บทที่ 1553 การต่อสู้ที่สั่นสะเทือน
……….
บทที่ 1553 การต่อสู้ที่สั่นสะเทือน
ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ชายหนุ่มได้สังหารทวยเทพทั้งหลายผ่านกระบี่ของเขา!
ทุกคนตกอยู่ในความตะลึงงัน
เลือดของเทพเซียนหลั่งรินจากผืนฟ้าพร้อมกับแขนที่ขาดสะบั้น เสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้องในระหว่างที่ความตายคืบคลาน มันเป็นเหตุการณ์อันงดงามทว่าก็น่าสะพรึงกลัวในคราวเดียวกัน ไม่ว่าใครได้พบเห็นก็ต้องสั่นสะท้านไปถึงขั้ววิญญาณ
เถี่ยคุนและชาวบ้านคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้างด้วยไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น
เมื่อห้าวันก่อน เฉินซียังคงบาดเจ็บหนักและอยู่ในสภาพที่อ่อนแอเกินกว่าจะทำสิ่งใดไหว ทว่าในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เพียงห้าวัน เขากลับกลายเป็นคนละคน ชายหนุ่มในตอนนี้เป็นผู้ครอบครองพลังศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทาน ราวกับเป็นจักรพรรดิกระบี่ผู้ยิ่งใหญ่เหนือคน ในทีแรก เขาสังหารเทพเซียนทั้งสามด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว มาคราวนี้ เขาได้สังหารเทวารู้แจ้งโลกาทั้งหกด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเช่นกัน!
ใครจะกล้าคิดว่าคนผู้นี้จะมีพลังการต่อสู้ที่เย้ยสวรรค์เช่นนี้?
หากคนเหล่านี้รู้ว่าเฉินซีเพิ่งฟื้นพลังของตนได้เพียงเจ็ดในสิบส่วน คงจะอ้าปากค้างจนกรามตกพื้นอย่างแน่นอน
…
เฉินซีถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกันเมื่อสามารถจัดการกับเทวารู้แจ้งโลการทั้งหกได้ในคราวเดียว
ดูเหมือนการโจมตีครั้งนี้จะประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย แต่แท้จริงแล้ว เขาเองก็ทุ่มสุดกำลังไม่น้อย คราวแรก เขาใช้ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์เพื่อหยุดสตรีชุดเหลือง อวี้เฉินเอาไว้ ก่อนจะใช้กระบวนท่าสะบั้นไร้ลักษณ์นับพันครั้งในคราวเดียว การโจมตีเช่นนี้ทำเอาพลังศักดิ์สิทธิ์แทบแห้งเหือดในทันที แต่กระนั้น ผลลัพธ์ของมันก็เป็นที่น่าพอใจไม่น้อย
โชคดีที่พลังศักดิ์สิทธิ์ที่หลงเหลือในร่างกายของข้าเพียงพอที่จะพยุงข้าไว้จนกว่าจะได้จัดการแม่นางผู้นี้! ตอนนั้นเอง เฉินซีจ้องมองไปที่หญิงสาวในชุดสีเหลืองซึ่งอยู่ไกลออกไป อวี้เฉินนั่นเอง
โครม!
ฉับพลัน อวี้เฉินได้ใช้พลังอิทธิฤทธิ์ชั้นยอด ‘ร่างแปลงหมื่นลักษณ์’! ร่างของนางสั่นไหวก่อนจะแปลงกายเป็นวิหคอมตะสีเงิน ทั่วทั้งเรือนกายของนางเรืองแสงไปด้วยประกายสายฟ้า ก่อนที่มันจะกระแทกเข้ากับตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ และแหกพันธนาการออกไป
ฟึ่บ!
