บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1554

สรุปบท บทที่ 1554 สินสงคราม: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

สรุปตอน บทที่ 1554 สินสงคราม – จากเรื่อง บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones

ตอน บทที่ 1554 สินสงคราม ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดยนักเขียน novelones เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 1554 สินสงคราม

……….

บทที่ 1554 สินสงคราม

เหรียญทองแดงโปรยสมบัติ

สมบัตินี้รอบนอกเป็นวงกลม รอบในเป็นสี่เหลี่ยม พื้นผิวตราอักขระโกลาหลไว้อย่างคลุมเครือ เหรียญทองแดงทั้งสามเผยปรากฏการณ์แห่ง ‘สวรรค์’ ‘โลก’ และ ‘มนุษย์’ ทั้งบริสุทธิ์ หนักหนา และลึกล้ำสุดขั้ว

เนิ่นนานแต่บรรพกาล เจ้านิกายอำนาจเทวะอาศัยสมบัตินี้ในการชิงสมบัตินับไม่ถ้วนจากเหล่าตัวตนยิ่งใหญ่ ณ ขณะนั้น ฤทธายิ่งใหญ่เลิศล้ำนั้นกล่าวกันว่าอยู่เหนือสมบัติวิญญาณประดิษฐ์ทั้งปวง

ขณะเดียวกัน ในหมู่สมบัติวิญญาณธรรมชาติร้อยแปดชิ้นอันเป็นที่รู้จักในสามภพ ฤทธิ์ของเหรียญทองแดงโปรยสมบัติกระทั่งอยู่ในลำดับที่ยี่สิบสี่ เพียงลำดับนี้ลำพังก็เห็นได้ไม่ยากว่าสมบัตินี้ไม่ธรรมดาเพียงไร

ทว่าขณะนี้ หลังเฉินซีใช้ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ออกมา เขาก็ใช้เหรียญทองแดงโปรยสมบัติสยบอวี้เฉินตามออกมาทันที และมันก็ได้ผลเลิศล้ำ

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

เหรียญทองแดงทั้งสามดูเหมือนเล็กจ้อย ทว่าแต่ละเหรียญล้วนมีอำนาจขยี้โลกหล้า ทันทีที่สำแดงพลัง พวกมันก็เหมือนสามขุนเขาศักดิ์สิทธิ์สีทองสามลูกกดกระแทกลงผนึกร่างอวี้เฉินจากทั้งเหนือศีรษะและใต้เท้า ยิ่งกว่านั้นมันกระทั่งสยบบริเวณรอบข้างจนระเบิดบี้ทีละน้อย ส่งเสียงเลื่อนลั่นเช่นอัสนีฟาด

“เหรียญทองแดงโปรยสมบัติ! ไม่ใช่ว่ามันเป็นของนิกายอำนาจเทวะหรือ? มันมาอยู่ในมือเจ้าได้อย่างไร?” อวี้เฉินรู้จักสมบัติศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ นางกรีดเสียงสนั่นอย่างสุดตกใจ ดูไม่อยากเชื่อ

ขณะเดียวกัน นางก็ดิ้นรนอย่างสุดกำลัง แก่นโลหิตทั่วกายเรืองโรจน์เยี่ยงตะวันฉายกลางเวหา ขณะที่โคจรพลังบ่มเพาะเต็มกำลัง พยายามทะลวงหนีผ่านพันธนาการ

น่าเสียดาย นี่คือสมบัติวิญญาณธรรมชาติอันลือลั่นในสามภพ ถูกส่งผ่านจากมือสู่มือมาแต่บรรพกาล อำนาจของมันทรงพลังเสียจนมิเพียงกลบรัศมีสมบัติวิญญาณประดิษฐ์ทั้งมวลเสียสิ้น ยังเผยอำนาจจองจำแรงกล้ายามใช้กับศัตรู

พรวด!

