บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1517

สรุปบท บทที่ 1517 สองยอดกระบี่: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

ตอน บทที่ 1517 สองยอดกระบี่ จาก บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1517 สองยอดกระบี่ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ที่เขียนโดย novelones เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 1517 สองยอดกระบี่

……….

บทที่ 1517 สองยอดกระบี่

ฟึ่บ!

ปราณกระบี่พุ่งผ่านท้องฟ้า

ตอนนี้เอง ทั่วทั้งหุบเขาปีศาจปกคลุมไปด้วยมหาค่ายกล ข้อจำกัดที่เปล่งประกายก่อตัวขึ้นชั้นแล้วชั้นเล่า เมื่อพลังจากปราณกระบี่ฟาดฟัน มันก็ทำลายได้เพียงชั้นนอกสุดเท่านั้น และทันทีที่มันพังทลาย มันจะฟื้นคืนสู่สภาพเดิมด้วยความรวดเร็ว

เดิมทีจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงและคนอื่น ๆ ต่างก็กังวลใจไม่น้อย ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นนี้จึงทำให้พวกเขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

“ฮ่า ๆ ๆ! ทำอย่างไรเจ้าก็ฝ่ามันไปไม่ได้หรอก! ค่ายกลนี้ครอบคลุมไปทั้งหุบเขาปีศาจซึ่งกินพื้นที่ล้านลี้ และมีพลังดาราจักรโบราณเป็นต้นกำเนิดพลัง โดยข้อจำกัดของมันถูกแบ่งออกมามากถึงเก้าชั้น ที่เจ้าทำลายไปมันก็แค่ชั้นแรกเท่านั้น การจะผ่านมันมาได้นั้นยังอีกห่างไกล!”

“บัดซบ! อย่าคิดฝันเลยว่าจะผ่านค่ายกลนี้มาได้! เจ้าแค่กำลังรนหาที่ตายเท่านั้น! พวกข้าน่ะไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะคงไว้ซึ่งความแข็งแกร่งไว้เช่นนี้ได้ไปตลอด! เมื่อถึงยามที่เจ้าสิ้นแรง เวลานั้นจะเป็นคราวตายของเจ้า!”

บรรดาจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายหัวเราะร่วนเสียงเหี้ยม

เฉินซีทอดมองสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากบนท้องฟ้า หากแต่สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง

ตู้ม!

ตอนนี้เอง ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของผู้เยี่ยมยุทธ์ต่างพิภพ ปราณกระบี่ที่เฉินซีตวัดลงไปก่อนหน้านี้คล้ายจะกระจายตัวราวกับสายฝนแห่งแสง ละอองแสงแต่ละเส้นนั้นหาได้หายไปไม่ หากแต่หลอมรวมเข้าด้วยกันและกลายเป็นยันต์เทวะที่ลึกลับและคลุมเครือจำนวนมาก

ผังอักขระยันต์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ก่อตัวเชื่อมประสาน ก่อนจะทุบทำลายค่ายกลนั้นอย่างเดือดดาล!

ฉับพลัน คลื่นเสียงตกกระทบก็แผดก้อง ข้อจำกัดแต่ละชั้นแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ส่วนที่ปกคลุมหุบเขาปีศาจจำนวนเจ็ดชั้นจากเก้าชั้นพังทลายลงอย่างต่อเนื่อง คลื่นกระแทกจากแรงปะทะดังกังวานในขณะที่มันกวาดล้างทุกสรรพสิ่ง ส่งผลให้อุกกาบาตและดวงดาวรอบ ๆ ทรุดตัวลง แม้แต่ภูเขาเก่าแก่ทั้งหลายก็พลันสลายเป็นธุลี

ผลจากแรงสั่นสะเทือนครานี้น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ถึงขนาดที่กองกำลังต่างพิภพเรือนหมื่นต่างก็รู้สึกว่าตนกำลังถูกสั่นคลอนโดยแผ่นผานับร้อยพัน ร่างของพวกมันถูกฉีกกระชาก เหลือเพียงละอองเลือดที่ฟุ้งกระจายไปในอากาศ

แม้แต่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดก็ได้รับผลกระทบจากปราณกระบี่นี้เช่นกัน สีหน้าที่เครียดขึงของพวกเขาอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกอยากจะกระอักเลือดเสียให้ได้

“นี่มัน…” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงหวาดกลัวเสียจนหน้าถอดสี เขากลืนน้ำลายอย่างยากเย็นก่อนจะพูดขึ้น “โชคดีที่มหาค่ายกลยังไม่ถูกทำลายจนหมด พลังของเขายังมีไม่เพียงพอ”

