บทที่ 1521 เต่าอสูรกลืนสวรรค์
……….
บทที่ 1521 เต่าอสูรกลืนสวรรค์
สามลมหายใจ!
ช่วงเวลาสั้น ๆ ดังกล่าวดูเหมือนจะผ่านไปอย่างช้า ๆ แต่สำหรับหนานกงเลี่ยกลับแสนยาวนาน ความรู้สึกของเขานั้นผสมผสานด้วยความหวาดกลัว ความโกรธแค้น และความไม่เต็มใจอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน…
“ข้าตกลง” ก่อนที่เวลาสามลมหายใจจะหมด หนานกงเลี่ยก็กล่าวขึ้นโดยสัญชาตญาณ และแม้แต่ตัวมันเองยังรู้สึกงุนงงหลังการตัดสินใจเช่นนี้
มันเกิดอะไรขึ้น?
“ข้ามีชีวิตอยู่มานานจนไม่อาจนับ ซ้ำยังเผชิญกับคลื่นลมมรสุมมาทุกประเภท เหตุใดข้าจึงหวาดกลัวและไม่อาจรักษาความสงบเช่นวันนี้ได้”
“เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด” ทันใดนั้น เสียงนั่นก็ดังขึ้นอีกครั้ง สิ่งนี่ทำให้หนานกงเลี่ยหวาดกลัวจนตัวแข็งทื่อ เพราะมันดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ซึ่งตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่สังเกตเห็นว่ามีคนประชิดเข้ามาใกล้ถึงขนาดนี้
ชายชราหันหลังกลับด้วยความยากลำบาก และพบกับร่างสูงโปร่งสะท้อนอยู่ในดวงตา ร่างนั้นสวมชุดสีเขียว มีหน้าตาหล่อเหลา และดวงตาคู่หนึ่งที่ลึกล้ำดั่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ซ้ำยังสว่างไสวยิ่งกว่าดวงดาราใด ๆ
“เฉินซี!?” หนานกงเลี่ยร้องออกมาอย่างไม่สมัครใจ เขาไม่เคยคิดว่าผู้ที่ขู่จะล้างตระกูลหนานกง แท้จริงแล้วจะเป็นราชันเซียนผู้มีชื่อเลื่องลือไปทั่วภพเซียนที่สุดในเวลานี้
“บัดซบ!” เส้นเลือดปูดขึ้นบนหน้าผากของหนานกงเลี่ย และมันอัดแน่นไปด้วยความโกรธ ทำให้เขาพลันเหวี่ยงฝ่ามือไปทางเฉินซี
แต่ทว่าฝ่ามือกลับดูเหมือนกระแทกเข้ากับโคลนที่มองไม่เห็น และพลังที่แฝงอยู่ในฝ่ามือก็ไม่อาจเข้าใกล้เฉินซีแต่อย่างใด ซ้ำยังสลายไปอย่างไร้สุ้มเสียง
สิ่งนี่ทำให้เขารู้สึกคลื่นของความหวาดกลัวอีกระลอกหนึ่ง จึงตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “ในฐานะเจ้าสำนักแห่งสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าที่ทรงเกียรติ ไยถึงทำพฤติการณ์ที่น่ารังเกียจเช่นนี้ หรือเจ้าไม่กลัวถูกผู้คนประณามเหยียดหยาม!?”
“หากเจ้าไม่มีค่า เจ้าคงตายไปนานแล้ว” เฉินซีกล่าวอย่างใจเย็น “ส่วนสาเหตุที่ข้ามาหาเจ้าไม่ใช่เรื่องใดอื่น ตัวเจ้าน่าจะทราบเรื่องนี้ดี”
หัวใจของหนานกงเลี่ยสั่นไหว “ข้าทราบเรื่องอันใด”
“เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการเสแสร้งต่อ” ประกายแสงเย็นเฉียบพุ่งออกมาจากดวงตาของเฉินซีอย่างฉับพลัน และมันก็น่ากลัวอย่างยิ่ง
หนานกงเลี่ยกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างยากลำบาก และสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างไม่รู้จบ ในท้ายที่สุด ก็เผยสีหน้าหดหู่และดูเหมือนจะเลิกดิ้นรนต่อต้าน
“การเป็นสุนัขของนิกายอำนาจเทวะไม่ใช่เรื่องง่าย” เฉินซีเหลือบมองมันอย่างเย็นชา “นำทางไปซะ อย่าให้ข้าต้องเตือนเจ้าอีก มิฉะนั้น มันอาจเป็นความตายสำหรับเจ้า”
…
ฟิ่ว!
