บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1550

สรุปบท บทที่ 1550 ความขัดแย้งปะทุขึ้นอย่างกะทันหัน: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

บทที่ 1550 ความขัดแย้งปะทุขึ้นอย่างกะทันหัน – ตอนที่ต้องอ่านของ บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

ตอนนี้ของ บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1550 ความขัดแย้งปะทุขึ้นอย่างกะทันหัน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 1550 ความขัดแย้งปะทุขึ้นอย่างกะทันหัน

……….

บทที่ 1550 ความขัดแย้งปะทุขึ้นอย่างกะทันหัน

ภายในห้องในหมู่บ้าน

เฉินซีนั่งขัดสมาธิ ขณะที่หมอกและเมฆม้วนอยู่รอบตัว เต็มไปด้วยรัศมีอันศักดิ์สิทธิ์พร่างพราวด้วยแสงอันเป็นมงคล

ผลึกศักดิ์สิทธิ์สองก้อนแผ่ซ่านพลังศักดิ์สิทธิ์อันบริสุทธิ์จนหนาแน่นไหลเวียนอยู่ในมือ ก่อนจจะซึมซาบเข้าสู่จักรวาลภายในร่างกายเฉินซีผ่านเส้นชีพจร ซึ่งเติมเต็มพลังศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่อง

ผลึกศักดิ์สิทธิ์นั่นอัศจรรย์อย่างแท้จริง พวกมันแตกต่างจากศิลาอมตะทั่วไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ที่บริสุทธิ์จนน่าทึ่งเท่านั้น แต่ยังมีพลังบัญชาจาง ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการกลั่นกรองรากฐานของเต๋าศักสิทธิ์

ฟิ่ว!

ภายใต้การเกื้อหนุนจากผลึกศักดิ์สิทธิ์ พลังศักดิ์สิทธิ์อันทรงพลังได้ไหลเข้าสู่ร่างกายของเฉินซี เหมือนกระแสน้ำ และการบ่มเพาะที่โรยราอย่างรุนแรง ก็ฟื้นตัวด้วยความเร็วที่น่าตกใจ

สองวันให้หลัง

เสียงระเบิดสองครั้งดังสนั่น ในขณะที่ผลึกศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองก้อนบนฝ่ามือเฉินซีได้ระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ แล้วกลายเป็นเศษผงที่ฟุ้งกระจายไปโดยรอบ

ผลึกศักดิ์สิทธิ์สองก้อนเปรียบได้กับผลของการบ่มเพาะตลอดทั้งเดือนโดยอาศัยต้นอ่อนเงาทมิฬ ทว่ายังไม่เพียงพอ หากข้าต้องการฟื้นฟูความแข็งแกร่งทั้งหมด อย่างน้อยต้องมีผลึกศักดิ์สิทธิ์มากกว่าสิบก้อน

เฉินซีบ่มเพาะพลางสังเกตสภาพร่างกายของตน

เถี่ยคุนมอบผลึกศักดิ์สิทธิ์ให้เพียงห้าก้อน ซึ่งยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาฟื้นการบ่มเพาะสู่จุดสูงสุดได้ในเวลาสั้น ๆ แต่ว่าเท่านี้เฉินซีก็พอใจอย่างยิ่งแล้ว

ตามการคาดการณ์ของเขา เมื่อออกจากหมู่ในอีกห้าวันให้หลัง คงจะสามารถฟื้นการบ่มเพาะได้ราวเจ็ดส่วน และความแข็งแกร่งนี้ก็มากพอที่จะจัดการกับผู้บ่มเพาะขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกาทั่วไป

แน่นอน หากเขาพบกับ ‘ลุงเก้า’ จากตระกูลต้าอี้อีก เฉินซีก็ทำได้เพียงเลือกที่จะหนีเท่านั้น แต่เขาอาจสามารถพึ่งพาเคล็ดวิชาลับบางประการเพื่อสังหาร ‘ลุงเก้า’ ได้ ถ้าสามารถฟื้นคืนสู่สภาพสูงสุด

