอย่างเร่งรีบ และทุกย่างก้าวของเขาจะข้ามผ่านชั้นฟ้า

ชายชุดเขียวผู้นี้มีใบหน้าสมบุรุษเพศ คิ้วเอียงที่คมกริบดุจกระบี่ น่าตกใจที่รูปร่างหน้าตาของคนผู้นี้ เหมือนกับเฉินหลิงจวินทุกประการ!

อย่างไรก็ตาม เฉินซีสังเกตเห็นอย่างชัดเจนว่า ชายชุดเขียวผู้นี้มิใช่บิดาของตนอย่างแน่นอน เพราะกลิ่นอายของคนผู้นี้คลุมเครือเกินไป ทั้งยังเปี่ยมด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์อันสูงสุด ยิ่งไปกว่านั้น ทุกการเคลื่อนไหวดูเหมือนจะสามารถแยกฟ้าดินออกจากกัน และสร้างโลกขึ้นมาใหม่ได้!

ถึงขั้นที่กลิ่นอายของเขาน่าเกรงยิ่งกว่าศิษย์พี่สามของเฉินซี เที่ยอวิ๋นไห่ เสียอีก!

แล้วบุคคลที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้จะคือเฉินหลิงจวินซึ่งเป็นบิดาของเขาได้อย่างไร?

ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจเฉินซี ชายหนุ่มหายใจเข้าลึก ๆ และหยุดคิดขณะที่ดูมันต่อไป

หลังจากที่ก้าวไปสามสิบสามก้าวอย่างเร่งรีบชายชุดเขียวก็อยู่เหนือท้องฟ้าชั้นที่สามสิบสามแล้ว

นี่เป็นพื้นที่แห่งความโกลาหลอันกว้างใหญ่ และกลิ่นอายแห่งความศักดิ์สิทธิ์ก็แผ่ซ่านไปทั่วบริเวณโดยรอบ ในขณะที่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวต่างขึ้นและตกลง แต่สิ่งที่เด่นชัดที่สุด คือบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์อันสว่างไสวที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางความโกลาหล!

บนบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์มีร่างของชายชุดดำนั่งอยู่ตรงนั้น

ร่างนั้นดูสูงอย่างไร้ขีดจำกัด และเปี่ยมด้วยรัศมีทรงเกียรติอันสูงสุด เสมือนจ้าวผู้ครองฟ้าดิน เป็นดั่งราชันของทุกสรรพสิ่ง ทั้งยังแผ่กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัว ที่ทำโลกสั่นสะเทือนเมื่ออยู่ต่อหน้าคนผู้นี้

ชายคนนั้นนั่งตัวตรงบนบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์ และบัลลังก์ก็สว่างไสวเพราะเขา!

เนื่องจากร่างนี้ดูสง่างามและสูงส่งเกินไป รัศมีของมันจึงว่างเปล่าและไม่ชัดเจน ทั้งยังเจิดจ้า จนผู้อื่นไม่สามารถมองเห็นรูปร่างหน้าตาของมันได้อย่างชัดเจน

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ หัวใจของเฉินซีก็สั่นสะท้านอีกครั้ง เจ้านิกายอำนาจเทวะ!

ครั้งหนึ่งเขาเคยเห็นรัศมีเช่นนี้ ซึ่งเปล่งออกมาจากร่างที่อยู่ภายในเนตรทัณฑ์สวรรค์ และหลังจากที่ซุ่ยเหรินถิงถูกยึดครองร่าง ดังนั้นเขาจะลืมมันได้อย่างไร

ท่านพ่อ… ไม่สิ ทำไมชายชุดเขียวถึงมาที่นี่? แล้วทำไมเขาถึงต้องมาพบกับประมุขแห่งนิกายอำนาจเทวะ? หรือว่าจะมีความสัมพันธ์บางอย่างระหว่างพวกเขา? ชั่วขณะหนึ่ง คำถามนับไม่ถ้วนก็ผุดขึ้นในใจของเฉินซี

“ศิษย์พี่ ข้าจะไปแล้ว” หลังจากที่ชายชุดเขียวมาถึงเหนือท้องฟ้าชั้นที่สามสิบสาม เขาก็เงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะมองไปที่ร่างชุดดำที่นั่งบนบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์ แล้วจึงกล่าวช้า ๆ ในขณะท่าทางที่มั่นคงก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา

ศิษย์พี่หรือ!

เฉินซีตกตะลึงในใจอย่างมาก “หรือว่าเขาจะเป็นศิษย์น้องของประมุขนิกายอำนาจเทวะ?”