ผ่านไปครู่หนึ่ง ร่างของนางก็เปล่งประกายและกลับคืนสู่สภาพเดิม คิ้วดำเข้มเลิกขึ้นเบา ๆ ในขณะที่ดวงตาทั้งสองฉายแสงแปลบปลาบของสายฟ้า ตอนนั้นเอง รัศมีของนางก็กล้าแกร่งขึ้นทันที
“ข้าต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้ข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไป ความแข็งแกร่งที่เจ้ามีคงไม่ด้อยกว่าเทวารู้แจ้งโลการะดับสูงในดาราจักรทั้งสามพันแห่งของเอกภพมสิหิม” อวี้เฉินพูดอย่างใจเย็น นางไม่เร่งร้อนที่จะโจมตีเลยแม้แต่น้อย เส้นผมสยายยาวพัดไหว รูปร่างเพรียวบางอันสง่างามขยับไปมา ต่างจากใบหน้างดงามที่มีเพียงความเย็นชาไม่แยแสต่อสิ่งใด “แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยความสามารถของเจ้าในตอนนี้ ไม่มีทางจะทำอะไรข้าได้หรอก”
เฉินซีตอบโต้อย่างเย็นชา “ฮ่า ๆ! ข้าล่ะอยากรู้เสียจริงว่าอะไรที่ทำให้เจ้ามั่นใจถึงเพียงนั้น”
ขณะที่พูด ชายหนุ่มก็พยายามอย่างเต็มที่ในการฟื้นฟูพลังศักดิ์สิทธิ์ภายในร่างกาย น่าเสียดายที่ศักยภาพของต้นอ่อนเงาทมิฬนั้นเทียบไม่ได้กับผลึกศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นเรื่องยากมากที่มันจะให้ผลลัพธ์ในระดับที่น่าพึงพอใจในช่วงเวลาสั้น ๆ
สิ่งนี้ทำให้เฉินซีเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงคุณค่าของผลึกศักดิ์สิทธิ์ สำหรับแดนโลกาวินาศนั้น พลังศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่ขาดแคลนอย่างยิ่ง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำสิ่งใดโดยไม่พึ่งผลึกศักดิ์สิทธิ์
“ข้าไม่ได้มั่นอกมั่นใจอะไร เพียงแต่พูดไปตามความจริงเท่านั้น” อวี้เฉินทัดผมของนางแนบกับใบหู “อันที่จริง หากเจ้าไม่เต็มใจจะเป็นทาสเทพของนายน้อยสามละก็ ข้าก็มีทางเลือกที่สองให้เจ้า”
ท่าทางของเฉินซียังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“นั่นก็คือการที่เจ้าจะต้องมาเข้าร่วมตระกูลอวี้ของข้า!” อวี้เฉินพูดอย่างตรงไปตรงมา
“แล้วหากข้าเป็นพวกอ่อนแอเล่า เจ้าจะทำเช่นไร?” เฉินซีถาม
“เจ้าก็คงจะตายไปนานแล้ว” อวี้เฉินไม่อดทนต่อการเล่นลิ้นของอีกฝ่าย นางตรงเข้าประเด็นทันที “เฉพาะผู้ที่มีความแข็งแกร่งเพียงพอจึงจะได้รับการยอมรับจากผู้อื่น เจ้าไม่คิดว่าจริงหรือ?”
เฉินซีเริ่มนึกขันขึ้นมา “เช่นนั้น ข้าก็ควรจะขอบคุณเจ้าที่นึกถึงคนอย่างข้าสินะ”
อวี้เฉินขมวดคิ้วด้วยรู้สึกไม่พอใจต่อคำพูดนั้น “จะเรียกว่าเป็นโชคหล่นทับก็ได้ ตอนนี้ข้าได้แสดงความจริงใจต่อเจ้าอย่างสุดซึ้งแล้ว หากเป็นคนอื่น ข้าก็คงจะไม่สนใจขนาดนี้”
น้ำเสียงของนางแสดงถึงความเหนือกว่าอย่างชัดเจน
ชายหนุ่มคล้ายจมลงสู่ความคิด “สิ่งมีชีวิตทั้งหลายในแดนเทพโบราณของเจ้าเหมือนกับเจ้าทุกคนเลยหรือ? นี่พวกเขาล้วนแต่รับคนจากภพเบื้องล่างมาเป็นพวกเสมอ ตราบใดที่พอใจอย่างนั้นสินะ”
อวี้เฉินขมวดคิ้วอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ ในที่สุดนางก็เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายแล้ว “ดูเหมือนเจ้าจะดื้อด้านพอตัวเลยนะ คงตั้งใจจะสู้ต่อจนกว่าจะถึงที่สุดละสิ?”
