บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1516

สรุปบท บทที่ 1516 ทลายโลกาด้วยกระบี่ในมือ: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

สรุปเนื้อหา บทที่ 1516 ทลายโลกาด้วยกระบี่ในมือ – บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones

บท บทที่ 1516 ทลายโลกาด้วยกระบี่ในมือ ของ บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย novelones อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 1516 ทลายโลกาด้วยกระบี่ในมือ

……….

บทที่ 1516 ทลายโลกาด้วยกระบี่ในมือ

จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงโกรธจัดยิ่ง

“จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ รีบเปิดค่ายกลสังหารเจ้านั่นกับข้าเร็ว!” ท่ามกลางเสียงคำรามโกรธสะท้านฟ้า ร่างเขาพลันแวบขึ้นมาร่วมการต่อสู้ด้วย

กองทัพต่างพิภพออกสำรวจธารแยกแดนดินมาแล้ว และรุกรานสามภพได้ไม่ยาก อาจกล่าวได้ว่าทำได้ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ แต่ไม่มีใครคิดว่าแค่เฉินซีเพียงคนเดียวจะสามารถทำให้อีกฝ่ายสูญเสียได้มากเช่นนี้!

หากเป็นในเวลาปกติ ค่ายกลกลั่นกรองเทพวิญญาณบรรพชนก็คงมากพอจะยับยั้งกองทัพต่างพิภพเรือนแสนและแปดจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้ ก่อนใช้อำนาจจากมหาค่ายกลสังหารได้ไม่ยาก

แต่เฉินซีก็มีฝีมือสะท้านฟ้ามากจริง ๆ นับว่าเกินขอบเขตราชันเซียนไปแล้ว เมื่อเขามาถึง ก็ทำลายค่ายกลใหญ่และสังหารคนต่างพิภพไปหลายหมื่นในคราวเดียวกัน กระทั่งจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ผมขาวยังถูกทำลายไปในพริบตา

อำนาจทำลายล้างเช่นนั้นถึงกับทำให้จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงหวาดกลัว หวาดหวั่น ไม่อยากเชื่อสายตา

เขาจึงไม่กล้าลังเลเตรียมโจมตีเต็มกำลังทันที

ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพต่างพิภพ จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงย่อมไม่อาจทนเห็นลูกน้องถูกสังหารอย่างเลือดเย็นได้

“ฆ่ามัน!”

“โจมตีพร้อมกันสังหารมันเลย!”

“ไม่สู้เราก็ตาย! ใส่เต็มกำลังไปเลย!”

จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ ได้ยินกระแสปราณจากจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงแล้วก็ทำตามทันที รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์จวนตัว จะแพ้หรือชนะก็ขึ้นอยู่กับตอนนี้!

ตู้ม!

ข้อจำกัดที่ปกคลุมหุบเขาปีศาจอยู่จำนวนมากถูกเปิดใช้ขึ้นอีกครั้ง!

จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงอยู่ใจกลางมหาค่ายกล ส่วนอีกหกจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คอยจัดการส่วนอื่น พวกเขารวมพลังกันใช้ไพ่ตายออกมา

ฟ่าว!

ภาพขวานยักษ์พลันปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า พร้อมกับพลังเทพที่มาบรรจบกันนั้น ภาพขวานนั่นก็ยิ่งกลั่นแน่นขึ้น กลิ่นอายยิ่งน่าเกรงขามยิ่งขึ้น

ขวานเล่มนั้นคล้ายกับสามารถผ่ากลางความวิบัติยามกำเนิดโลกได้ เต็มไปด้วยกระแสวิญญาณบรรพชนอันน่าเกรงกลัว ดูพิสดารอย่างเหลือเชื่อ กลิ่นอายเต๋าสวรรค์ของมันต่างจากในสามภพ แต่ก็น่ากลัวไม่แพ้กัน

ครืน!

ค่ายกลใหญ่โคจรจนฟ้าดินลั่นครืน หลังจากภาพขวานปรากฏขึ้น แสงศักดิ์สิทธิ์สีดำสนิท เพลิงศักดิ์สิทธิ์ แสงศักดิ์สิทธิ์ และกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ก็ลั่นครืนออกจากค่ายกล

แต่ละคนมีพลังน่าเกรงขาม ถึงขั้นที่อาจทำให้ฟ้าดินสะเทือนเลือนลั่น มากพอจะทำให้ทวยเทพรู้สึกหวาดผวาได้!

