บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1518

สรุปบท บทที่ 1518 กลับสู่ เมืองเซียนสัประยุทธ์: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

สรุปเนื้อหา บทที่ 1518 กลับสู่ เมืองเซียนสัประยุทธ์ – บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones

บท บทที่ 1518 กลับสู่ เมืองเซียนสัประยุทธ์ ของ บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย novelones อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 1518 กลับสู่ เมืองเซียนสัประยุทธ์

……….

บทที่ 1518 กลับสู่ เมืองเซียนสัประยุทธ์

ซากศพกองอยู่ในหุบเขาปีศาจ โลหิตอบอวลทุกแห่งหน ซากปรักหักกระจัดกระจาย

หากมีคนนอกอยู่ที่นี่ พวกเขาย่อมไม่เชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของคนผู้เดียว

เฉินซียืนอยู่เพียงลำพัง แต่ในใจกลับปั่นป่วน เขาไม่ได้ให้ความสนใจสิ่งอื่นใด การทำลายล้างของกองกำลังต่างพิภพไม่ได้นำมาซึ่งความภาคภูมิใจและเกียรติยศแม้แต่น้อย

เขาเป็นห่วงคนผู้หนึ่ง

ฟ่านอวิ๋นหลาน

“นั่นเจ้าหรือ?”

เมื่อเจตจำนงของเฉินซีกระจายเข้าไปในถ้ำใต้ดิน เขาก็ถูกสังเกตเห็นโดยร่างงดงามผู้กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ภายใน อีกฝ่ายนั่งตัวตรงพร้อมกับเผยดวงตาที่ทอประกายแปลกประหลาด

เสียงของนางยิ่งสั่นเครือ

เมื่อได้ยินเสียงนี้ ทั่วร่างของเฉินซีก็แข็งทื่อ ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่พักใหญ่ จากนั้นจึงทะยานออกไป

เคร้ง!

เมื่อฟาดฟันกระบี่ออกไป ปฐพีก็แยกออกอย่างง่ายดายประหนึ่งเต้าหู้ เผยให้เห็นหุบเขาใต้ดิน ลำแสงสายหนึ่งสาดส่องลงไปเพื่อขจัดความมืดมิด จากนั้นจึงเผยให้เห็นร่างหนึ่ง

นางสวมชุดราบเรียบ ไว้ผมยาวนุ่มสีแดงประบ่า เผยให้เห็นใบหน้างดงามที่ทำให้คนทั่วหล้าหลงใหล แต่ยามนี้แก้มของนางกลับซีดเซียว ดวงตาหมองหม่น กลิ่นอายเบาบางราวกับได้รับบาดเจ็บสาหัส

ทันทีที่พบหน้ากัน

ทั้งเฉินซีและฟ่านอวิ๋นหลานตกตะลึง พวกเขาจ้องมองกันแล้วตกอยู่ในความเงียบ

มีเพียงเสียงสายลมพัดหวีดหวิวอยู่ในอากาศ มันเป็นช่วงพลบค่ำขณะแสงอาทิตย์ตกดินสีแดงส้มย้อมฟ้าดิน เมื่อตกกระทบทั้งสองก็ยิ่งขับเน้นบรรยากาศให้จริงจังมากขึ้น

“หลายปีมานี้…”

“ข้าขอโทษ”

ผ่านไปพักใหญ่ เฉินซีและฟ่านอวิ๋นหลานแทบจะเอ่ยคำพร้อมกัน ฝ่ายแรกพูดด้วยความสำนึกผิด ส่วนฝ่ายหลังเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย ทันทีที่เปิดปาก ทั้งสองก็ตกตะลึงก่อนจะปิดปากสนิทราวกับอยากให้อีกฝ่ายพูดก่อน

