บทที่ 1473 ต่อสู้กับราชันเซียน
……………………………………………………………………..
บทที่ 1473 ต่อสู้กับราชันเซียน
ณ ทะเลทรายเนตรสวรรค์
ลมพัดโหมกระหน่ำ รอยแยกมิติสั่นไหวอยู่ตลอดเวลาขณะที่มันเคลื่อนคล้อยสู่บริเวณโดยรอบ
บนท้องฟ้ามีประตูตั้งตระหง่านอยู่บานหนึ่ง ทว่ามันไม่เคยเงียบงัน เนื่องจากมีโซ่เส้นเขื่องที่คอยพุ่งออกมาจากภายในมันอยู่มากมายมหาศาล เสมือนว่าพวกมันกำลังลาดตระเวนไปทั่วทั้งสามภพ ด้วยเจตจำนงที่จะพันธนาการเหล่าเทพที่กำลังซ่อนตัวอยู่
แน่นอนว่าภัยพิบัติที่แผ่ขยายไปทั่วทั้งสามภพ ย่อมไม่หายไปในช่วงเวลาอันสั้น
ฟิ่ว!
มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากอากาศ พลางเดินโซซัดโซเซอยู่บนทะเลทรายเนตรสวรรค์อันอ้างว้าง เสื้อผ้าและผมสีดำสนิทปลิวไสวไปกับสายลม มันเผยให้เห็นรูปลักษณ์อันหล่อเหลา ซึ่งมองเหม่อด้วยแววตาที่ว่างเปล่า
ร่างนี้เป็นย่อมคือเฉินซี
จนถึงบัดนี้ เขายังไม่ฟื้นสติจากทุกสิ่งที่ได้ประสบมาก่อนหน้านี้
ประสบการณ์ที่ชายหนุ่มได้รับจากคุกเนตรเซียน ทำให้เขาได้ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากชิ้นที่แปดและได้จดจำตัวอักษรโบราณที่คลุมเครืออีกห้าตัว ทั้งยังได้แผนภาพที่ตีตราด้วยกระบี่เปื้อนเลือดที่เสียหาย
แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือได้ทราบข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับเฉินหลิงจวิน ผู้ซึ่งเป็นบิดาของตน ซึ่งความโกรธและความไม่เข้าใจที่สะสมอยู่ในใจมาเนิ่นนาน ดูเหมือนจะถูกขจัดออกไปในพริบตา
ทว่าในใจของเฉินซี ยังคงว่างเปล่าและเจ็บปวด
ท้ายที่สุดแล้ว ชายหนุ่มยังคงไม่สามารถพบกับบิดาของตนได้ ซึ่งต้องบอกว่า นี่เป็นความเสียใจอย่างยิ่ง
ในระหว่างการกลับชาติมาเกิดครั้งแรกในสามภพ เขาเป็นศิษย์น้องของประมุขนิกายอำนาจเทวะ ในชาติที่สอง เขาคือนายท่านรองแห่งเขาเทพพยากรณ์ นักพรตเต๋าเซิ่งจี ในชาติที่สาม เขาคืออวิ๋นฝูเซิงแห่งสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า และตอนนี้ เขาคือเฉินหลิงจวิน… แต่แท้จริงแล้วเขามาจากที่ใดกันแน่?
เฉินซีมองเหม่อด้วยสายตาที่เลื่อนลอย พร้อมกับอยู่การครุ่นคิดอันลึกซึ้ง และยังคงจำได้ว่า เฉินหลิงจวินได้กล่าวไว้ว่าไม่ได้มาจากสามภพ ดังนั้นเขามาจากที่ใดก่อนที่จะกลับชาติมาเกิดใหม่? คนผู้นี้มีตัวตนเช่นใดกันแน่?
ทั้งหมดนี้ไม่มีผู้ใดล่วงรู้
แต่บัดนี้ เฉินรู้ชัดเจนว่าบิดามารดาของตน เฉินหลิงจวินและจั่วชิวเสวี่ยนั่นจากไปแล้ว พวกเขาได้คว้าโอกาสจากภัยพิบัติที่พัดผ่านไปเพื่อที่จะออกจากภพทั้งสามไป
ส่วนพวกเขาไปที่ใดและเหตุใดถึงเร่งรีบปานนั้น เฉินซีไม่อาจระบุได้
ครั้นเมื่อหลายปีก่อน เฉินหลิงจวินซึ่งเป็นศิษย์น้องของประมุขนิกายอำนาจเทวะตั้งใจจะจากไปด้วยเหตุผลบางอย่าง ทว่ากลับถูกสังหารโดยประมุขนิกายอำนาจเทวะ ซึ่งด้วยเหตุผลเดียวกันนี้เอง เขาจึงประสบกับคราวเคราะห์ ทั้งยังตกตายในชาติที่สองและชาติที่สาม
บางทีอาจเป็นเพราะเหตุผลที่ไม่ทราบแน่ชัด ทำให้เฉินหลิงจวินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจากไปตอนนี้?
เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และสัมผัสถึงชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากที่ล่องลอยอยู่ในห้วงจิตสำนึก ซึ่งตั้งแต่มารดาของเขาจั่วชิวเสวี่ยได้กำชับว่าต้องดูแลมันให้ดีก่อนที่นางจะไป เฉินซีก็ตระหนักดีว่าตราบใดที่ตนคลี่คลายความลึกลับไปทีละขั้น สักวันหนึ่งพวกเขาก็จะได้พบกันในที่สุด
หืม?