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเขาไม่มีทางทำสำเร็จ เพราะการดึงพลังที่ท้าทายสวรรค์เช่นนั้นออกมาจำต้องใช้ความแข็งแกร่งมหาศาล” แม้ว่าจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ จะรู้สึกประหวั่น หากในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่ามหาค่ายกลของตนฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้ง

“มิผิด อีกทั้งตอนนี้ก็มีเขาเพียงผู้เดียวเท่านั้น ข้าว่าเขาไม่มีทางจะยืนหยัดอยู่ในการต่อสู้ต่อไปได้นานนักหรอก”

“เขาไม่มีทางเอาชนะพวกเราได้อย่างแน่นอน ตราบใดที่เรามีมหาค่ายกลนี้!”

บรรดาจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ยังคงควบคุมมหาค่ายกลเอาไว้เพื่อรับมือกับเฉินซี ไม่คิดประมาทแม้แต่น้อย

คิ้วของเฉินซีเลิกขึ้นเมื่อเห็นเหตุการณ์นั้น ก่อนที่จะพึมพำกับตัวเองเบา ๆ มหาค่ายกลนี้หลอมรวมกับหุบเขาปีศาจอย่างสมบูรณ์แล้ว เป็นความสามารถในการป้องกันที่ประมาทไม่ได้จริง ๆ

ค่ายกลนี้เรียกได้ว่าเป็นค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ แกนกลางของมันคือหุบเขาปีศาจทั้งหมด ดังนั้นแล้วหากเฉินซีต้องการทำลายค่ายกลนี้ ก็เท่ากับว่าต้องทำลายหุบเขาปีศาจ

แต่ถึงอย่างนั้น หุบเขาปีศาจก็เป็นทวีปที่ลอยอยู่เหนือธารแยกดินแดนซึ่งกินพื้นที่ทั้งหมดล้านลี้ และเต็มไปด้วยพลังดาราจักรโบราณ ไม่ง่ายเลยที่จะทำลายมัน

“เห็นที ข้าคงต้องเติมเชื้อไฟอีกสักหน่อย” ความเด็ดเดี่ยวปรากฏขึ้นที่มุมปากของเฉินซี จากนั้นชายหนุ่มก็ยื่นมือซ้ายออกไป

แกร๊ง!

กระบี่สีแดงเลือดปรากฏขึ้นบนอากาศ ก่อนจะตกลงสู่มือของเฉินซี

“กระบี่อีกเล่ม!”

“เมื่อกี้เขาชักกระบี่ออกมาอีกด้ามหรือ มันเป็นกระบี่ที่น่ากลัวเหลือเกิน”

“ระวังด้วย เจ้าเด็กนี้น่าจะเปิดไพ่ตายแล้ว”

ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพทั้งหลายภายในหุบเขาปีศาจมองเหตุการณ์นี้ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม พวกเขาไม่ลังเลในการควบคุมมหาค่ายกลด้วยพลังทั้งหมดที่มีเลยแม้แต่น้อย

ขวับ!

ทันทีที่เฉินซีชักกระบี่เต๋าวิบัติออกมา ยันต์ศัสตราในมือขวาก็ถูกชูขึ้นในเวลาเดียวกัน

“โจมตี!” ทันทีที่ชายหนุ่มตวัดกระบี่ คมกระบี่บงกชใสกระจ่างก็ปรากฏขึ้นจากกระบี่เต๋าวิบัติ พวกมันเบ่งบานทั่วทุกพื้นที่ของหุบเขาปีศาจ ในขณะที่ยันต์ศัสตราปลดปล่อยปราณกระบี่ที่ก่อตัวเป็นยันต์เทวะออกมา ก่อนจะผสานการโจมตีเข้ากับคมกระบี่บงกชนั้นด้วยความรวดเร็ว

นี่คือความสามารถที่น่าเกรงขามที่สุดสองประการที่เขามีในยามนี้

อย่างแรก ได้แก่การโจมตีของคมกระบี่บงกชจากกระบี่เต๋าวิบัติ มันเกิดขึ้นจากพลังของเต๋าแห่งหายนะที่สถิตอยู่ในตัวกระบี่ พลังของมันลึกลับและน่าเกรงขามยิ่ง แม้แต่นิกายอำนาจเทวะยังหวั่นเกรงเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมัน

อย่างที่สองคือยันต์ศัสตราที่ถูกจารึกไว้ด้วยยันต์เทวะจำนวนมาก มันไม่เพียงแต่สามารถสร้างปราณกระบี่ขึ้นมาได้เท่านั้น หากยังช่วยให้เต๋าแห่งกระบี่และเต๋าแห่งยันต์อักขระทำงานส่งเสริมซึ่งกันและกัน นับเป็นความลึกซึ้งที่ยากจะหาสิ่งใดเปรียบ

บัดนี้ เพื่อที่จะทำลายมหาค่ายกลดังกล่าว เขาได้เลือกที่จะใช้สมบัติสุดยอดทั้งสองนี้พร้อมกัน!