จากนั้น บรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

เฉินซีพลันรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เขาอยากพูดบางอย่างแต่กลับไม่สามารถหาคำอธิบายได้ หลายปีมานี้ เขารู้สึกอยากขอโทษฟ่านอวิ๋นหลานมาโดยตลอด แต่พอกลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากแยกห่างกันมานาน เขากลับไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน

“เดินไปกับข้าหน่อย”

ฟ่านอวิ๋นหลานลุกขึ้นขณะชำเลืองมองเฉินซี

“ได้สิ”

เฉินซีรีบพยักหน้า

ภายใต้แสงตะวัน ทั้งสองเดินเคียงข้างอยู่ในหุบเขาปีศาจที่ถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดี มีทั้งแอ่งโลหิต ซากศพและซากปรักหักพัง เป็นภาพที่น่าสะพรึงอย่างยิ่ง

ฟ่านอวิ๋นหลานกวาดตามองซากปรักหักพังของสมรภูมิทีละแห่งแล้วพลันเอ่ยคำ “ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะทรงพลังถึงเพียงนี้”

เฉินซีเผยรอยยิ้มขมขื่น “ไม่ว่าข้าจะทรงพลังเพียงใด แต่ถ้าไม่สามารถพาเจ้ากลับมาโดยไวได้แล้วจะมีประโยชน์อันใด?”

ฟ่านอวิ๋นหลานตาเบิกกว้าง “เจ้าไม่ต้องโทษตัวเองหรอก ข้าทราบเรื่องของเจ้าในช่วงหลายปีมานี้แล้ว ข้าแค่ไม่อยากพบเจ้าก็เท่านั้น”

ภายใต้อาทิตย์ตกดิน นางสวมชุดราบเรียบ ผมยาวนุ่มสีแดงปลิวไสวตามสายลม ดวงตากระจ่างชัดที่สะท้อนสีแดงจากดวงตะวันลับขอบฟ้าก่อเกิดระลอกคลื่น ฉากดังกล่าวช่างงามงดจนบดบังฟ้าดิน

“ทำไมหรือ?” เฉินซีอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

ฟ่านอวิ๋นหลานเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะเอ่ยคำ “ข้าไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเจ้าอย่างไร เจ้ามีชิงซิ่วอี้และเฉินอันแล้ว ข้า… ข้าไม่อาจหาเหตุผลในการเข้าไปในชีวิตของเจ้าได้”

ในตอนนี้ เฉินซีเป็นฝ่ายตกตะลึง เขาไม่คาดคิดว่าสาเหตุที่ฟ่านอวิ๋นหลานไม่มาพบตนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเป็นเพราะเหตุผลนี้

เขาหยุดนิ่งก่อนจะหันมามองฟ่านอวิ๋นหลานลึกเข้าไปในดวงตา “แล้วตอนนี้ล่ะ?”

“ตอนนี้…” ฟ่านอวิ๋นหลานสับสนเล็กน้อยคล้ายกับไปไม่ถูก

“กลับไปกับข้า ไม่ว่าจะเพื่อตัวเจ้าเองหรือเพื่อตัวลูกของเรา” เฉินซีถอนหายใจอย่างแผ่วเบา เขาไม่อยากเอ่ยคำพูดที่สั่งสมในใจมาตลอดหลายปี เขาเพียงอยากพาฟ่านอวิ๋นหลานและลูกสาวกลับมาเพื่อจะได้ทำการการไถ่โทษ

ฟ่านอวิ๋นหลานตัวแข็งทื่อขณะใบหน้าราวกับหยกแปรเปลี่ยน หลังจากผ่านไปพักใหญ่จึงเอ่ยคำ “ข้าขอเวลาได้หรือไม่?”