อวี้เฉินกระอักโลหิตคำโต รัศมีศักดิ์สิทธิ์จากทั่วร่างสั่นสะท้าน ประหนึ่งดวงตะวันอันเจียนถูกขยี้แหลก

นางดิ้นรนอย่างสุดกำลัง ใช้พลังอิทธิฤทธิ์ชั้นยอดสารพัด แต่ก็ไม่อาจส่งผลใด ๆ ต่อเหรียญทองแดงโปรยสมบัติได้ ในทางกลับกัน นางถูกบดขยี้เสียจนร่างหดลงไม่จบสิ้น พื้นที่ดิ้นรนของนางลดน้อยลงทุกที

“หรือว่า… เจ้าจะเป็นศิษย์นิกายอำนาจเทวะ?” ใบหน้าของอวี้เฉินซีดขาว แผดเสียงด้วยสีหน้าหวาดผวา ฟังดูเหมือนเสียงอันสิ้นหวังของสัตว์ร้ายติดกับดักใกล้สิ้นลม

“เหรียญทองแดงโปรยสมบัติ นิกายอำนาจเทวะ…. หรือตัวตนแท้จริงของเขาก็คือ… เดี๋ยวก่อน หากเขาเป็นสมาชิกนิกายอำนาจเทวะ เช่นนั้นเหตุใดเขาจึงตกต่ำถึงเพียงนี้ในแดนโลกาวินาศ?” เมื่อเห็นเฉินซีใช้เหรียญทองแดงโปรยสมบัติสยบอวี้เฉินจนจวนปราชัย สีหน้าของเถี่ยคุนก็แปรเปลี่ยนเล็กน้อย มีทั้งความตกใจ และความตกตะลึงอันมากยิ่งกว่านั้น

เขาเองก็มองเหรียญทองแดงโปรยสมบัติออกเช่นกัน และรู้ว่ามันเป็นของเจ้านิกายอำนาจเทวะ ทว่าเขาไม่อาจคิดออกได้เลยว่าเหตุใดสุดยอดสมบัติศักดิ์สิทธิ์นี้จึงมาอยู่ในมือเฉินซี

เฉินซียังคงเงียบกริบ ตั้งสมาธิควบคุมเหรียญทองแดงโปรยสมบัติสยบอวี้เฉินอย่างสุดกำลัง

เสียงอึกทึกจากศึกนี้เลื่อนลั่นเกินไป เขาต้องจัดการกับนางโดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้นหากคณะของนายน้อยสามจากตระกูลอี้เร่งรุดมาทันกาล ผลที่ตามมาจะเกินคาดคิด

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

เหรียญทองแดงโปรยสมบัติระเบิดรัศมีสีทองเรืองโรจน์ บดขยี้ลงมาอย่างไม่จบสิ้น อักขระโกลาหลอันคลุมเครือนับไม่ถ้วนเฉิดฉายขึ้นบนพื้นผิวของมัน เผยบรรยากาศน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง

ด้วยเหตุนี้ อวี้เฉินจึงไม่มีแม้แต่โอกาสพูด นางก็ถูกบดขยี้จนแผดร้องซ้ำไปมา เส้นผมยาวหลุดลุ่ยเหนือบ่า หยาดโลหิตย้อยหยดจากทั่วร่าง กระดูกทุกชุ่นในร่างส่งเสียงแหลกร้าว จวนไม่อาจยื้อไว้ได้ต่อ

“ร้ายกาจยิ่งนัก!”

“ที่มาของเด็กนี่ไม่ธรรมดาแน่ ๆ เขาจึงมีเหรียญทองแดงโปรยสมบัติในมือได้! ไม่น่าเชื่อเลย”

“ไม่ใช่แค่เหรียญทองแดงโปรยสมบัติ ตาข่ายที่เขาใช้เมื่อครู่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเหรียญทองแดงโปรยสมบัติเลย อาจเหนือกว่าด้วยซ้ำไป เห็นได้ชัดว่ามันก็ต้องเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติอันหายากยิ่งไม่ต่างกัน ลองคิดดูสิ เทวารู้แจ้งโลกาจากภพเบื้องล่างผู้ใดบ้างถือครองสมบัติศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นได้เหมือนเขา?”