อย่างไรก็ตาม เว้นแต่จะไม่มีทางเลือกอื่น เฉินซีก็จะไม่กระทำเช่นนั้น

เนื่องจากสิ่งที่เรียกว่าเคล็ดวิชาลับเหล่านี้ ล้วนเป็นอันตรายต่อตัวเขาเองอย่างมากเช่นกัน ยกตัวอย่าง ถ้าใช้ ระเบิดสังหารเทวะ ก็จะไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างเต็มที่เป็นเวลาอย่างน้อยสามเดือน

ปัจจุบั ข้าเพิ่งบรรลุขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกา ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่การบ่มเพาะของข้าจะพัฒนาอีกครั้งในช่วงเวลาสั้น ๆ ดังนั้นหากข้าต้องการพัฒนาพลังฝีมือ ก็มีแต่ต้องขัดเกลากฎเต๋าศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น…

ในขณะที่ไตร่ตรองเรื่องนี้ เฉินซีก็หยิบผลึกศักดิ์สิทธิ์อีกสองก้อนออกมาและบ่มเพาะอย่างเงียบ ๆ

การต่อสู้กับลุงเก้าทำให้เขาสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ได้ในคราวเดียว ทำให้มีอิทธิฤทธิ์ในการบัญชากระบี่ทั้งปวง เสมือนกับเป็นจักรพรรดิในหมู่เซียนกระบี่ และมันเพียงพอที่จะทำให้เหล่าเซียนกระบี่ทั้งมวลต้องโค้งคำนับต่อเขา

แม้ว่าเต๋าศักดิ์สิทธิ์ที่เฉินซีครอบครองนั้นถือได้ว่าบรรลุถึงขั้นพื้นฐานเท่านั้น แต่ความก้าวหน้าในการบ่มเพาะเต๋าแห่งกระบี่ได้ชดเชยข้อบกพร่องนี้อย่างมาก

โดยรวมแล้ว ระดับการบ่มเพาะและการฝึกฝนในเต๋าแห่งกระบี่ ณ ปัจจุบัน ไม่สามารถทะลวงขอบเขตได้ในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นสิ่งที่พัฒนาพลังฝีมือเขาได้คือ กฎเต๋าศักดิ์สิทธิ์

กฎเต๋าศักดิ์สิทธิ์แบ่งออกเป็นขั้นพื้นฐาน ขั้นต้น ขั้นสูง ขั้นสูงสุด และขั้นสมบูรณ์

ทุกขั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และมันเหมือนกับความแตกต่างระหว่างฟ้ากับดิน!

เพราะนี่คือเต๋าแห่งเทพ และเป็นเส้นทางสูงสุดสู่เต๋าที่เหล่าเทพแสวงหา ทุกย่างก้าวข้างหน้านั้นยากลำบากแสนเข็ญ แม้ว่าจะทุ่มเทเวลาไปมากมาย แต่ก็ไม่มีทางจะก้าวหน้า หากปราศจากพรสวรรค์โดยกำเนิดและความสามารถในการเข้าใจที่จำเป็น

โดยทั่วไปแล้ว ถือเป็นความสำเร็จที่น่าตกใจ หากใครสามารถบรรลุในกฎเต๋าศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้นในขณะที่การบ่มเพาะอยู่ในขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณ

ตัวอย่างเช่น ‘ลุงเก้า’ ผู้นั้น ชายชราเป็นหนึ่งในผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับสูงไม่กี่คนในขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณ และเหตุผลก็คือ เขาได้บรรลุในเต๋าศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุขั้นต้น

เพราะผู้บ่มเพาะขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณทั่วไป ส่วนใหญ่ยังคงติดอยู่ที่ขั้นพื้นฐาน

ในทางกลับกัน เฉินซีสามารถต่อสู้ข้ามขอบเขตกับลุงเก้าโดยปราศจากความพ่ายแพ้ และถึงขนาดที่บังคับให้ลุงเก้าใช้แท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ ด้วยความตั้งใจที่จะลากเฉินซีให้ตกตายไปพร้อมกัน จึงเป็นที่ประจักษ์ว่าความแข็งแกร่งของเฉินซีที่เพิ่งบรรลุขอบเขตเทวานั้นผิดปกติเพียงใด หากข่าวการต่อสู้ครั้งนี้แพร่กระจายออกไปก็คงไม่มีใครเชื่อ