“ในยุคบรรพกาล เทพและปราชญ์ต่างต่อสู้เพื่อชิงความเป็นใหญ่ และทุกคนปรารถนาที่จะควบคุมสามภพ เจ้ามีนิสัยรักสงบและหลุดพ้นทางโลก ข้าจึงเข้าใจเรื่องนี้ดี ดังนั้นข้าจึงไม่ขัดกับความตั้งใจของเจ้าหรือบังคับเจ้าให้ออกเดินทางเพื่อนิกายอำนาจเทวะ แล้วเหตุใดเจ้าถึงตั้งใจจะจากไปด้วย?” บนบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์ ประมุขนิกายอำนาจเทวะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ว่างเปล่าไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ แต่เปี่ยมด้วยรัศมีทรงเกียรติอันสูงสุด

“ในเมื่อหลักการต่างกัน ก็ควรต่างคนต่างไปเสียดีกว่า” ชายชุดเขียวเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะกล่าวออกมาเบา ๆ

“ฮ่า ๆ ๆ! ช่างเป็นคำตอบที่ประเสริฐแท้!” ประมุขของนิกายอำนาจเทวะแผดหัวเราะ เสียงของเขาดังก้องราวกับสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ และก้องกันวานไปทั่วความโกลาหลในบริเวณโดยรอบ จากนั้นเสียงหัวเราะก็หยุดลงอย่างกะทันหัน เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง ลำแสงศักดิ์สิทธิ์สองสายก็พุ่งตรงไปยังชายชุดเขียว ขณะที่กล่าวอย่างเฉยเมย “ศิษย์น้อง แล้วถ้าข้าไม่เห็นด้วยล่ะ?”

เคร้ง!

ชายชุดเขียวไม่ได้กล่าวกระไร กระบี่ปรากฏอยู่ในมือของเขาฉับพลัน

“เจ้าตั้งใจจะสู้กับข้าหรือ?” เสียงของประมุขนิกายอำนาจเทวะนั่นเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยอย่างลึกซึ้ง

“ศิษย์พี่ ข้าคิดว่าท่านคงทราบมานานแล้วว่าข้าไม่เคยมาจากสามภพ และข้าก็ทราบถึงความตั้งใจของท่านมานานแล้ว อย่างไรก็ตาม หากท่านคิดว่าสามารถฆ่าข้าได้ งั้นเจ้าก็ไร้เดียงสาเกินไป!” ชายชุดเขียวเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และก็ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดเลย

“ใช่แล้ว เจ้าไม่เคยมาจากสามภพ และข้าก็เดาตัวตนของเจ้าได้ไม่น้อยแล้ว แต่ลองถามใจตัวเองดูว่าข้าเคยฝืนบังคับเจ้าในตลอดหลายปีที่ผ่านมาหรือไม่?” ประมุขของนิกายอำนาจเทวะไม่แยแส และเสียงของเขาก็เผยให้เห็นถึงความโกรธ

“บังคับข้า? ท่านกล้าหรือ?” ทันใดนั้น ชายชุดเขียวก็มีสีหน้าที่เย้ยหยัน “ไม่จำเป็นต้องกล่าววาจาใด ๆ ความคิดของท่านสามารถหลอกลวงผู้คนในโลกได้ แต่ก็ไม่อาจหลอกลวงข้าได้เสมอไป”

“เจ้าตั้งใจจะสู้กับข้าจริง ๆ หรือ?” เสียงของประมุขนิกายอำนาจเทวะมีจิตสังหารอยู่เล็กน้อย

ในขณะนี้ หัวใจของเฉินซีอดไม่ได้ที่จะกังวลอย่างยิ่ง

ตู้ม!

ทว่าในขณะนี้ เหตุการณ์บนม่านแสงก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และทั้งหมดก็หายไป

หลังจากนั้น ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และเริ่มจดจำทุกสิ่งที่ได้เห็นก่อนหน้านี้อย่างระมัดระวัง

ศิษย์น้องของประมุขนิกายอำนาจเทวะไม่ได้มาจากสามภพ… หรือว่าชายชุดเขียวนั้นมาจากแดนเทพโบราณ? เดี๋ยวก่อน หากมันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ แล้วทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวในสามภพล่ะ?

“ณ เวลานั้น ข้ามีนามว่า ไท่หลิง เป็นศิษย์น้องของประมุขนิกายอำนาจเทวะ ข้าอยู่ใต้คนคนเดียว แต่อยู่เหนือผู้คนนับหมื่น และข้าก็ได้รับความเคารพในฐานะอาจารย์ลุงของนิกายอำนาจเทวะ มีชื่อเสียงเลื่องลือในยุคบรรพกาล ฮ่า ๆ! น่าเสียดายที่ทั้งหมดนั่นเป็นเพียงเรื่องโกหก” ทันใดนั้น ม่านแสงก็กะพริบ และเสียงของเฉินหลิงจวินก็ดังขึ้น “ซีเอ๋อร์ ไม่ต้องสงสัยเลย นั่นคือข้าเอง อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการกลับชาติมาเกิดครั้งแรกของข้า หลังจากที่ข้ามาถึงสามภพ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]