อากาศเกิดความผันผวนขณะที่หนานกงเลี่ยเป็นผู้นำทางอยู่ด้านหน้า และเฉินซีติดตามมันอย่างใกล้ชิด
เหตุผลที่เฉินซีสั่งให้หนานกงเลี่ยนำทาง และไม่ถามหนานกงเลี่ยว่านิกายอำนาจเทวะอยู่ที่ใด เพราะเฉินซีไม่เชื่อว่าชายชราคนนี้จะให้คำตอบที่ถูกต้องและแม่นยำแก่เขา
ดังนั้นการบังคับหนานกงเลี่ยให้นำทาง จึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด
…
สำหรับราชันเซียน สามารถข้ามผ่านห้วงมิติเพื่อไปยังสถานที่ที่ห่างไกลนับล้านลี้ได้ในชั่วพริบตา
ทว่าหนานกงเลี่ยได้นำทางเฉินซีมากว่าสามชั่วยามแล้ว ทั้งยังผ่านเมืองและดินแดนมานับไม่ถ้วน ขณะมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเป็นเส้นตรงตลอดทาง
ในท้ายที่สุด หลังจากที่พวกเขาผ่านเมืองมังกรอสรพิษซึ่งตั้งอยู่ที่ชายแดนตะวันตกของภพเซียน เฉินซีก็ตระหนักว่าแดนอำนาจเทวะซึ่งเป็นที่ตั้งของนิกายอำนาจเทวะนั่นได้ออกจากอาณาเขตของภพเซียนแล้ว
ทางสุดทิศตะวันตกของภพเซียน เป็นทะเลทรายที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขตและเงียบงัน อวกาศวุ่นวายไม่เป็นระเบียบ ในขณะที่หลุมดำแผ่ขยายจนพบเห็นได้ทุกที่ และมันเป็นเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ไม่ต้องกล่าวถึงผู้บ่มเพาะธรรมดาทั่วไป แม้แต่ราชันเซียนก็ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง และมิอาจประมาทได้เลย
ตลอดทาง หนานกงเลี่ยให้ความร่วมมืออย่างมาก และดูเหมือนว่าเขาจะยอมจำนนอย่างสิ้นเชิง
เมื่อมาถึงที่นี่ เขายังแนะนำสถานที่นี้ให้แก่เฉินซีด้วยเสียงแผ่วเบา “ทะเลทรายนี้เรียกว่าทะเลทรายกลืนกินสวรรค์ และมันถูกปกคลุมอย่างหนาแน่นด้วยกระแสอวกาศที่วุ่นวาย เมื่อผ่านไปมันไป เราจะมาถึงซากปรักหักพังแห่งความโกลาหลที่ซึ่งนิกายอำนาจเทวะตั้งอยู่”
เฉินซีพยักหน้าจากนั้นถามทันที “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าบรรลุขอบเขตราชันเซียนเมื่อล้านปีก่อน?”
หนานกงเลี่ยตกตะลึงและดูเหมือนเขาไม่เคยคาดคิดว่าเฉินซีจะถามคำถามเช่นนี้ ชายชราพยักหน้าโดยสัญชาตญาณและกล่าวว่า “ใช่แล้ว ภัยพิบัติของเทพอสูรเพิ่งจบลงในเวลานั้น และข้าบังเอิญจับร่องรอยของโชคแห่งสวรรค์ได้ ดังนั้นข้าจึงบรรลุขอบเขตราชันเซียนได้ในรวดเดียว”
“แต่หนึ่งล้านปีต่อมา เจ้ายังไม่บรรลุเต๋าและกลายเป็นเทพ ดั่งที่สืออวี๋จากตำหนักเต๋าหนี่หวากล่าวไว้ พรสวรรค์โดยกำเนิดของเจ้าช่างน่าสมเพชจริง ๆ” เฉินซีเหลือบมองเขาอย่างไม่แยแส และคำพูดของเฉินซีก็ตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง
ใบหน้าของหนานกงเลี่ยแข็งทื่อ ก่อนที่มุมปากจะกระตุกอย่างรุนแรง “พรสวรรค์โดยธรรมชาติของเจ้าสำนักเฉินซีนั่นไม่มีใครเทียบได้ และคนธรรมดาอย่างข้าก็เทียบไม่ได้อย่างสิ้นเชิง”
“การเป็นคนธรรมดานั่นเป็นเพียงเรื่องรอง และมันสามารถชดเชยได้ด้วยเวลา แต่ถ้ามีจิตอกุศล มันก็ไร้ความหมาย” จู่ ๆ เฉินซีก็หยุดเคลื่อนไหว แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขณะจ้องมองไปที่หนานกงเลี่ย
“เจ้าสำนักเฉินซี เจ้าหมายถึงอะไร” หนานกงเลี่ยขมวดคิ้วพลางกล่าว
“เดิมทีข้าตั้งใจจะไว้ชีวิตเจ้า แต่เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่เห็นคุณค่าของมัน” ท่ามกลางเสียงเฉยเมย เฉินซีแม้ดูเหมือนจะไม่ขยับ แต่มือขวากลับคว้าไปที่คอของหนานกงเลี่ยในบัดดล
“เจ้าสำนักเฉินซี! เจ้า…” ใบหน้าของหนานกงเลี่ยแดงก่ำจากการหายใจไม่ออก และแทบสิ้นลมหายใจ พลังในร่างกายถูกสะกด และกลายเป็นคนอ่อนแอที่ต้องดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง ซ้ำยังรู้สึกหวาดกลัวและโมโหอย่างยิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...
ไม่ลงต่อแล้วหรือครับ ผมยังรออยู่นะครับ...