“บุก!” การโจมตีที่แตกต่างกันของเต๋าแห่งกระบี่ตวัดลงราวพายุดวงดาว พวกมันโจมตีด้วยความรุนแรงยังมหาค่ายกลในเวลาเดียวกัน

ตึง!

มหาค่ายกลปะทุคลั่งราวผืนสมุทร แรงผันผวนรุนแรงหมุนวนพร้อมกับร่องรอยแห่งความสั่นไหวและเสียงครวญคราง ไม่นานนัก ข้อจำกัดทั้งหลายก็ถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง!

ตอนนั้นเอง ฟ้าดินคล้ายคร่ำครวญ ผืนพิภพคล้ายอยู่ใต้เงาสับสน ปราณกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวอย่างไม่มีใครเทียบได้กวาดฟ้าดินจนเรียบ ราวกับว่ามันมุ่งหมายจะล้างแผ่นดินหมดจด เป็นการโจมตีที่ชวนให้หวาดผวาอย่างถึงขีดสุด

ตู้ม!

ในที่สุด พื้นที่ภายใต้มหาค่ายกลซึ่งจักรพรรดิศักดิ์ชื่อเยียนสถิตอยู่ก็เป็นบริเวณแรกที่ถูกทำลาย มันสั่นสะเทือนรุนแรงก่อนจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ชั่วขณะหนึ่ง พื้นที่โดยรอบตกอยู่ภายใต้ความเงียบงัน ในขณะที่ร่างของผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพล้วนสั่นสะท้านด้วยความหวาดผวา

ฟึ่บ!

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เฉินซีพุ่งตัวลงมา เพียงชั่วอึดใจชายหนุ่มก็มาถึงบริเวณดังกล่าวแล้ว

“โจมตี!” ปราณกระบี่ทั้งสองสายกวาดออกไปตามแนวยาว ทุกที่ที่พวกมันเคลื่อนผ่าน พลังอันมหาศาลของมันก็จะกวาดกลืนชีวิตของผู้เยี่ยมยุทธ์ต่างพิภพคราแล้วคราเล่าด้วยความรวดเร็ว

“วอนตายเสียแล้ว!” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ชื่อเยียนพุ่งตัวไปยังทิศทางของเฉินซีผ่านผืนฟ้า รัศมีเรืองรองสง่างาม เขาในยามนี้ไม่ต่างอันใดกับมหาสมุทรที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิง

“หึ!” เฉินซีโต้กลับด้วยการตวัดกระบี่หนึ่งครั้ง

ผู้เยี่ยมยุทธ์ต่างพิภพคนสุดท้ายถูกปลิดชีพ ร่างของมันระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ บัดนี้ภายในหุบเขาปีศาจ เหลือเพียงแต่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงที่ยังคงมีชีวิตอยู่เท่านั้น

แกร๊ง!

เฉินซีตวัดกระบี่เต๋าวิบัติก่อนจะชี้ยันต์ศัสตราไปยังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงที่อยู่ไกลออกไปทั้งจิตสังหารเข้มข้น

“บอกข้ามาว่าผู้หญิงที่พวกเจ้าจับตัวมาเมื่อห้าวันก่อนอยู่ที่ไหน แล้วข้าจะไม่ให้เจ้าตายอย่างทรมาน” เฉินซีเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “อย่าได้คิดตุกติกเชียว เชื่อเถอะว่าข้าสามารถจับเจ้าไว้ได้ก่อนที่เจ้าระเบิดตัวเอง เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้อยากตายแค่ไหนข้าก็จะไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้น”

จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงสีหน้าเครียดขรึม สถานการณ์ที่อับจนหนทางก่อเกิดเป็นความกลัว คล้ายว่าเขายอมแพ้เลิกดิ้นรนแล้ว

“ที่แท้ ก็เพื่อสตรีนางหนึ่งเองหรือ… ฮ่า ๆ หรือนี่จะเพียงโกรธเกรี้ยวเพื่อโฉมงาม*[1]เท่านั้น?” เขาพึมพำทั้งเผยสีหน้างุนงง

เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเฉินซีจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง และสังหารคนนับแสนรวมไปถึงบรรดาจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อย่างเหี้ยมโหด… เพียงเพื่อผู้หญิงคนเดียว!