เฉินซียื่นมือออกไปคว้าแขนของอีกฝ่ายก่อนจะกุมไว้มั่น แล้วเอ่ยทีละคำ “ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว แค่ทำตามที่ข้าบอกก็พอ”

ฟ่านอวิ๋นหลานขัดขืนสุดความสามารถ แต่ก็ไม่สามารถสลัดมือของเฉินซีให้หลุดได้ ในที่สุดนางก็ชำเลืองมองเฉินซีด้วยความรู้สึกโกรธเกรี้ยวและขุ่นเคืองก่อนจะก้มศีรษะ ราวกับ… ยินยอมแต่โดยดี

เมื่อเฉินซีเห็นดังนี้ก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขากังวลว่าฟ่านอวิ๋นหลานจะแสดงอาการต่อต้าน ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร

“มาเถอะ กลับกัน”

เฉินซียิ้มขณะมองฟ่านอวิ๋นหลานผู้ยืนอยู่ข้างกายในสภาพก้มศีรษะ สายตาของนางดูโอนอ่อนลงหลายส่วน

มีหลายอย่างเกิดขึ้นมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่วนสาเหตุที่พวกมันสั่งสมอยู่ในใจก็เพราะเขาไม่สามารถปล่อยวางมันได้ บัดนี้ทั้งสองได้มาพบกันแล้ว ต่างฝ่ายต่างเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงเรื่องในอดีตอีกต่อไป

“นั่วนั่วอยู่ไหน?”

ฟ่านอวิ๋นหลานพลันเงยหน้าแล้วเอ่ยถามเฉินซี

“นั่วนั่วหรือ?” เฉินซีตกตะลึง ทันใดนั้นก็นึกถึงสาวน้อยในชุดคลุมสีม่วงก่อนจะเผยรอยยิ้มแล้วเอ่ยคำ “เฉินนั่ว เป็นชื่อที่ดี”

สิ้นคำ เขาสะบัดแขนเสื้อ แล้วร่างงดงามของสาวน้อยในชุดคลุมสีม่วงก็สะท้อนอยู่ในหมู่เมฆระยิบระยับ

“หืม? นี่มัน…”

เมื่อเห็นสมรภูมินองเลือดประหนึ่งซากปรักหักพังสะท้อนในดวงตา ดวงตาของสาวน้อยในชุดคลุมสีม่วงก็หดลง แต่ไม่ช้านางก็สังเกตเห็นเฉินซีอยู่ข้างกาย รวมถึง… ฟ่านอวิ๋นหลาน

ในตอนนี้ ปราณกระบี่สายหนึ่งเคลื่อนลงมาจากท้องนภา มันปกคลุมห้วงอากาศไร้พรมแดนจนเกิดแสงสว่างสดใสเจิดจ้า ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว มันแยกหุบเขาปีศาจออกเป็นสองส่วนก่อนจะพังทลายลงสู่ธารแยกแดนดิน

ก่อนที่จะทันได้ตอบสนอง กองกำลังต่างพิภพที่เพิ่งมาถึงถูกทำลายไปพร้อมกับหุบเขาปีศาจ

ในวันนี้ เฉินซีทำการสังหารสังหารจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์จากต่างพิภพเก้าคน พร้อมกับกวาดล้างกองทำลายต่างพิภพทั้งหลายที่มารุกรานสามภพด้วยตัวคนเดียว

“นับจากวันนี้ไป มันผู้ใดกล้าข้ามธารแยกแดนดินจะต้องถูกฆ่าอย่างไร้ความปรานี!”

ก่อนจะไป เฉินซีทิ้งเครื่องหมายแห่งเจตจำนงเอาไว้ที่นี่ พร้อมกับปล่อยพลังสูงสุดที่ดังก้องทั่วจักรวาล แม้ผ่านไปพักใหญ่ก็ยังไม่เลือนหาย

ภายหลัง การต่อสู้ครั้งนี้ล่วงรู้ถึงสิ่งมีชีวิตในสามภพ พวกเขาต่างตกตะลึงและตื่นเต้นขณะกระพือชื่อเสียงของเฉินซีจนไปสู่ระดับที่สูงยิ่งกว่าอีกครั้ง ก่อนจะกลายเป็นตำนานที่ไม่มีใครสามารถก้าวข้ามไปได้จวบจนปัจจุบัน!