นี่เป็นไพ่ตายของค่ายกลกลั่นกรองเทพวิญญาณบรรพชน มันใช้พลังวิญญาณบรรพชนที่แกร่งมากถึงขั้นที่สามารถจับตัวและสังหารเทพได้ อำนาจจากมหาค่ายกลนี้เกินกว่าจะจินตนาการถึง

“หึ! ข้อจำกัดหรือ? ก็เหมือนสำแดงพลังอันอ่อนด้อยต่อหน้าปรมาจารย์เท่านั้นล่ะ!” เฉินซียืนอยู่ตรงจุดนั้น มุมปากยิ่งโค้งกว้างขึ้น ไม่ปิดบังร่องรอยดูถูกสักนิด อย่างไรตอนนี้เขาก็เข้าใจยันต์เทวะอนันต์แล้ว ทั้งเต๋าแห่งยันต์อักขระยังมีพลังสูงขึ้นอีกขั้นหนึ่ง ถึงจะเป็นข้อจำกัดศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้อีกต่อไป

“สลายไปซะ!!” เฉินซียกมือขึ้น สายตาจ้องตรงไป แล้วคำรามเสียงลั่น

กระแสปราณกระบี่นับไม่ถ้วนเปล่งออกมา พุ่งขึ้นขึ้นฟ้าจากร่างเฉินซี ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นฝนปราณกระบี่คลั่งหวีดหวิวไปทั่ว แต่ละกระแสปราณกระบี่นั้นกระจ่างจ้าเหมือนลำแสง ปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความศักดิ์สิทธิ์และมีอำนาจทำลายล้างสูงส่ง!

เสียงระเบิดนับครั้งไม่ถ้วนดังขึ้นบนท้องฟ้าเหนือหุบเขาปีศาจ สะท้านไปทั่วฟ้าดิน

กระแสปราณกระบี่จำนวนมากเข้าปะทะกับภาพขวาน สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ เพลิงศักดิ์สิทธิ์ แสงศักดิ์สิทธิ์ และกระบี่ศักดิ์สิทธิ์

อย่างแรกเลยคือเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกดับ แสงศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกปราณกระบี่เฉือนจนแตกกระจายหายไปในอากาศ

ทว่าภาพขวาน สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ และกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นั้นแกร่งมาก ยังคงต่อสู้อยู่กับปราณกระบี่ของเฉินซีอย่างทัดเทียม

“ทำลาย!” กระแสสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ซัดผ่านฟ้าดังลั่นเหมือนเสียงเทพอสูร ไม่ว่าผ่านไปทางใดทุกสิ่งอย่างก็ถูกบดขยี้เป็นผุยผง มันคือพลังหยางขั้นสูง ดุดันเป็นอย่างยิ่ง

ฉัวะ!

กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ฟาดลงมา รุดหน้าเข้ามาไม่หยุด เจตจำนงกระบี่พุ่งออกมาเหมือนคลื่นลมคลั่งสาดซัด

“ทำลาย!” ภาพขวานคือตัวที่น่ากลัวที่สุด มันปกคลุมไปด้วยปราณโกลาหลแห่งฟ้าดิน มีพลังทำลายล้างมากมายยามซัดลงมา

“ฆ่ามัน! ฆ่าไอ้เวรนั่น!” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันมองเหตุการณ์จากใจกลางมหาค่ายกล ได้แต่ก่นด่าภายในใจ อยากขยี้เฉินซีให้แหลกในคราวเดียว

เพราะคนคนนี้แกร่งเกินไปจนน่ากลัว ดังนั้นจะปล่อยให้มีชีวิตต่อไปไม่ได้!

“มันต้องตาย! ตายซะ!” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ ที่คุมค่ายกลอยู่ก็อยากทำเช่นนั้นเหมือนกัน

พวกเขารู้สึกว่าเฉินซีเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวง ถึงขั้นที่มองว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูที่จัดการยากที่สุดในการบุกสามภพ หากฉวยโอกาสนี้สังหารเฉินซีได้ก็นับว่าเป็นชัยชนะอย่างสูงส่ง

ภายในส่วนลึกของหุบเขาปีศาจ ณ ถ้ำใต้ดินที่อยู่ลึกลงไปในความมืดมิดอันเยือกเย็น

“ใครมากัน? หรือว่าจะเป็นเทพแห่งสามภพ? ไม่หรอก ความวิบัติมาเยือนแล้ว เทพก็ต้องหายไปด้วย จะมีใครในสามภพฆ่าสังหารกองทัพต่างพิภพได้ด้วยตัวคนเดียวกันเล่า?” น้ำเสียงพึมพำหนึ่งดังก้องขึ้นภายในถ้ำมืด มองเห็นเป็นเงาร่างงดงามนั่งอยู่บนพื้น แต่ความมืดก็ทำให้ไม่อาจมองเห็นใบหน้าได้ชัดเจน

“หรือว่า… จะเป็นเขา?” ทันใดนั้นนางก็ยืดหลังตรง น้ำเสียงสั่นเล็กน้อยคล้ายเจืออารมณ์ซับซ้อน

จากนั้นนางก็ถอนหายใจเสียงเบาแล้วเอ่ยเสียงเย้ยหยันตนขึ้น “จะเป็นไปได้อย่างไร? หากเขามีความสามารถเช่นนั้นก็คงจะดี ได้แต่หวังว่า เขาจะ… รับรู้ว่านั่วนั่วเป็นลูกสาวเขา…” จากนั้นทุกอย่างก็กลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง

“หึ!” เฉินซีแค่นเสียงเย็นแล้วแวบร่างหายไปอีกครั้ง ทั่วกายเผยพลังราชันเซียนสีทองเข้มออกมา อีกทั้งกลิ่นอายยังแฝงไว้ด้วยกระแสความศักดิ์สิทธิ์เฉพาะตัว แม้จะยังไม่ถึงขอบเขตเทวา แต่เขาก็มีกลิ่นอายของทวยเทพแล้ว

“สวี่เซียง เราเอาอย่างไรดี?”