ฟึ่บ!

ยันต์ศัสตราของเฉินซีฉายแสงแวววาว มันตัดแขนขวาของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงด้วยความรวดเร็ว เลือดของเขาพุ่งออกมาราวน้ำพุ

“ข้าไม่มีเวลามาฟังเสียงรำพึงรำพันของเจ้า” เฉินซีพูดอย่างไม่แยแส

ใบหน้าของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด “ข้าจะบอกให้ก็ได้ว่านางอยู่ที่ไหน แต่ก่อนอื่นช่วยบอกข้ามาทีว่าเจ้าเป็นราชันเซียนหรือทวยเทพกันแน่?” เสียงของเขาอู้อี้

ท่าทางแสดงถึงปรารถนาใคร่รู้อย่างลึกซึ้ง บางทีสำหรับเขาแล้ว คำตอบนี้อาจจะเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาไม่มีวันลืมเลือน

“ขอบเขตครึ่งเทวา” เฉินซีตอบเสียงเรียบเฉย

“ครึ่งเทวา?” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงตกตะลึง แสงอันน่าสะพรึงกลัวฉายวาบจากดวงตา “ไม่แปลกใจ ก็เจ้าน่ะ… เป็นศิษย์ของฝูซีแห่งเขาเทพพยากรณ์นี่นะ!” เสียงคำรามหัวเราะอย่างขื่นขมแผดดัง

ภายในน้ำเสียงมีความชิงชังและความโล่งใจซ่อนเร้นอยู่

แค่ก!

เมื่อจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงพูดจบ เขาไม่ได้เลือกที่จะระเบิดตัวเอง หากแต่ทำอัตวินิบาตกรรมโดยการทำลายดวงจิตของตนให้ตายลงเดี๋ยวนั้น!

หากผู้เยี่ยมยุทธ์ต่างพิภพซึ่งเทียบได้กับราชันเซียนตั้งใจที่จะปลิดชีพตัวเอง แม้แต่เทพก็ไม่อาจหยุดยั้ง ดังนั้นแล้วเฉินซีจึงไม่มีทางที่จะขวางเขาไว้ได้สำเร็จเช่นกัน

“อย่างน้อยเจ้าก็รู้ขีดจำกัดของตัวเอง” เฉินซีตระหนักดีว่าสหายเต๋าผู้นี้คงจะรู้ตัวว่าแรงโจมตีที่เกิดจากการระเบิดตัวเองนั้นไม่สามารถทำอันตรายใดกับตนได้ ด้วยเหตุนี้ แทนที่จะต้องทรมานกับความอัปยศอดสู จึงเลือกที่จะปลิดชีพตัวเองให้เร็วที่สุด อย่างน้อยก็จะได้ตายอย่างมีศักดิ์ศรี

ข้าสงสัยว่าตอนนี้ฟ่านอวิ๋นหลานถูกซ่อนไว้ที่ใด… เฉินซีสูดลมหายใจลึกก่อนจะเพ่งกระแสจิตออกไป พลังของเขาปกคลุมไปทั่วทั้งหุบเขาปีศาจ สอดส่องทุกช่องว่างของแผ่นดิน ชายหนุ่มยอมรับ เขาในยามนี้กระวนกระวายใจอย่างยิ่ง

กังวลว่าหญิงสาวจะต้องประสบเคราะห์ร้าย และยิ่งกังวลมากกว่านั้นหากความรู้สึกผิดที่มีบีบคั้นให้เขาไม่อาจสู้หน้านางได้…

“ตรงนั้น!” หลังจากนั้นไม่นาน หัวใจของเฉินซีพลันสั่นระรัว โพรงถ้ำใต้ดินหนึ่งปรากฏขึ้นในห้วงคำนึง ท่ามกลางความมืดมิด ร่างของสตรีนางหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น…

ตอนนั้นเอง เฉินซีตื่นเต้นจนใจปวดแปลบ ชายหนุ่มละล้าละลังด้วยไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรต่อไป หลังจากที่ห่างหายจากกันไปนานหลายปี นางจะผิดหวังในตัวข้าไปแล้วหรือไม่?

[1] โกรธเกรี้ยวเพื่อโฉมงาม (一怒为红颜 ) มาจากสำนวน 恸哭六军俱缟素,冲冠一怒为红颜 ‘สามทัพครวญไว้ทุกข์องค์ราชัน, นายทัพโกรธเกศาชันเพื่อโฉมงาม’แปลว่า ทำทุกอย่างเพราะเห็นแก่สาวงาม

……….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]