บทที่ 1518 กลับสู่ เมืองเซียนสัประยุทธ์
……….
บทที่ 1518 กลับสู่ เมืองเซียนสัประยุทธ์
ซากศพกองอยู่ในหุบเขาปีศาจ โลหิตอบอวลทุกแห่งหน ซากปรักหักกระจัดกระจาย
หากมีคนนอกอยู่ที่นี่ พวกเขาย่อมไม่เชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของคนผู้เดียว
เฉินซียืนอยู่เพียงลำพัง แต่ในใจกลับปั่นป่วน เขาไม่ได้ให้ความสนใจสิ่งอื่นใด การทำลายล้างของกองกำลังต่างพิภพไม่ได้นำมาซึ่งความภาคภูมิใจและเกียรติยศแม้แต่น้อย
เขาเป็นห่วงคนผู้หนึ่ง
ฟ่านอวิ๋นหลาน
“นั่นเจ้าหรือ?”
เมื่อเจตจำนงของเฉินซีกระจายเข้าไปในถ้ำใต้ดิน เขาก็ถูกสังเกตเห็นโดยร่างงดงามผู้กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ภายใน อีกฝ่ายนั่งตัวตรงพร้อมกับเผยดวงตาที่ทอประกายแปลกประหลาด
เสียงของนางยิ่งสั่นเครือ
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ทั่วร่างของเฉินซีก็แข็งทื่อ ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่พักใหญ่ จากนั้นจึงทะยานออกไป
เคร้ง!
เมื่อฟาดฟันกระบี่ออกไป ปฐพีก็แยกออกอย่างง่ายดายประหนึ่งเต้าหู้ เผยให้เห็นหุบเขาใต้ดิน ลำแสงสายหนึ่งสาดส่องลงไปเพื่อขจัดความมืดมิด จากนั้นจึงเผยให้เห็นร่างหนึ่ง
นางสวมชุดราบเรียบ ไว้ผมยาวนุ่มสีแดงประบ่า เผยให้เห็นใบหน้างดงามที่ทำให้คนทั่วหล้าหลงใหล แต่ยามนี้แก้มของนางกลับซีดเซียว ดวงตาหมองหม่น กลิ่นอายเบาบางราวกับได้รับบาดเจ็บสาหัส
ทันทีที่พบหน้ากัน
ทั้งเฉินซีและฟ่านอวิ๋นหลานตกตะลึง พวกเขาจ้องมองกันแล้วตกอยู่ในความเงียบ
มีเพียงเสียงสายลมพัดหวีดหวิวอยู่ในอากาศ มันเป็นช่วงพลบค่ำขณะแสงอาทิตย์ตกดินสีแดงส้มย้อมฟ้าดิน เมื่อตกกระทบทั้งสองก็ยิ่งขับเน้นบรรยากาศให้จริงจังมากขึ้น
“หลายปีมานี้…”
“ข้าขอโทษ”
ผ่านไปพักใหญ่ เฉินซีและฟ่านอวิ๋นหลานแทบจะเอ่ยคำพร้อมกัน ฝ่ายแรกพูดด้วยความสำนึกผิด ส่วนฝ่ายหลังเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย ทันทีที่เปิดปาก ทั้งสองก็ตกตะลึงก่อนจะปิดปากสนิทราวกับอยากให้อีกฝ่ายพูดก่อน
จากนั้น บรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
เฉินซีพลันรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เขาอยากพูดบางอย่างแต่กลับไม่สามารถหาคำอธิบายได้ หลายปีมานี้ เขารู้สึกอยากขอโทษฟ่านอวิ๋นหลานมาโดยตลอด แต่พอกลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากแยกห่างกันมานาน เขากลับไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน
“เดินไปกับข้าหน่อย”
ฟ่านอวิ๋นหลานลุกขึ้นขณะชำเลืองมองเฉินซี
“ได้สิ”
เฉินซีรีบพยักหน้า
…
ภายใต้แสงตะวัน ทั้งสองเดินเคียงข้างอยู่ในหุบเขาปีศาจที่ถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดี มีทั้งแอ่งโลหิต ซากศพและซากปรักหักพัง เป็นภาพที่น่าสะพรึงอย่างยิ่ง
ฟ่านอวิ๋นหลานกวาดตามองซากปรักหักพังของสมรภูมิทีละแห่งแล้วพลันเอ่ยคำ “ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะทรงพลังถึงเพียงนี้”
เฉินซีเผยรอยยิ้มขมขื่น “ไม่ว่าข้าจะทรงพลังเพียงใด แต่ถ้าไม่สามารถพาเจ้ากลับมาโดยไวได้แล้วจะมีประโยชน์อันใด?”