“เอาอย่างไรกันดี?”

จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ เองก็เป็นกังวลเช่นกัน ล้วนรู้สึกหวาดกลัวจนขนหัวลุก แม้จะสู้สุดชีวิตก็ยังไม่สามารถทำอะไรเฉินซีได้เลย ทำให้พวกเขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับความจริงข้อนี้

จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงดวงตาแดงก่ำ แทบจะถลนออกจากเบ้ายามคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “เราถอยเมื่อไหร่ ความได้เปรียบที่ได้มาจากการบุกสามภพในครั้งนี้ก็เสียเปล่า ถึงกลับไปได้ พวกผู้ยิ่งใหญ่แห่งสภาผู้อาวุโสคงได้ลงโทษเราแน่ เป็นเช่นนี้ก็มีอยู่ทางเดียว คือต้องสู้แบบเอาชีวิตเข้าแลก!”

พูดถึงจุดนี้ เขาก็คำรามขึ้นมา “ทุกคนไม่ต้องกลัวไป เด็กนี่อยู่ขอบเขตราชันเซียน แต่มีฝีมือต่อสู้สะท้านฟ้า ย่อมต้องใช้วิชาต้องห้ามบางอย่างแน่ ยิ่งสู้ไปเขาจะยิ่งเหนื่อยอ่อน ย่อมต้านไว้ได้ไม่นาน แต่พวกเราใช้ค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ช่วยสู้ ถึงตอนนี้จะฆ่าไม่ได้ แต่ก็ทำให้มันเหนื่อยอ่อนได้แน่!”

“ใช่แล้ว!”

“เราจะทำให้มันเหนื่อยตายไปเลย!”

“ถูกต้อง เขาไม่ใช่เทพ แต่กลับใช้พลังเทียบเท่ากับเทพได้ คงจะฝืนใช้พลังเช่นนั้นไปได้ไม่นานหรอก!”

พวกเขาไม่อาจถอยกลับได้อีก ดังนั้นจึงได้แต่สู้กับเฉินซีจนถึงที่สุด

อีกทั้งเมื่อใช้ค่ายกลเมื่อไหร่ ก็จะสามารถควบรวมพลังทั้งหมดภายในหุบเขาปีศาจ ทั้งยังใช้พลังฟ้าดินได้อีกด้วย ทำให้เสียพลังไปไม่มาก ดังนั้นหากทำให้การต่อสู้ยืดเยื้อไว้ก็อาจพอพลิกสถานการณ์ได้

ครืน!

จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สนทนาผ่านกระแสปราณ พริบตาเดียวก็สื่อสารกันเสร็จสิ้น เมื่อตัดสินใจดังนั้นแล้ว ภาพขวาน กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ แสงศักดิ์สิทธิ์ เพลิงศักดิ์สิทธิ์ และพลังอื่น ๆ ก็ลอยขึ้นมาอีกครั้ง

เฉินซีเห็นแล้วก็อดส่ายหัวไม่ได้

คิดจะใช้วิธีเก่า ๆ สู้กันจนกว่าจะมีคนเหนื่อยอ่อนอย่างนั้นหรือ?

สุดท้ายค่ายกลก็ไม่ได้มีชีวิต การโจมตีของมันจึงเป็นไปตามกลไก ต้องมีช่วงเวลาเว้นระยะบ้าง หากข้าสู้เต็มกำลัง มีหรือจะใช้ค่ายกลนี้ตั้งรับข้าได้?

อีกทั้งแม้จะสู้เรื่องความอึด ภายในร่างเขามีต้นอ่อนเงาทมิฬคอยช่วยเหลืออยู่ กลยุทธ์เช่นนี้จะนับเป็นอะไรได้

ฟ่าว!

เฉินซีแวบร่างผ่านฟ้า รุดหน้าขึ้นสูงสวรรค์ชั้นเก้า ก่อนกวาดตามองลงมองทั่ว

“จงแตกสลาย!” ตอนนั้นเอง ทั่วร่างโคจรไปด้วยกระแสแสงศักดิ์สิทธิ์ เรือนผมพลิ้วไหวไปตามแรงพลังยามใช้พลังทั้งหมดออกมา ชายหนุ่มยกยันต์ศัสตราในมือขึ้น ส่งเสียงร้องออกมาระลอกหนึ่ง ส่งเจตจำนงกระบี่ออกมาสะท้านยุทธภพ

ฟ่าว!

ปราณกระบี่อันแข็งกล้ากระแสหนึ่งฟาดลงมา

……….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]