ในปัจจุบัน เฉินซีได้มุ่งความสนใจไปที่การกลั่นกรองกฎเต๋าศักดิ์สิทธิ์ ชายหนุ่มมีความรู้สึกว่าหากสามารถบรรลุเต๋าศักดิ์สิทธิ์ยันต์อักขระได้ในขั้นต้น ถ้าเขาพบกับลุงเก้าผู้นั้นอีกครั้ง มันจะไม่มีความหมายอีกต่อไป ต่อให้ลุงเก้าต่อสู้อย่างสิ้นหวังก็ตาม!

สามวันต่อมา

ผลึกศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือได้รับการกลั่นกรองและถูกดูดซับอย่างสมบูรณ์ ในขณะนี้การบ่มเพาะได้ฟื้นตัวราวเจ็ดส่วนแล้ว!

ตามข้อตกลง จะต้องออกจากหมู่บ้านนี้ในอีกสองวันข้างหน้า ข้าจะใช้โอกาสนี้ไปหาเถี่ยคุนเพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับแดนโลกาวินาศและแดนเทพโบราณ ทันใดนั้น เฉินซีก็ลืมตาพร้อมกับตื่นจากการบ่มเพาะ

ปัจจุบัน ชายหนุ่มรู้เพียงว่าแดนโลกาวินาศครอบครองอาณาเขตอันไร้ขอบเขต และพลังงานของเต๋าสวรรค์ภายในนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างมาก มันสามารถทำลายกฎเต๋าศักดิ์สิทธิ์และเคล็ดวิชาต่าง ๆ ที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเทวาครอบครองได้อย่างหมดจด

ในเวลาเดียวกัน อาณาเขตอันกว้างใหญ่นี้ ถูกแบ่งคร่าว ๆ ออกเป็นพื้นที่ทุ่งโอสถและพื้นที่ล่า อย่างไรก็ตาม เขายังคงไม่รู้แน่ชัดว่าดินแดนทั้งสองนี้ถูกแบ่งและแยกแยะอย่างไร

สิ่งสำคัญที่สุดคือ เขาจำเป็นต้องรู้อย่างเร่งด่วนว่าเส้นทางที่นำไปสู่แดนเทพโบราณนั้นอยู่ที่ใด!

เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ เฉินซีก็หยุดลังเลอีกต่อไป พลันลุกขึ้นยืนแล้วผลักประตู จากนั้นจึงเดินออกไป

ตู้ม!

ทันทีที่ร่างสูงใหญ่เดินออกจากบ้าน เสียงกัมปนาทก็ดังกึกก้อง มิหนำซ้ำยังรุนแรงมาก มันพลุ่งพล่านราวกับฟ้าร้องขณะที่พัดผ่านฟ้าดิน ซึ่งทั้งหมู่บ้านก็ตื่นตระหนกกับมัน

ยิ่งไปกว่านั้น ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งก็รีบวิ่งออกไปพร้อมอาวุธในมือ และมุ่งหน้าไปยังระยะไกล

หลังจากนั้น นัยน์ตาของเฉินซีก็หรี่ลง เขาสังเกตเห็นด้วยความตกใจว่า มีม้วนคัมภีร์อยู่ในมือของหญิงสาวชุดเหลือง และมีภาพวาดของชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่บนนั้น

น่าตกใจ นั่นคือภาพเหมือนของเขา!

หรือคนเหล่านี้มาเพื่อตามหาและจับกุมข้า?