ทันใดนั้น เฉินซีสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่อยู่ภายในใจ ดวงตาพลันทอประกายด้วยสายฟ้าอันเยียบเย็น
ฟิ่ว!
ณ เวลาต่อมา ร่างสูงใหญ่ก็หายไปทันที
…
ฟิ่ว! ฟิ่ว! ฟิ่ว!
“จงค้นหาให้ทั่ว นี่คือสถานที่ที่ขุนพลสังหารเทพทั้งเจ็ดและศิษย์พี่ซุ่ยเหรินเสียชีวิต ตอนนี้ภัยพิบัติได้เกิดขึ้นแล้ว เหล่าเทพไม่มีอยู่อีกต่อไป ดังนั้นเราต้องจับกุมกบฏเหล่านั้นของตระกูลจั่วชิว!”
ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำสวมเสื้อคลุมสีแดงเลือด มีสีหน้าซีดเผือดอย่างน่าสยดสยอง พลันกล่าวผ่านริมฝีปากที่มีสีดำสนิท เขามีนามว่าอูถิง และเป็นศิษย์ชั้นสูงของนิกายอำนาจเทวะ
อูถิงก็เป็นราชันเซียนเช่นกัน ทว่าเขาไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในเจ็ดยอดศิษย์ชั้นสูง เป็นเพราะความแข็งแกร่งนั่นห่างชั้นกว่าซุ่ยเหรินถิง เจี้ยงหลิงเซียว และคนอื่น ๆ ในหมู่ยอดศิษย์ชั้นสูงทั้งเจ็ด
“ขอรับ!” ชายชราสองคนที่อยู่เคียงข้าง พลันโค้งคำนับพร้อมกัน ทั้งสองสวมเสื้อคลุมสีเทา และมีตราสัญลักษณ์ดวงตาที่คลุมเครืออยู่เหนือหน้าอกบนเสื้อคลุม ซึ่งนี่คือสัญลักษณ์ของนิกายอำนาจเทวะ
นั่นหมายความว่า ชายชราสองคนนี้เป็นศิษย์ธรรมดาของนิกายอำนาจเทวะ ซึ่งมีสถานะคล้ายคลึงกับเว่ยซิง และการบ่มเพาะพวกเขาอยู่ที่ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น
“จงจำไว้ว่า เราต้องจับตัวเจ้าเด็กที่ชื่อเฉินซีให้ได้!” อูถิงเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ จึงกำชับอย่างจริงจังอีกครั้งหนึ่ง
ฟิ่ว! ฟิ่ว!
ชายชราเสื้อคลุมสีเทาสองคนรับคำสั่ง แล้วจากไปทันที
คราวนี้ นิกายอำนาจเทวะของข้ากำลังกวาดล้างภพทั้งสาม และตระกูลจั่วชิวจะเป็นกลุ่มแรกที่ถูกทำลายล้าง หากไม่ใช่เพราะพวกมัน ศิษย์พี่ซุ่ยเหรินถิงและขุนพลสังหารเทพทั้งเจ็ดจะประสบภัยพิบัติจนเสียชีวิตเช่นนี้ได้อย่างไร ไอ้สารเลวเหล่านี้กล้าต่อต้านนิกายอำนาจเทวะของข้า พวกมันสมควรตาย! อูถิง ครุ่นคิดด้วยสีหน้าที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
น่าเสียดายที่อูถิงไม่รู้โดยสิ้นเชิงว่าการตายของซุ่ยเหรินถิงนั่นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ใดเลย และร่างกายของเขาถูกยึดครองโดยเจตจำนงของประมุขนิกายอำนาจเทวะ
ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าศิษย์พี่ชายใหญ่และศิษย์พี่หญิงเจี้ยงหลิงเซียวจะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่ตราบใดที่เรากำจัดเจ็ดตระกูลโบราณและเจ็ดสำนักที่ยิ่งใหญ่ของภพเซียนได้ ก็เพียงพอแล้วที่เราจะควบคุมดินแดนของภพเซียนได้มากกว่าครึ่งอย่างรวดเร็ว… อูถิงลูบคางตนเองอย่างครุ่นคิด ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้ก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น
ในอดีต นิกายอำนาจเทวะถูกมองว่าเป็นศัตรูร่วมของภพทั้งสาม พวกมันจึงต้องซ่อนตัวอยู่ในแดนอำนาจเทวะเท่านั้น และไม่ปรากฏตัวในโลกนี้มาเป็นเวลาเนิ่นนาน
บัดนี้ ภัยพิบัติได้เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งในที่สุด นิกายอำนาจเทวะก็สามารถยืนหยัดอย่างภาคภูมิในภพทั้งสามได้อีกครั้ง เพื่อที่จะเป็นผู้ปกครองเหนือฟ้าดินแต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นในฐานะศิษย์ชั้นสูงของนิกายอำนาจเทวะ อูถิงจะไม่ตื่นเต้นกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?
“อ๊าก!!!”
“ศิษย์พี่อูถิง…!”
ทันใดนั้นเอง เสียงร้องโหยหวนสองครั้งก็ดังออกมาจากระยะไกล แล้วจึงเงียบลงอย่างฉับพลัน ทำให้อูถิงสะดุ้งตื่นจากการครุ่นคิด และมีสีหน้ามืดมนอย่างมากทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...