“พอเจ้าพูดออกมาเช่นนี้ ที่มาของเจ้าเด็กนี่ดูลึกลับยิ่งจริง ๆ”

“ข้าว่า ข้าเคยได้ยินเรื่องตาข่ายนั้นมาก่อน เหมือนมันจะเป็นของฝูซี ประมุขเขาเทพพยากรณ์ มีชื่อว่าตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ กล่าวกันว่าสามารถจับร่องรอยเต๋าสวรรค์และชะตากรรมแห่งสรรพสิ่งได้ ทว่าข้าไม่กล้ายืนยันข้อสันนิษฐานนี้ เพราะถึงอย่างไร สมบัติที่ว่ามานี่สุดยอดกว่าเหรียญทองแดงโปรยสมบัติอีกนะ”

“ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์? แม่เจ้า! หนึ่งชิ้นมาจากเขาเทพพยากรณ์ อีกชิ้นมาจากนิกายอำนาจเทวะ หากเขาเป็นศิษย์จากหนึ่งในสองนิกายศักดิ์สิทธิ์นี่ เช่นนั้น เหตุใดเขาจึงถูกคนจากตระกูลอี้ไล่ล่าในแดนโลกาวินาศได้เล่า?”

“แปลก แปลกจริง ๆ”

แม้เหล่าชาวบ้านจะเสียความสามารถต่อสู้กันไปนานแล้ว แต่ทุกคนล้วนเป็นเทพผู้ทรงพลังอันเรืองอำนาจในภพเบื้องล่างมาก่อน ยังมีความสามารถในการแยกแยะและประสบการณ์ส่วนตัว จึงสามารถตรวจพบปริศนาและความผิดปกติมากมายจากเฉินซีได้

สิ่งนี้ทำให้พวกเขารู้สึกทั้งประหลาดใจ ตกใจและสับสน ภาพลักษณ์ของเฉินซีในใจเหมือนจะยิ่งลึกลับขึ้นกว่าเก่า

ตู้ม!

ขณะที่พวกเขาทั้งหลายต่างตกตะลึง ทันใดนั้น เสียงสนั่นสั่นโลกาก็กึกก้องมาจากสมรภูมิอันห่างไกล รัศมีสีทองเฉิดฉายเต็มนภา ย้อมบริเวณแสนลี้รอบข้างเป็นสีทองอร่ามจรัส

ขณะเดียวกัน เสียงกรีดร้องโหยหวนอันแสนขุ่นเคืองใจของอวี้เฉินก็แทรกออกมาท่ามกลางความอึกทึก

หลังจากนั้น เสียงเปรี้ยงก็ดังสนั่น ร่างของนางถูกขยี้เป็นชิ้น ๆ กลายเป็นก้อนเลือดเนื้อกระจัดกระจาย ทว่าคนทั้งหลายก็ต้องประหลาดใจเมื่อก้อนเลือดเนื้อเหล่านี้เหมือนมีชีวิตของตนเอง พวกมันแปรเป็นศรสีเลือดนับไม่ถ้วน ระเบิดทะยานไปทั่วทิศในฉับพลัน

ชาวบ้านทั้งหลายก็ตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกัน เพราะขอเพียงยอดฝีมือคนอื่น ๆ มาที่นี่ มันจะกลายเป็นหายนะเกินคาดคิดสำหรับพวกเขาแน่แท้

หลังเสร็จสิ้นเรื่องทั้งหมดนี้ เถี่ยคุนก็รีบร้อนไปหาเฉินซี

“ขออภัยด้วย สร้างปัญหาให้เจ้าเสียแล้ว” เมื่อเห็นเถี่ยคุนมาหา เฉินซีก็กล่าวขึ้นอย่างขอโทษขอโพยพลางใช้ผลึกศักดิ์สิทธิ์สองสามชิ้นมาฟื้นพลังศักดิ์สิทธิ์อันเหือดหายของตน