เมืองเซียนสัประยุทธ์

โอม!

ห้วงอากาศผันผวนก่อนจะปรากฏร่างของเฉินซี ฟ่านอวิ๋นหลาน และเฉินนั่ว

เมืองเซียนสัประยุทธ์ในวันนี้ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ บนซากปรักหักพังเดิม สิ่งปลูกสร้างโอ่อ่าได้เข้ามาแทนที่ขณะเรียงรายอยู่ทุกหนทุกแห่ง

ถนนกว้างขวางซึ่งทอดยาวออกไปทุกทิศทางประหนึ่งใยแมงมุมได้ฟื้นคืนความมั่งคั่งในอดีตกลับคืนมา มันเต็มไปด้วยคนเดินถนนที่ไหลหลั่งเข้ามาทั่วสารทิศ ดูมีชีวิตชีวาไม่น้อย

ผู้คนที่มารวมตัวในเมืองตอนนี้ล้วนเป็นกองกำลังที่อพยพมาอยู่ในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า พวกเขามาจากพื้นที่อื่นของภพเซียน เนื่องจากพื้นที่จำกัดภายในสำนัก พวกเขาจึงทำได้เพียงอยู่อาศัยในเมืองเซียนสัประยุทธ์เท่านั้น

แต่ถึงอย่างนั้น กองกำลังเหล่านี้ยังคงพึงพอใจมาก ภพเซียนทุกวันนี้เต็มไปด้วยกลุ่มควันและความปั่นป่วน พื้นที่ส่วนใหญ่ต่างพังพินาศและถูกควบคุมโดยนิกายอำนาจเทวะ ในเมื่อกองกำลังเหล่านี้ไม่เต็มใจที่จะถูกควบคุมโดยนิกายอำนาจเทวะ การที่พวกเขาเลือกอพยพมาอยู่ในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

“เจ้าสำนักเฉินซี!”

“เป็นเจ้าสำนักเฉินซีจริง ๆ!”

“คารวะเจ้าสำนักเฉินซี!”

เมื่อร่างของเฉินซีปรากฏ ทุกคนก็จำได้ทันทีจนทำให้เกิดความปั่นป่วนในพื้นที่รอบข้าง ทุกคนต่างเผยสีหน้าเคารพขณะทักทายเฉินซี

เฉินซีอารมณ์ดีหลังจากพาฟ่านอวิ๋นหลานและเฉินนั่วผู้เป็นลูกสาวกลับมา เมื่อเห็นเช่นนี้ ชายหนุ่มพลันยิ้มพลางพยักหน้าโดยไม่แสดงความหงุดหงิดแต่อย่างใด

เมื่อเห็นเช่นนี้ นักพรตบนท้องถนนยิ่งตื่นเต้น ผู้คนทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะตะโกน “เจ้าสำนักเฉินซี พวกเราจะโต้กลับนิกายอำนาจเทวะเมื่อไหร่ ข้าเตรียมการพร้อมเรียบร้อย เหลือเพียงรอคำสั่งจากท่านเท่านั้น”

“เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะแจ้งให้ทราบโดยไวอย่างแน่นอน” เฉินซียิ้มพลางตอบคำ

ทุกคนแผดเสียงคำรามอย่างเห็นด้วย พวกเขาตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด

ฟ่านอวิ๋นหลานและเฉินนั่วผู้อยู่ข้างกายมองเฉินซีต่างออกไปเล็กน้อย ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยได้ฟังเรื่องของเฉินซีมามากมาย แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นเพียงข่าวลือ บัดนี้เมื่อได้มาเห็นด้วยตาของตัวเอง ความรู้สึกในใจของพวกนางก็ยิ่งต่างออกไป

เกล็ดความรู้ : เฉินนั่ว (陈诺) เป็นการเล่นกับคำว่า (承诺: เฉิงนั่ว) ซึ่งหมายถึงสัญญา

……….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]