ฟ่านอวิ๋นหลานตาเบิกกว้าง “เจ้าไม่ต้องโทษตัวเองหรอก ข้าทราบเรื่องของเจ้าในช่วงหลายปีมานี้แล้ว ข้าแค่ไม่อยากพบเจ้าก็เท่านั้น”
ภายใต้อาทิตย์ตกดิน นางสวมชุดราบเรียบ ผมยาวนุ่มสีแดงปลิวไสวตามสายลม ดวงตากระจ่างชัดที่สะท้อนสีแดงจากดวงตะวันลับขอบฟ้าก่อเกิดระลอกคลื่น ฉากดังกล่าวช่างงามงดจนบดบังฟ้าดิน
“ทำไมหรือ?” เฉินซีอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
ฟ่านอวิ๋นหลานเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะเอ่ยคำ “ข้าไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเจ้าอย่างไร เจ้ามีชิงซิ่วอี้และเฉินอันแล้ว ข้า… ข้าไม่อาจหาเหตุผลในการเข้าไปในชีวิตของเจ้าได้”
ในตอนนี้ เฉินซีเป็นฝ่ายตกตะลึง เขาไม่คาดคิดว่าสาเหตุที่ฟ่านอวิ๋นหลานไม่มาพบตนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเป็นเพราะเหตุผลนี้
เขาหยุดนิ่งก่อนจะหันมามองฟ่านอวิ๋นหลานลึกเข้าไปในดวงตา “แล้วตอนนี้ล่ะ?”
“ตอนนี้…” ฟ่านอวิ๋นหลานสับสนเล็กน้อยคล้ายกับไปไม่ถูก
“กลับไปกับข้า ไม่ว่าจะเพื่อตัวเจ้าเองหรือเพื่อตัวลูกของเรา” เฉินซีถอนหายใจอย่างแผ่วเบา เขาไม่อยากเอ่ยคำพูดที่สั่งสมในใจมาตลอดหลายปี เขาเพียงอยากพาฟ่านอวิ๋นหลานและลูกสาวกลับมาเพื่อจะได้ทำการการไถ่โทษ
ฟ่านอวิ๋นหลานตัวแข็งทื่อขณะใบหน้าราวกับหยกแปรเปลี่ยน หลังจากผ่านไปพักใหญ่จึงเอ่ยคำ “ข้าขอเวลาได้หรือไม่?”
เฉินซียื่นมือออกไปคว้าแขนของอีกฝ่ายก่อนจะกุมไว้มั่น แล้วเอ่ยทีละคำ “ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว แค่ทำตามที่ข้าบอกก็พอ”
ฟ่านอวิ๋นหลานขัดขืนสุดความสามารถ แต่ก็ไม่สามารถสลัดมือของเฉินซีให้หลุดได้ ในที่สุดนางก็ชำเลืองมองเฉินซีด้วยความรู้สึกโกรธเกรี้ยวและขุ่นเคืองก่อนจะก้มศีรษะ ราวกับ… ยินยอมแต่โดยดี
เมื่อเฉินซีเห็นดังนี้ก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขากังวลว่าฟ่านอวิ๋นหลานจะแสดงอาการต่อต้าน ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
“มาเถอะ กลับกัน”
เฉินซียิ้มขณะมองฟ่านอวิ๋นหลานผู้ยืนอยู่ข้างกายในสภาพก้มศีรษะ สายตาของนางดูโอนอ่อนลงหลายส่วน
มีหลายอย่างเกิดขึ้นมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่วนสาเหตุที่พวกมันสั่งสมอยู่ในใจก็เพราะเขาไม่สามารถปล่อยวางมันได้ บัดนี้ทั้งสองได้มาพบกันแล้ว ต่างฝ่ายต่างเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงเรื่องในอดีตอีกต่อไป
“นั่วนั่วอยู่ไหน?”
ฟ่านอวิ๋นหลานพลันเงยหน้าแล้วเอ่ยถามเฉินซี
“นั่วนั่วหรือ?” เฉินซีตกตะลึง ทันใดนั้นก็นึกถึงสาวน้อยในชุดคลุมสีม่วงก่อนจะเผยรอยยิ้มแล้วเอ่ยคำ “เฉินนั่ว เป็นชื่อที่ดี”
สิ้นคำ เขาสะบัดแขนเสื้อ แล้วร่างงดงามของสาวน้อยในชุดคลุมสีม่วงก็สะท้อนอยู่ในหมู่เมฆระยิบระยับ
“หืม? นี่มัน…”
เมื่อเห็นสมรภูมินองเลือดประหนึ่งซากปรักหักพังสะท้อนในดวงตา ดวงตาของสาวน้อยในชุดคลุมสีม่วงก็หดลง แต่ไม่ช้านางก็สังเกตเห็นเฉินซีอยู่ข้างกาย รวมถึง… ฟ่านอวิ๋นหลาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...
ไม่ลงต่อแล้วหรือครับ ผมยังรออยู่นะครับ...