“เรื่องแบบนี้ถูกกำหนดไว้ก่อนแล้วเสมอ มิใช่ความผิดเจ้า” เถี่ยคุนโบกมือ “เจ้าไม่ต้องห่วงเราหรอก ข้ามาจากนิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิตแห่งแดนเทพโบราณ และทุ่งสมุนไพรวิญญาณนี่ก็เป็นของนิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิต ยามนี้เมื่อประสบปัญหา ข้าก็ขอความช่วยเหลือจากนิกายแล้ว ยอดฝีมือจากนิกายจะรีบรุดมาภายในหนึ่งวัน”

นิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิต? เฉินซีนิ่งไป เขาเหมือนจะจมในภวังค์ความคิด ขณะกล่าวว่า “สหายเต๋าเถี่ยคุนวางใจเถิด อีกเดี๋ยวข้าจะไปแล้ว ไม่ให้เป็นปัญหาต่อผู้ใด”

เถี่ยคุนเอ่ยปาก “ขอบคุณ”

เขาไม่สามารถปล่อยให้เฉินซีอยู่ต่อไปที่นี่ได้แน่แท้ แม้เฉินซีจะจัดการกับหายนะร้ายแรงได้ด้วยกำลังตนก็ตาม แต่เมื่อหวนนึกถึงสังกัดของเหล่าเทวารู้แจ้งโลกาที่ตกตาย หัวใจของเขาก็หนักอึ้ง รู้สึกว่าเรื่องนี้รับมือยากเย็นยิ่งนัก

ในหมู่ผู้ทรงอำนาจเหล่านั้น มีทั้งนายน้อยสามแห่งตระกูลอี้ ศิษย์ตระกูลอวี๋เผ่าเทพโบราณ และยอดฝีมือจากนิกายต่าง ๆ ในสามพันดาราจักรแห่งเอกภพมสิหิม… การผนึกกำลังระหว่างพวกเขามิใช่สิ่งที่เถี่ยคุนเผชิญหน้าได้เลย

เฉินซีพอเดาเรื่องทั้งหมดนี้ได้ และรู้สึกผิดน้อย ๆ ในใจ ชายหนุ่มตระหนักชัดเจนว่าเหตุที่เถี่ยคุนรับเขามาก็ด้วยเห็นแก่หน้า ‘เทพธิดา’ ผู้นั้น

ทว่าสุดท้าย ขณะที่เถี่ยคุนช่วยเขาไว้มากมาย หายนะยิ่งใหญ่ก็บังเกิดขึ้นเพราะเขา และเฉินซีก็อดรู้สึกผิดเพราะเหตุนี้ไม่ได้

เฉินซีครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วจึงคิดมอบสมบัติวิญญาณประดิษฐ์ทั้งสามที่ได้มาจากสมรภูมิแก่เถี่ยคุน ทว่าเถี่ยคุนปฏิเสธ

“ข้าไม่มีเหตุให้ใช้ และไม่กล้าใช้มันเลย” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเถี่ยคุยก็ปรากฏเค้าลังเล เขาชั่งใจอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะพูดว่า “เฉินซี หากเจ้าเข้าไปในแดนเทพโบราณได้ ช่วยข้าทำบางสิ่งได้หรือไม่?”

เฉินซีได้ยินแล้วก็นิ่งไป “สหายเต๋าว่ามาได้เลย หากข้าทำได้ ข้าไม่ปฏิเสธแน่นอน”

เถี่ยคุนได้ยินเช่นนี้ก็ปรีดา เอ่ยขึ้นว่า “มันเป็นเรื่องเล็กน้อย เจ้าทำได้สบายมาก”

เฉินซีพยักหน้า ก่อนจะยิ้มเจื่อน ๆ “ประเด็นอยู่ตรงที่ ข้าไม่กล้าพูดอย่างมั่นใจว่าจะสามารถเข้าไปในแดนเทพโบราณได้ นอกจากนั้น ข้ายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย ดังนั้นโปรดอย่าให้คาดหวังสูงไปนัก”

“ง่ายมาก ข้าจะบอกเจ้าทุกอย่างที่รู้เกี่ยวกับแดนเทพโบราณ” เถี่ยคุนพูดยิ้ม ๆ

หัวใจของเฉินซีสะท้าน เขารอเถี่ยคุนพูดเช่นนี้อยู่นานแล้ว!

……….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]