เฉินซีตอบอย่างไม่แยแส “ข้าเป็นพวกที่อยากได้สิ่งใด ก็มักจะต่อสู้เพื่อให้ได้มาเสียด้วย”
“เยี่ยม!” สายตาของหญิงสาวพลันแข็งกร้าว นางเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วยังเฉินซีราวกับแสงที่พุ่งลงมา ทิ้งไว้เพียงภาพติดตาอยู่ตรงนั้น หากร่างแท้จริงกลับเคลื่อนไปไกลมากโข เป็นความเร็วที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเชื่อสายตา
ย่ำย่างปฐพี!
มันคือพลังอิทธิฤทธิ์ชั้นยอดประเภทหนึ่งที่น่าเกรงขามยิ่งกว่าการเคลื่อนย้ายมิติทั่ว ๆ ไป ว่ากันว่าเมื่อเริ่มเคลื่อนไหว โลกาก็ผันผ่าน ทิ้งห่างทุกสรรพสิ่งได้ในก้าวเดียว
ชิ้ง!
แสงอันศักดิ์สิทธิ์ส่องประกายในขณะที่ร่างของเฉินซีเคลื่อนตัวไปด้านข้าง ชายหนุ่มใช้วิชาศักดิ์สิทธิ์คุนเผิงเพื่อให้พื้นที่มิติถูกแยกออกอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่ามันไม่ได้ด้อยกว่าวิชาย่ำย่างปฐพีเลยแม้แต่น้อย
แกร๊ง!
การเคลื่อนไหวของอวี้เฉินนั้นรวดเร็วมาก อาภรณ์ของนางกระพือพัดพร้อมกับร่างกายที่ขยับย่างไม่ต่างภูตผี ฝ่ามือเรียวผ่าฟ้าดินออกเป็นส่วน ๆ ด้วยความรวดเร็ว ดุดัน และเหี้ยมโหด
หลังจากพลาดไปคราหนึ่ง ร่างของนางก็พลันวูบไหว ท่อนขาเรียวยาวของนางกวาดออกไปไม่ต่างฟาดแส้
หวด!
พื้นที่มิติหลงเหลือเพียงความยุ่งเหยิงยามเมื่อมันฟาดเข้าหาเฉินซีอย่างดุเดือด
นี่คือลักษณะของผู้เยี่ยมยุทธ์ที่บ่มเพาะทักษะขัดเกลากายาเทพอสูร พวกเขามีร่างกายที่ไร้เทียมทานและแข็งราวกับสมบัติศักดิ์สิทธิ์ ทั่วทุกส่วนของร่างกายสามารถระเบิดพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
เฉินซีเลิกคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ ครั้งหนึ่งเขาเคยบ่มเพาะทักษะขัดเกลากายาเทพอสูรมาก่อน แน่นอนว่าวิชาเช่นนี้เขาย่อมคุ้นเคยเป็นอย่างดี มันเป็นวิชาที่ยากจะรับมือและไร้ซึ่งจุดอ่อนใด ๆ
กระนั้นมันก็หาทำให้เขากลัวไม่
เฉินซีไม่หลบอีกต่อไป ยันต์ศัสตราทะยานผ่านผืนฟ้าในขณะที่แสงกระบี่ค่อย ๆ ฉายวาบขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...