ใบหน้าของเฉินซีดิ่งลงและเข้าใจคร่าว ๆ ว่าการที่เถี่ยคุนถูกรุมเป็นเพราะพยายามปกป้องเขา

“ฮ่า ฮ่า! กลุ่มทาสสมุนไพรกล้าดียังไงถึงมาช่วยคน? พวกเจ้าทุกคนจงอยู่เฉย ๆ อย่างเชื่อฟังซะ มิฉะนั้นจะต้องถูกฆ่าอย่างไร้ปรานี!” ในขณะนี้ กลุ่มคนที่อยู่นอกสนามรบสังเกตเห็นชาวบ้านที่รุดมาช่วยเหลือ ชายในชุดคลุมสีทองที่มีผมสีขาว มีรูปลักษณ์หล่อเหลาราวกับชายหนุ่ม จู่ ๆ ก็เยาะเย้ยและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สยดสยอง

พร้อมกับเสียงนี้ กระแสพลังที่น่าสะพรึงกลัวก็พัดโหมดุจกระแสน้ำ และมันกระแทกใส่กลุ่มชาวบ้านอย่างแรง ทำให้เกิดเสียงร้องระงมไปทั่ว

เสียงร้องโหยหวนแห่งความเจ็บปวดดังขึ้น ชาวบ้านเหล่านั้นเป็นเพียงทาสสมุนไพรที่ไม่มีพลังฝีมือแต่อย่างใด ดังนั้นจึงไม่อาจทนต่อกลิ่นอายอันทรงพลังเช่นนี้ได้ พวกเขาถูกขัดขวางด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่จะเข้าใกล้สนามรบ จิตใจได้รับบาดเจ็บสาหัสจนแทบจะคุกเข่าลง

“ฮึ่ม!” จู่ ๆ เฉินซีก้าวไปข้างหน้า และเมื่อชายหนุ่มกะพริบตา แสงอันศักดิ์สิทธิ์อันน่าตกตะลึงก็พุ่งออกมา

โครม!

เพียงก้าวเดียวก็เหมือนกับเทพสวรรค์ย่ำกลอง และมันก็ดังก้องไปทั่วฟ้าดิน ในเวลาเดียวกันนั้นเอง จิตสังหารอันเยือกเย็นและเย็นชาก็แผ่พุ่งออกมาราวกับมหาสมุทรแห่งกระบี่ที่ซัดโหมกระหน่ำ

โครม โครม โครม!

ภายใต้กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวของเฉินซี กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากชายเสื้อคลุมทองคนนั้นก็แตกสลายอย่างง่ายดายราวกับฟองสบู่ มันหายไปอย่างสมบูรณ์และไม่สามารถต้านทานกลิ่นอายของเฉินซีได้เลย

มิหนำซ้ำ กระแสพลังศักดิ์สิทธิ์ของเฉินซีก็ไม่เสียแรงขับเคลื่อน และกวาดไปทั่วบริเวณโดยรอบ ส่งผลให้ฟ้าดินมืดดับลง ทำให้ผู้คนในระยะไกลตกตะลึงจนใจสั่นสะท้าน พลางจ้องมองมาอย่างต่อเนื่อง

“เอ๊ะ?”

“เจ้าเด็กนั้นดูเหมือนจะไม่ใช่ทาสสมุนไพร?”

“ช้าก่อน! นั่นไม่ใช่เจ้าเด็กที่เราตามหาหรอกหรือ!”

“ฮ่า ๆ ๆ! มันซ่อนอยู่ที่นี่จริง ๆ เถี่ยคุนผู้น่ารังเกียจคนนี้ กล้าที่จะปกปิดเรื่องนี้ มันสมควรตายเท่านั้น หากนายน้อยสามของตระกูลต้าอี้รู้เข้า คงจะประหารตระกูลเถี่ยไปเก้าชั่วโคตรอย่างแน่นอน!”

เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของเฉินซีอย่างชัดเจน พวกมันทั้งหมดรวมทั้งหญิงสาวที่สวมชุดเหลืองต่างก็ประหลาดใจ และความยินดีเสี้ยวหนึ่งปรากฏบนใบหน้าพวกมัน ประหนึ่งกับเจอเหยื่อกำลังตามล่ามานาน

ในทางกลับกัน เฉินซีก็มั่นใจว่าพวกมันมาตามหาเขาจริง ๆ ยิ่งกว่านั้น ผู้ที่บงการ คือชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวจากตระกูลต้าอี้!

……….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]